ข้อมูลเบื้องต้น

อุปกรณ์นี้คือเครื่องตัดหญ้าใบมีดพวงแบบนั่งขับ ซึ่งออกแบบมาสำหรับผู้ให้บริการมืออาชีพที่ต้องการนำไปใช้งานเชิงพาณิชย์ เหมาะสำหรับใช้ตัดหญ้าบนสนามที่มีการดูแลรักษาเป็นอย่างดีเป็นหลัก การใช้งานผลิตภัณฑ์นี้นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อาจเป็นอันตรายต่อคุณและคนรอบข้างได้

กรุณาอ่านเอกสารนี้อย่างละเอียดเพื่อศึกษาวิธีควบคุมและบำรุงรักษาผลิตภัณฑ์อย่างเหมาะสม และเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บและความเสียหายต่อผลิตภัณฑ์ คุณมีหน้าที่ใช้งานผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้องและปลอดภัย

โปรดเข้าไปที่เว็บไซต์ www.Toro.com เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงเคล็ดลับเพื่อความปลอดภัย เอกสารการฝึกอบรม ข้อมูลอุปกรณ์เสริม ความช่วยเหลือเพื่อค้นหาตัวแทนจำหน่าย หรือลงทะเบียนผลิตภัณฑ์

หากคุณต้องการการซ่อมบำรุง อะไหล่แท้ของ Toro หรือข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อตัวแทนบริการที่ได้รับอนุญาตหรือฝ่ายบริการลูกค้าของ Toro และเตรียมหมายเลขรุ่นและหมายเลขซีเรียลของผลิตภัณฑ์ไว้ให้พร้อม รูป 1 ระบุตำแหน่งของหมายเลขรุ่นและหมายเลขซีเรียลบนผลิตภัณฑ์ จดบันทึกหมายเลขในช่องว่างที่กำหนดให้

Important: นอกจากนี้ คุณสามารถใช้มือถือสแกนรหัส QR บนป้ายหมายเลขซีเรียลได้ (ถ้ามี) เพื่อเข้าถึงข้อมูลการรับประกัน อะไหล่ และข้อมูลผลิตภัณฑ์อื่นๆ

g266613

คู่มือฉบับนี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และระบุข้อความความปลอดภัยที่แสดงด้วยสัญลักษณ์เตือนอันตราย (รูป 2) ซึ่งบ่งบอกอันตรายที่อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บร้ายแรงหรือเสียชีวิตหากคุณไม่ปฏิบัติตามข้อควรระวังที่แนะนำ

g000502

คู่มือฉบับนี้ใช้คำ 2 คำในการเน้นข้อมูล สำคัญ เพื่อให้คุณใส่ใจศึกษาข้อมูลพิเศษเกี่ยวกับกลไกและ หมายเหตุ เพื่อเน้นข้อมูลทั่วไปที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ

ผลิตภัณฑ์นี้ได้มาตรฐานตามคำสั่งยุโรปทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดดูเอกสารรับรองมาตรฐาน (DOC) เฉพาะของผลิตภัณฑ์แยกต่างหาก

การใช้งานหรือการควบคุมอุปกรณ์นี้บนที่ดินที่ปกคลุมด้วยป่า พุ่มไม้ หรือหญ้าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายทรัพยากรสาธารณะแห่งแคลิฟอร์เนีย มาตรา 4442 หรือ 4443 ยกเว้นกรณีที่อุปกรณ์ติดตั้งเครื่องดักสะเก็ดไฟตามคำจำกัดความในมาตรา 4442 โดยต้องบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพดี หรือเป็นอุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมา ติดตั้ง และบำรุงรักษาเพื่อให้ป้องกันการเกิดเพลิงไหม้

คู่มือเจ้าของเครื่องยนต์ที่แนบมาจัดทำขึ้นมาเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (EPA) ของสหรัฐอเมริกาและกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนียว่าด้วยการควบคุมการปล่อยมลพิษของระบบไอเสีย การบำรุงรักษา และการรับประกัน อะไหล่ทดแทนสามารถสั่งซื้อได้จากผู้ผลิตเครื่องยนต์

คำเตือน

แคลิฟอร์เนีย

คำเตือนข้อเสนอ 65

ไอเสียจากเครื่องยนต์ดีเซลและองค์ประกอบบางส่วนของไอเสียมีสิ่งที่รัฐแคลิฟอร์เนียทราบว่าเป็นสาเหตุการเกิดโรคมะเร็ง ความพิการแต่กำเนิด และอันตรายต่อระบบสืบพันธุ์อื่นๆ

แท่นแบตเตอรี่ ขั้วแบตเตอรี่ และส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องมีตะกั่วและสารประกอบตะกั่วเป็นส่วนผสม ซึ่งเป็นสารเคมีที่รัฐแคลิฟอร์เนียทราบว่าเป็นสาเหตุการเกิดโรคมะเร็ง และเป็นอันตรายต่อระบบสืบพันธุ์ ล้างมือหลังจากหยิบจับ

การใช้ผลิตภัณฑ์นี้อาจทำให้ต้องสัมผัสกับสารเคมีที่รัฐแคลิฟอร์เนียทราบว่าเป็นสาเหตุการเกิดโรคมะเร็ง ความพิการแต่กำเนิด หรืออันตรายต่อระบบสืบพันธุ์อื่นๆ

ความปลอดภัย

อุปกรณ์นี้ออกแบบมาตามมาตรฐาน EN ISO 5395 (เมื่อคุณปฏิบัติตามขั้นตอนการตั้งค่าอย่างครบถ้วน) และ ANSI B71.4-2017

ความปลอดภัยทั่วไป

อุปกรณ์นี้อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บแก่มือและเท้า รวมถึงเกิดอันตรายจากวัตถุกระเด็นได้

  • อ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาของคู่มือผู้ใช้ฉบับนี้ก่อนจะสตาร์ทเครื่อง

  • โปรดมีสมาธิขณะควบคุมอุปกรณ์ อย่าทำกิจกรรมที่ทำให้เสียสมาธิ มิฉะนั้นอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บหรือเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินได้

  • อย่านำมือหรือเท้าเข้าใกล้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวของเครื่องจักร

  • หากไม่ได้ติดตั้งแผงกั้นและอุปกรณ์นิรภัยอื่นๆ ทั้งหมด หรือแผงกั้นและอุปกรณ์นิรภัยทำงานผิดปกติ กรุณาอย่าใช้เครื่อง

  • กันคนโดยรอบและเด็กๆ ออกจากพื้นที่ทำงาน ห้ามเด็กใช้งานอุปกรณ์โดยเด็ดขาด

  • ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก และรอให้รถหยุดนิ่งก่อนจะลุกออกจากที่นั่งคนขับ รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์

การใช้งานหรือบำรุงรักษาอย่างไม่ถูกต้องอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้ เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการบาดเจ็บ ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัยและสังเกตสัญลักษณ์เตือนอันตราย Graphicได้แก่ ข้อควรระวัง คำเตือน หรืออันตราย ซึ่งเป็นคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยส่วนบุคคล การไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้อาจส่งผลให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้

สติกเกอร์ความปลอดภัยและคำแนะนำ

Graphic

สติกเกอร์และคำแนะนำด้านความปลอดภัยมองเห็นได้ชัดเจน และติดอยู่ใกล้กับบริเวณที่มีโอกาสเกิดอันตราย เปลี่ยนสติกเกอร์ที่เสียหายหรือหายไป

decalbatterysymbols
decal93-6689
decal93-6696
decal93-7272
decal106-6754
decal106-6755
decal110-0986
decal110-8921
decal110-9642
decal120-4158
decal121-5644
decal133-8062
decal145-5261
decal133-2930

เครื่องจักร CE

decal133-2931
decal136-3721

การตั้งค่า

Note: ดูด้านซ้ายและขวาของอุปกรณ์จากตำแหน่งปกติในการควบคุมเครื่อง

การเตรียมอุปกรณ์

  1. จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ ลดชุดตัดหญ้าลงมา และเข้าเบรกจอด

  2. ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก และรอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง

  3. ตรวจสอบแรงดันลมยางก่อนใช้งาน โปรดดู การตรวจสอบแรงดันลมยาง

    Note: ลมยางจะแข็งกว่าปกติเพื่อให้สะดวกสำหรับการขนส่ง ปรับแรงดันลมยางก่อนใช้งานอุปกรณ์

  4. ตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิก โปรดดู การตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิก

  5. อัดจาระบีอุปกรณ์ โปรดดู การอัดจาระบีแบริ่งและบุชชิ่ง

    Important: หากไม่อัดจาระบีอุปกรณ์อย่างเหมาะสมจะส่งผลให้ชิ้นส่วนสำคัญสึกหรอก่อนเวลาอันควร

  6. เปิดฝากระโปรงอุปกรณ์และตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ โปรดดู การตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น

  7. ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง จากนั้นปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง

    Note: เครื่องยนต์เติมน้ำมันในห้องข้อเหวี่ยงมาให้แล้วจากโรงงาน แต่ควรตรวจสอบระดับน้ำมันก่อนและหลังสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรก

การปรับตำแหน่งแขนควบคุม

คุณสามารถปรับตำแหน่งแขนควบคุมได้เพื่อความสบาย

  1. คลายสลักเกลียว 2 ตัวที่ยึดแขนควบคุมเข้ากับโครงยึด (รูป 3)

    g004152
  2. หมุนแขนควบคุมไปยังตำแหน่งที่ต้องการและขันสลักเกลียวทั้ง 2 ตัว

การติดตั้งชุดตัดหญ้า

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

ตะขอนำทางท่อขวาหน้า1
ตะขอนำทางท่อซ้ายหน้า1

การเตรียมอุปกรณ์

  1. ถอดมอเตอร์ใบมีดพวงออกจากโครงยึดสำหรับขนส่ง

  2. ถอดโครงยึดสำหรับขนส่งและทิ้งไป

  3. ที่แขนยกแต่ละข้างของชุดตัดหญ้า ถอดหมุดสลักที่ยึดฝาครอบเข้ากับก้ามปูหมุนของแขนยก และเปิดฝาออก (รูป 4)

    g003975

การเตรียมชุดตัดหญ้า

  1. นำชุดตัดหญ้าออกจากลัง

  2. ประกอบและปรับตามที่ขั้นตอนที่อธิบายไว้ในคู่มือผู้ใช้ของชุดตัดหญ้า

  3. ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการติดตั้งน้ำหนักถ่วง (รูป 5) เข้ากับปลายของชุดตัดหญ้าด้านที่ถูกต้องตามที่อธิบายไว้ในคู่มือผู้ใช้ของชุดตัดหญ้า

    g003320

การวางสปริงชดเชยสภาพสนามและการติดตั้งตะขอนำทางท่อ

ชุดตัดหญ้า 4
g375671
  1. หากติดตั้งปิ๊นตัวอาร์ไว้ที่รูท้ายของก้านสปริงชดเชยสภาพสนาม ให้ถอดปิ๊นตัวอาร์ออกและสอดลงในรูปข้างโครงยึด (รูป 17)

    g375689
  2. ถอดน็อตล็อกติดจาน (3/8 นิ้ว) 2 ตัวและสลักเกลียวหัวมน (3/8 x 1-1/4 นิ้ว) 2 ตัวที่ยึดโครงยึดตัวชดเชยสภาพสนามเข้ากับโครงของชุดตัดหญ้า (รูป 18)

    g375690
  3. ถอดน็อตล็อกติดจาน (3/8 นิ้ว) ที่ยึดสกรูหัวจมของสปริงชดเชยสภาพสนามเข้ากับหูด้านขวาของโครงส่วนบรรทุก และถอดสปริงชดเชยสภาพออกจากชุดตัดหญ้า (รูป 19)

    Note: อย่าถอดน็อตจานจักรออกจากสกรูหัวจม

    g375691
  4. ประกอบสกรูหัวจมของสปริงชดเชยสภาพสนามเข้ากับหูขวาของโครงส่วนบรรทุก (รูป 20) ด้วยน็อตล็อกติดจาน (3/8 นิ้ว)

    g375694
  5. จัดตำแหน่งให้สลักของตะขอนำทางท่อด้านซ้ายตรงกับรูในโครงชุดตัดหญ้าและโครงยึดตัวชดเชยสภาพสนาม (รูป 21)

    Note: ห่วงรองรับของตะขอนำทางท่อจะต้องตรงกับแนวกลางของอุปกรณ์

    g375687
  6. ประกอบตะขอนำทางท่อและโครงยึดตัวชดเชยสภาพสนามเข้ากับโครงชุดตัดหญ้าด้วยน็อตล็อกติดจาน (3/8 นิ้ว) 2 ตัว

  7. ขันน็อตล็อกและสลักเกลียวจนได้แรงบิด 37 ถึง 45 นิวตันเมตร (27 ถึง 33 ฟุตปอนด์)

การติดตั้งตะขอนำทางท่อ

ชุดตัดหญ้า 5
g375672
  1. หากติดตั้งปิ๊นตัวอาร์ไว้ที่รูท้ายของก้านสปริงชดเชยสภาพสนาม ให้ถอดปิ๊นตัวอาร์ออกและสอดลงในรูปข้างโครงยึด (รูป 12)

    g375689
  2. ถอดน็อตล็อกติดจาน (3/8 นิ้ว) 2 ตัวและสลักเกลียวหัวมน (3/8 x 1-1/4 นิ้ว) 2 ตัวที่ยึดโครงยึดตัวชดเชยสภาพสนามเข้ากับโครงของชุดตัดหญ้า (รูป 14)

    g375690
  3. จัดตำแหน่งให้สลักของตะขอนำทางท่อด้านขวาตรงกับรูในโครงชุดตัดหญ้าและโครงยึดตัวชดเชยสภาพสนาม (รูป 15)

    Note: ดูให้แน่ใจว่าห่วงรองรับของตะขอนำทางท่อตรงกับแนวกลางของอุปกรณ์

    g375688
  4. ประกอบตะขอนำทางท่อและโครงยึดตัวชดเชยสภาพสนามเข้ากับโครงชุดตัดหญ้าด้วยน็อตล็อกติดจาน (3/8 นิ้ว) 2 ตัว

  5. ขันน็อตล็อกจนได้แรงบิด 37 ถึง 45 นิวตันเมตร (27 ถึง 33 ฟุตปอนด์)

การจัดวางสปริงชดเชยสภาพสนาม

ชุดตัดหญ้า 2
g379514
  1. หากติดตั้งปิ๊นตัวอาร์ไว้ที่รูท้ายของก้านสปริงชดเชยสภาพสนาม ให้ถอดปิ๊นตัวอาร์ออกและสอดลงในรูปข้างโครงยึด (รูป 17)

    g375689
  2. ถอดน็อตล็อกติดจาน (3/8 นิ้ว) 2 ตัวและสลักเกลียวหัวมน (3/8 x 1-1/4 นิ้ว) 2 ตัวที่ยึดโครงยึดตัวชดเชยสภาพสนามเข้ากับโครงของชุดตัดหญ้า (รูป 18)

    g375690
  3. ถอดน็อตล็อกติดจาน (3/8 นิ้ว) ที่ยึดสกรูหัวจมของสปริงชดเชยสภาพสนามเข้ากับหูด้านขวาของโครงส่วนบรรทุก และถอดสปริงชดเชยสภาพออกจากชุดตัดหญ้า (รูป 19)

    Note: อย่าถอดน็อตจานจักรออกจากสกรูหัวจม

    g375691
  4. ประกอบสกรูหัวจมของสปริงชดเชยสภาพสนามเข้ากับหูขวาของโครงส่วนบรรทุก (รูป 20) ด้วยน็อตล็อกติดจาน (3/8 นิ้ว)

    g375694
  5. เรียงรูบนโครงยึดตัวชดเชยสภาพสนามให้ตรงกับรูในโครงชุดตัดหญ้า (รูป 21)

    Note: ห่วงรองรับของตะขอนำทางท่อจะต้องตรงกับแนวกลางของอุปกรณ์

    g378789
  6. ประกอบโครงยึดตัวชดเชยสภาพสนามเข้ากับโครงชุดตัดหญ้าด้วยสลักเกลียวหัวมน (3/8 x 1-1/4 นิ้ว) 2 ตัวและน็อตล็อกติดจาน (3/8 นิ้ว) 2 ตัว

  7. ขันน็อตล็อกและสลักเกลียวจนได้แรงบิด 37 ถึง 45 นิวตันเมตร (27 ถึง 33 ฟุตปอนด์)

การติดตั้งขาตั้ง

ยึดขาตั้งเข้ากับโครงยึดโซ่ด้วยหมุดสแนปเปอร์ สำหรับชุดตัดหญ้าแต่ละชุด (รูป 22)

g004144

การติดตั้งชุดตัดหญ้าส่วนหน้าเข้ากับแขนยก

  1. เลื่อนชุดตัดหญ้าเข้าใต้แขนยก (รูป 23)

    g375274
  2. ประกอบก้ามปูแขนยกเข้ากับเพลาโครงส่วนบรรทุก

  3. ประกอบฝาครอบเข้ากับเพลาแขนหมุน และเรียงรูบนเพลาโครงส่วนบรรทุก เพลาแขนหมุน และฝาครอบให้ตรงกัน

  4. ยึดฝาครอบและเพลาโครงส่วนบรรทุกเข้ากับก้ามปูของแขนยกด้วยหมุดสแนปเปอร์

    การล็อกหมุดหมุนของชุดตัดหญ้าสำหรับการตัดหญ้าข้างเนิน—ล็อกหมุดหมุนของชุดตัดหญ้าเพื่อป้องกันไม่ให้ชุดตัดหญ้ากลิ้งลงเนินขณะตัดไปตามหน้าเนิน ใช้รูในเพลาหมุนแขนยก (รูป 24) ล็อกชุดตัดหญ้า ใช้ช่องสำหรับชุดตัดหญ้าควบคุมทิศทาง

    g375251

การติดตั้งชุดตัดหญ้าส่วนท้ายเข้ากับแขนยก

ชุดตัดหญ้าปรับที่ 1.2 ซม. (3/4 นิ้ว) หรือความสูงในการตัดที่สูงขึ้น
  1. เลื่อนชุดตัดหญ้าเข้าใต้แขนยก (รูป 25)

    g375252
  2. ประกอบก้ามปูแขนยกเข้ากับเพลาโครงส่วนบรรทุก

  3. ประกอบฝาครอบเข้ากับเพลาแขนหมุน และเรียงรูบนเพลาโครงส่วนบรรทุก เพลาแขนหมุน และฝาครอบให้ตรงกัน

  4. ยึดเพลาแขนหมุนและฝาครอบเข้ากับเพลาโครงส่วนบรรทุกด้วยหมุดสแนปเปอร์

    การล็อกหมุดหมุนของชุดตัดหญ้าสำหรับการตัดหญ้าข้างเนิน—ล็อกหมุดหมุนของชุดตัดหญ้าเพื่อป้องกันไม่ให้ชุดตัดหญ้ากลิ้งลงเนินขณะตัดไปตามหน้าเนิน ใช้รูในเพลาหมุนแขนยก (รูป 25) ล็อกชุดตัดหญ้า ใช้ช่องสำหรับชุดตัดหญ้าควบคุมทิศทาง

    g375251
  5. ทำซ้ำขั้นตอน 1 และ 2 สำหรับชุดตัดหญ้าส่วนท้ายอื่น ๆ

การติดตั้งชุดตัดหญ้าส่วนท้ายเข้ากับแขนยก

ชุดตัดหญ้าปรับที่ 1.2 ซม. (3/4 นิ้ว) หรือความสูงในการตัดที่ต่ำลง
  1. ถอดสลักปิ๊นและแหวนรองที่ทำหน้าที่ยึดเพลาหมุนแขนยกเข้ากับแขนยกออกมา และเลื่อนเพลาหมุนออกจากแขนยก (รูป 27)

    g375236
  2. ประกอบก้ามปูแขนยกเข้ากับเพลาโครงส่วนบรรทุก (รูป 28)

    g375237
  3. ประกอบฝาครอบเข้ากับเพลาแขนหมุน และเรียงรูบนเพลาโครงส่วนบรรทุก เพลาแขนหมุน และฝาครอบให้ตรงกัน

  4. ยึดเพลาแขนหมุนและฝาครอบเข้ากับเพลาโครงส่วนบรรทุกด้วยหมุดสแนปเปอร์

    การล็อกหมุดหมุนของชุดตัดหญ้าสำหรับการตัดหญ้าข้างเนิน—ล็อกหมุดหมุนของชุดตัดหญ้าเพื่อป้องกันไม่ให้ชุดตัดหญ้ากลิ้งลงเนินขณะตัดไปตามหน้าเนิน ใช้รูในเพลาหมุนแขนยก (รูป 29) ล็อกชุดตัดหญ้า ใช้ช่องสำหรับชุดตัดหญ้าควบคุมทิศทาง

    g375251
  5. เลื่อนชุดตัดหญ้าเข้าใต้แขนยก (รูป 30)

    g375239
  6. สอดเพลาแขนยกเข้ากับแขนยก และยึดเพลาเข้ากับแขนให้แน่นด้วยสลักปิ๊นและแหวนรอง

  7. ทำซ้ำขั้นตอน 1 ถึง 6 สำหรับชุดตัดหญ้าส่วนท้ายอื่น ๆ

การติดตั้งโซ่แขนยกของชุดตัดหญ้า

ยึดโซ่ของแขนยกเข้ากับโครงยึดโซ่ด้วยหมุดสแนปเปอร์ (รูป 31)

Note: ใช้ข้อโซ่ตามจำนวนที่อธิบายในคู่มือผู้ใช้ของชุดตัดหญ้า

g003948

การติดตั้งมอเตอร์ใบมีดพวง

  1. ทาเพลาสปลายน์ของมอเตอร์ใบมีดพวงด้วยจาระบีที่สะอาด

  2. ทาน้ำมันที่โอริงของมอเตอร์ใบมีดพวง และติดตั้งเข้ากับหน้าแปลนมอเตอร์

  3. ติดตั้งมอเตอร์โดยหมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อให้หน้าแปลนมอเตอร์ไม่ติดสลักเกลียว (รูป 32)

    g004127
  4. หมุนมอเตอร์ทวนเข็มนาฬิกาจนกว่าหน้าแปลนวนรอบสลักเกลียว จากนั้นขันสลักเกลียวให้แน่น

    Important: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่อของมอเตอร์ใบมีดพวงไม่บิด งอ หรือเสี่ยงที่จะถูกหนีบ

  5. ขันสลักเกลียวยึดจนได้แรงบิด (27 ถึง 33 ฟุตปอนด์)

การใช้ขาตั้งชุดตัดหญ้า

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

ขาตั้งชุดตัดหญ้า1

เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องเอียงชุดตัดหญ้าเพื่อดูใบมีดล่าง/ใบมีดพวง ให้ค้ำส่วนท้ายของชุดตัดหญ้าด้วยขาตั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้น็อตบนปลายด้านหลังของสกรูปรับเบดบาร์ไม่วางอยู่บนพื้น (รูป 33)

g003985

ยึดขาตั้งเข้ากับโครงยึดโซ่ด้วยหมุดสแนปเปอร์ (รูป 34)

g004144

การติดตั้งล็อกฝากระโปรง CE

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

ล็อกฝากระโปรง ซีล และน็อตสวมทับ1
แหวน1
  1. ปลดสลักและยกฝากระโปรงของอุปกรณ์ขึ้น

  2. ถอดแหวนยางออกจากรูที่ด้านซ้ายของฝากระโปรง (รูป 35)

    g004143
  3. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าซีลประกอบเข้ากับล็อกฝากระโปรงดีแล้ว (รูป 36)

    g375326
  4. ถอดน็อตออกจากล็อก

  5. จากด้านนอกฝากระโปรง สอดปลายตะขอของสลักผ่านรูในฝากระโปรง

    Note: ซีลวางเรียงเข้ากับด้านนอกของกระโปรง

  6. ภายในฝากระโปรง ยึดล็อกเข้ากับฝากระโปรงให้แน่นด้วยแหวนรองและน็อต

  7. ปิดฝากระโปรง และใช้กุญแจสลักฝากระโปรงที่ให้มาตรวจสอบว่าตะขอของล็อกเกี่ยวเข้ากับที่เกี่ยวของโครงเมื่อล็อกแล้ว

การติดสติกเกอร์ CE

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

สติกเกอร์ CE1
สติกเกอร์ปีที่ผลิต1
สติกเกอร์คำเตือน1

การติดสติกเกอร์ CE

  1. ใช้แอลกอฮอล์และผ้าขี้ริ้วสะอาดทำความสะอาดบริเวณฝากระโปรงข้างล็อกฝากระโปรง และรอให้ฝากระโปรงแห้ง (รูป 37)

    g375553
  2. แกะสติกเกอร์ CE ออกจากกระดาษรอง

  3. ติดสติกเกอร์เข้ากับฝากระโปรง

การติดสติกเกอร์ปีที่ผลิต

  1. ใช้แอลกอฮอล์และผ้าขี้ริ้วสะอาดทำความสะอาดบริเวณโครงยึดพื้นข้างป้ายซีเรียล และปล่อยให้โครงยึดแห้ง (รูป 38)

    g375554
  2. แกะสติกเกอร์สติกเกอร์ปีที่ผลิตออกจากกระดาษรอง

  3. ติดสติกเกอร์เข้ากับโครงยึดพื้น

การติดสติกเกอร์คำเตือน CE

  1. ใช้แอลกอฮอล์และผ้าขี้ริ้วสะอาดเช็ดพื้นผิวของสติกเกอร์คำเตือน 133-2930 และปล่อยให้สติกเกอร์แห้ง (รูป 39)

    g375338
  2. แกะสติกเกอร์คำเตือน CE ออกจากกระดาษรอง

  3. ติดสติกเกอร์คำเตือน CE ทับสติกเกอร์ 133-293

ภาพรวมผลิตภัณฑ์

g216864

แป้นขับเคลื่อน

แป้นขับเคลื่อน (รูป 41) ควบคุมการเดินหน้าและถอยหลัง เหยียบส่วนบนของแป้นเพื่อขยับอุปกรณ์เดินหน้าและเหยียบส่วนล่างเพื่อขยับอุปกรณ์ถอยหลัง ความเร็วขับเคลื่อนบนพื้นจะขึ้นอยู่กับว่าคุณเหยียบแป้นมากน้อยเพียงใด หากต้องการให้อุปกรณ์ที่ไม่ได้บรรทุกสิ่งใดขับเคลื่อนบนพื้นด้วยความเร็วสูงสุด ให้เหยียบแป้นจนสุดในขณะที่ลิ้นเร่งอยู่ในตำแหน่งเร็ว

หากต้องการดับเครื่องอุปกรณ์ ลดแรงเหยียบบนแป้นขับเคลื่อนลง และปล่อยให้แป้นคืนกลับมาที่ตำแหน่งกลาง

g003955

คันโยกตัดหญ้า/ขนส่ง

ใช้คันโยกตัดหญ้า/ขนส่ง (รูป 41) เพื่อตั้งค่าอุปกรณ์อยู่ในโหมดตัดหญ้าหรือโหมดขนส่ง ดันคันโยกไปข้างหน้าเพื่อเลือกโหมดตัดหญ้า และดันไปข้างหลังเพื่อเลือกโหมดขนส่ง

Note: ชุดตัดหญ้าจะไม่สามารถลดระดับลงมาได้เมื่อคันโยกตัดหญ้า/ขนส่งอยู่ในตำแหน่งขนส่ง

สวิตช์จำกัดความเร็วการตัดหญ้า

เมื่อดันสวิตช์จำกัดความเร็วการตัดหญ้า (รูป 41) ขึ้น/ไปข้างหน้า สวิตช์นี้จะควบคุมความเร็วการตัดหญ้า และช่วยให้ชุดตัดหญ้าทำงาน ตัวคั่นแต่ละตัวจะปรับความเร็วการตัดหญ้าทีละ 0.8 กม./ชม. (0.5 ไมล์ต่อชั่วโมง) ยิ่งใช้ตัวคั่นมากขึ้นบนสลักเกลียว อุปกรณ์จะยิ่งเคลื่อนที่ช้าลง ดันสวิตช์จำกัดความเร็วการตัดหญ้าไปข้างหลังเพื่อให้อุปกรณ์วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด

แป้นเบรก

เหยียบแป้นเบรก (รูป 41) เพื่อหยุดอุปกรณ์

เบรกจอด

หากต้องการเข้าเบรกจอด (รูป 41) เหยียบแป้นเบรกลงและเหยียบส่วนบนไปข้างหน้าเพื่อล็อกสลักเบรก หากต้องการปลดเบรกจอด กดแป้นเบรกจนกระทั่งสลักเบรกจอดหดกลับ

แป้นปรับพวงมาลัย

หากต้องการเอียงพวงมาลัยเข้าหาตัวคุณ ให้เหยียบแป้น (รูป 41) ลง แล้วดึงคอพวงมาลัยเข้าหาตัวจนได้ตำแหน่งที่สบาย จากนั้นปล่อยแป้นเหยียบ

คันโยกลิ้นเร่ง

ดันคันโยกลิ้นเร่ง (รูป 42) ไปข้างหน้าเพื่อเพิ่มความเร็วเครื่องยนต์ และดันไปข้างหลังเพื่อลดความเร็วเครื่องยนต์

g025902

คันควบคุมการยก/ลดชุดตัดหญ้า

คันโยกนี้ (รูป 42) ทำหน้าที่ยกและลดระดับชุดตัดหญ้า นอกจากนี้ คุณยังใช้คันโยกนี้เพื่อสตาร์ทและหยุดชุดตัดหญ้าได้ด้วยเมื่อคันโยกตัดหญ้า/ขนส่งอยู่ในโหมดตัดหญ้า และสวิตช์เปิดใช้งาน/ปิดใช้งานอยู่ในตำแหน่งเปิดใช้งาน คุณไม่สามารถลดชุดตัดหญ้าลงได้อีก เมื่อคันโยกตัดหญ้า/ขนส่งอยู่ในตำแหน่งขนส่ง

สวิตช์กุญแจ

สวิตช์กุญแจ (รูป 42) มี 3 ตำแหน่ง: ปิด, เปิด/อุ่นเครื่อง และ สตาร์ท

InfoCenter

จอแสดงผล LCD InfoCenter แสดงข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ เช่น สถานะการทำงาน การวินิจฉัยต่างๆ และข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์ (รูป 42)

สวิตช์เปิด/ปิด

ใช้สวิตช์เปิด/ปิด (รูป 42) รวมกับคันควบคุมการยก/ลดชุดตัดหญ้าเพื่อใช้งานชุดตัดหญ้า

สวิตช์ไฟหน้า

หมุนสวิตช์ลงเพื่อเปิดไฟหน้า (รูป 42)

คันโยกลับคม

ใช้คันโยกลับคมร่วมกับคันควบคุมการยก/ลดชุดตัดหญ้าเพื่อลับคมใบมีดพวง (รูป 43)

g021209

จุดต่อไฟฟ้า

จุดต่อไฟฟ้าเป็นจุดจ่ายไฟฟ้า 12 โวลต์สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (รูป 44)

g004133

ส่วนควบคุมเบาะที่นั่ง

g003954

คันปรับตำแหน่งเบาะที่นั่ง

ดึงคันปรับตำแหน่งเบาะที่นั่ง (รูป 45) เพื่อขยับเบาะที่นั่งไปข้างหน้าและถอยหลัง ปล่อยคันปรับเพื่อล็อกตำแหน่งเบาะที่นั่ง

ลูกบิดปรับน้ำหนัก

หมุนลูกบิดปรับน้ำหนักจนกว่าน้ำหนักของคุณจะแสดงในช่องมองของเกจน้ำหนัก

ลูกบิดปรับความสูง

หมุนลูกบิดปรับความสูงเพื่อปรับความสูงของเบาะที่นั่ง

การใช้จอแสดงผล LCD InfoCenter

จอแสดงผล LCD InfoCenter แสดงข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ เช่น สถานะการทำงาน การวินิจฉัยต่างๆ และข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์ (รูป 46) โดยจะมีหน้าจอเริ่มต้นและหน้าจอข้อมูลหลักของ InfoCenter คุณสามารถสลับเปลี่ยนระหว่างหน้าจอเริ่มต้นกับหน้าจอข้อมูลหลักเมื่อใดก็ได้ โดยการกดปุ่ม InfoCenter ปุ่มใดก็ได้ จากนั้นเลือกลูกศรทิศทางที่เหมาะสม

g020650
  • ปุ่มซ้าย, ปุ่มเข้าถึงเมนู/ปุ่มถอยหลัง—กดปุ่มนี้เพื่อเข้าสู่เมนู InfoCenter คุณสามารถใช้ปุ่มนี้เพื่อถอยกลับจากเมนูที่ใช้งานอยู่ได้

  • ปุ่มกลาง—กดปุ่มนี้เพื่อเลื่อนเมนูลง

  • ปุ่มขวา—กดปุ่มนี้เพื่อเปิดเมนู ซึ่งลูกศรขวาจะระบุเนื้อหาเพิ่มเติม

Note: วัตถุประสงค์ของแต่ละปุ่มอาจเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับความต้องการในขณะนั้น แต่ละปุ่มจะติดฉลากไอคอนแสดงฟังก์ชันการทำงานในปัจจุบัน

คำอธิบายไอคอน InfoCenter

กำหนดการซ่อมบำรุง[SERVICE DUE]แสดงว่าควรซ่อมบำรุงเมื่อใด
Graphicมิเตอร์นับชั่วโมง
Graphicไอคอนข้อมูล
Graphicเร็ว
Graphicช้า
Graphicระดับเชื้อเพลิง
Graphicหัวเทียนทำงาน 
Graphicยกชุดตัดหญ้าขึ้น
Graphicลดชุดตัดหญ้าลง
Graphicนั่งอยู่ในเบาะที่นั่ง
Graphicเบรกจอดใช้งานอยู่
Graphicช่วงสูง (ขนส่ง)
Graphicเกียร์ว่าง
Graphicช่วงต่ำ (ตัดหญ้า)
Graphicอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น (°C หรือ °F)
Graphicอุณหภูมิ (ร้อน)
GraphicPTO ทำงานอยู่ 
Graphicไม่อนุญาต
Graphicสตาร์ทเครื่องยนต์ 
Graphicดับเครื่องยนต์
Graphicเครื่องยนต์
Graphicสวิตช์กุญแจ
Graphicชุดตัดหญ้ากำลังลดระดับลง
Graphicชุดตัดหญ้ากำลังยกขึ้น
GraphicPIN รหัสผ่าน
Graphicแคนบัส
GraphicInfoCenter
Graphicไม่ดีหรือล้มเหลว
Graphicหลอดไฟ
Graphicเอาต์พุตของส่วนควบคุม TEC หรือสายควบคุมในชุดสายไฟ
Graphicสวิตช์
Graphicปลดสวิตช์ 
Graphicเปลี่ยนเป็นสถานะที่ระบุ
สัญลักษณ์มักจะอยู่รวมกันเป็นประโยค ดูตัวอย่างบางส่วนได้จากด้านล่าง 
Graphicเข้าเกียร์ว่าง
Graphicการสตาร์ทเครื่องยนต์ถูกปฏิเสธ
Graphicเครื่องยนต์ดับ
Graphicน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ร้อนเกินไป 
Graphicนั่งลงหรือใช้เบรกจอด

การใช้เมนู

หากต้องการเข้าถึงระบบเมนู InfoCenter ให้กดปุ่มเข้าถึงเมนูขณะที่อยู่ในหน้าจอหลัก ส่วนนี้พาคุณไปยังเมนูหลัก โปรดดูข้อมูลสรุปเกี่ยวกับตัวเลือกที่มีในเมนูจากตารางด้านล่าง

Note: แปลเฉพาะข้อความที่ผู้ใช้อ่านเท่านั้น หน้าจอความขัดข้อง การซ่อมบำรุง และการวินิจฉัยเป็น “หน้าจอซ่อมบำรุง” ชื่อจะเป็นภาษาที่เลือก แต่รายการเมนูเป็นภาษาอังกฤษ

เมนูหลัก

รายการเมนูคำอธิบาย
Faults (ความขัดข้อง)เมนูความขัดข้องระบุรายการความขัดข้องของอุปกรณ์ล่าสุด หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมนูความขัดข้องและข้อมูลที่อยู่ในเมนูดังกล่าว โปรดดูคู่มือซ่อมบำรุงหรือติดต่อตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Toro
Service (ซ่อมบำรุง)เมนูซ่อมบำรุงมีข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ เช่น ตัวนับชั่วโมงการใช้งาน และตัวเลขอื่นๆ ที่คล้ายกัน
Diagnostics (การวินิจฉัย)เมนูวินิจฉัยแสดงสถานะของสวิตช์ เซ็นเซอร์ และเอาต์พุตการควบคุมของอุปกรณ์แต่ละส่วน คุณสามารถใช้เมนูนี้แก้ไขปัญหาบางอย่างได้ เนื่องจากระบบจะแจ้งว่าการควบคุมอุปกรณ์ส่วนใดที่เปิดและส่วนใดที่ปิดได้อย่างรวดเร็ว
Settings (การตั้งค่า)เมนูการตั้งค่าช่วยให้คุณปรับแต่งและเปลี่ยนแปลงตัวแปรการกำหนดค่าบนจอแสดงผล InfoCenter
About (เกี่ยวกับ)เมนูเกี่ยวกับระบุหมายเลขรุ่น หมายเลขซีเรียล และเวอร์ชันซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์

Service (ซ่อมบำรุง)

รายการเมนูคำอธิบาย
Hoursแสดงจำนวนชั่วโมงโดยรวมที่อุปกรณ์ เครื่องยนต์ และ PTO เปิดทำงาน รวมถึงจำนวนชั่วโมงที่มีการขนส่งอุปกรณ์ และเวลาถึงกำหนดซ่อมบำรุง
Countsแสดงแสดงค่าการนับต่างๆ ของอุปกรณ์

Diagnostics (การวินิจฉัย)

รายการเมนูคำอธิบาย
Cutting Unitsระบุอินพุต ข้อมูลระบุ และเอาต์พุตสำหรับการยกชุดตัดหญ้าขึ้นและลง 
Hi/Low Rangeระบุอินพุต ข้อมูลระบุ และเอาต์พุตสำหรับการขับขี่ในโหมดขนส่ง 
PTOระบุอินพุต ข้อมูลระบุ และเอาต์พุตสำหรับการใช้วงจร PTO 
Engine Runระบุอินพุต ข้อมูลระบุ และเอาต์พุตสำหรับการสตาร์ทเครื่องยนต์ 
Backlapระบุอินพุต ข้อมูลระบุ และเอาต์พุตสำหรับการใช้งานฟังก์ชันลับคม

Settings (การตั้งค่า)

รายการเมนูคำอธิบาย
Units (หน่วยวัด)ควบคุมหน่วยวัดที่ใช้ใน InfoCenter ตัวเลือกในเมนู ได้แก่ อังกฤษหรือเมตริก 
Language (ภาษา)ควบคุมภาษาที่ใช้ใน InfoCenter*
LCD Backlight (แสงพื้นหลังของจอ LCD)ควบคุมความสว่างของจอ LCD 
LCD Contrast (คอนทราสต์ของจอ LCD)ควบคุมคอนทราสต์ของจอ LCD 
Front Backlap Reel Speed (ความเร็วลับคมใบมีดพวงด้านหน้า)ควบคุมความเร็วของใบมีดพวงด้านหน้าในโหมดลับคม 
Rear Backlap Reel Speed (ความเร็วลับคมใบมีดพวงด้านหลัง)ควบคุมความเร็วของใบมีดพวงด้านหลังในโหมดลับคม 
Protected Menus (เมนูที่ได้รับการป้องกัน)ผู้จัดการ/ช่างสามารถเข้าถึงเมนูที่ได้รับการป้องกันได้โดยการป้อนรหัสผ่าน
Blade Count (จำนวนใบมีด)ควบคุมจำนวนใบมีดบนใบมีดพวงสำหรับความเร็วใบมีดพวง
Mow Speed (ความเร็วการตัดหญ้า) ควบคุมความเร็วขับเคลื่อนบนพื้นเพื่อการกำหนดความเร็วใบมีดพวง
Height of cut (HOC) (ความสูงในการตัด (HOC))ควบคุมความสูงในการตัด (HOC) เพื่อกำหนดความเร็วใบมีดพวง
F Reel RPM (รอบต่อนาทีของใบมีดพวงด้านหน้า)แสดงตำแหน่งความเร็วใบมีดพวงที่คำนวณไว้สำหรับใบมีดพวงด้านหน้า นอกจากนี้ยังสามารถปรับใบมีดพวงแบบแมนวลได้ด้วย 
R Reel RPM (รอบต่อนาทีของใบมีดพวงด้านหลัง) แสดงตำแหน่งความเร็วใบมีดพวงที่คำนวณไว้สำหรับใบมีดพวงด้านหลัง นอกจากนี้ยังสามารถปรับใบมีดพวงแบบแมนวลได้ด้วย 

About (เกี่ยวกับ)

รายการเมนูคำอธิบาย
Modelแสดงหมายเลขรุ่นของอุปกรณ์
SNแสดงหมายเลขซีเรียลของอุปกรณ์ 
Machine Controller Revisionแสดงรุ่นซอฟต์แวร์ของส่วนควบคุมหลัก 
InfoCenter Revisionแสดงรุ่นซอฟต์แวร์ของ InfoCenter 
CAN Busแสดงสถานะบัสการสื่อสารของอุปกรณ์ 

เมนูที่ได้รับการป้องกัน

การตั้งค่าการทำงานมี 5 แบบ ซึ่งสามารถปรับได้ในเมนูการตั้งค่าของ InfoCenter: จำนวนใบมีด, ความเร็วการตัดหญ้า, ความสูงในการตัด (HOC), รอบต่อนาทีของใบมีดพวงด้านหน้า และรอบต่อนาทีของใบมีดพวงด้านหลัง การตั้งค่าเหล่านี้สามารถล็อกได้โดยใช้เมนูที่ได้รับการป้องกัน

Note: ตอนที่จัดส่งอุปกรณ์ ตัวแทนจำหน่ายของคุณจะตั้งค่ารหัสผ่านเบื้องต้นไว้ให้

การเข้าถึงเมนูที่ได้รับการป้องกัน

Note: รหัส PIN ที่เป็นค่าเริ่มต้นมาจากโรงงานสำหรับอุปกรณ์ของคุณอาจเป็น 0000 หรือ 1234หากคุณเปลี่ยนรหัส PIN และลืมรหัส โปรดติดต่อตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Toro เพื่อขอความช่วยเหลือ

  1. จากเมนูหลัก ใช้ปุ่มกลางเลื่อนลงไปที่เมนูการตั้งค่า และกดปุ่มขวา (รูป 47)

    g028523
  2. ในเมนูการตั้งค่า ใช้ปุ่มกลางเลื่อนลงมายังเมนูที่ได้รับการป้องกัน และกดปุ่มขวา (รูป 48A)

    g028522
  3. ป้อนรหัส PIN โดยกดปุ่มกลางจนกว่าเลขหลักแรกที่ถูกต้องจะปรากฏ จากนั้นกดปุ่มขวาเพื่อเลื่อนไปหลักถัดไป (รูป 48B และ รูป 48C) ทำซ้ำขั้นตอนนี้จนป้อนหลักสุดท้ายเสร็จ จากนั้นกดปุ่มขวาอีกหนึ่งครั้ง

  4. กดปุ่มกลางเพื่อป้อนหรัส PIN (รูป 48D)

    รอจนกว่าไฟสถานะสีแดงของ InfoCenter จะสว่างขึ้น

    Note: หาก InfoCenter ยอมรับรหัส PIN เมนูที่ได้รับการป้องกันจะปลดล็อก คำว่า “PIN” ปรากฏขึ้นที่มุมขวาบนของหน้าจอ

Note: หมุนสวิตช์กุญแจไปยังตำแหน่งปิด จากนั้นหมุนไปที่ตำแหน่งเปิด เพื่อล็อกเมนูที่ได้รับการป้องกัน

คุณสามารถดูและเปลี่ยนการตั้งค่าได้ในเมนูที่ได้รับการป้องกัน หลังจากเข้าถึงเมนูที่ได้รับการป้องกันได้แล้ว ให้เลื่อนลงมายังตัวเลือกการตั้งค่าการป้องกัน ใช้ปุ่มขวาเปลี่ยนการตั้งค่า การตั้งค่าเมนูที่ได้รับการป้องกันเป็นปิด ทำให้คุณสามารถดูและเปลี่ยนการตั้งค่าในเมนูที่ได้รับการป้องกันได้โดยไม่ต้องป้อนรหัส PIN การตั้งค่าเมนูที่ได้รับการป้องกันเป็นเปิด จะซ่อนตัวเลือกที่ได้รับการป้องกัน และกำหนดให้คุณต้องป้อนรหัส PIN หากต้องการเปลี่ยนการตั้งค่าในเมนูที่ได้รับการป้องกัน หลังจากตั้งรหัส PIN แล้ว หมุนสวิตช์กุญแจไปที่ตำแหน่งปิด และหมุนกลับมาที่ตำแหน่งเปิด เพื่อเปิดใช้งานและบันทึกคุณสมบัตินี้

การตั้งค่าตัวจับเวลากำหนดการซ่อมบำรุง

ส่วนนี้จะรีเซ็ตชั่วโมงกำหนดการซ่อมบำรุงหลังจากที่บำรุงรักษาตามกำหนดการไปแล้ว

  1. ในเมนูการตั้งค่า ใช้ปุ่มกลางเลื่อนลงมายังเมนูที่ได้รับการป้องกัน และกดปุ่มขวา

  2. ป้อน PIN โปรดดูการเข้าถึงเมนูที่ได้รับการป้องกันในคู่มือผู้ใช้ของอุปกรณ์ของคุณ

  3. ในเมนูซ่อมบำรุง ไปที่เมนูชั่วโมง

  4. เลื่อนลงไปที่สัญลักษณ์ซ่อมบำรุง Graphic

    Note: หากการซ่อมบำรุงถึงกำหนดแล้วตอนนี้ ไอคอนแรกจะแสดง ตอนนี้

  5. ใต้ไอคอนแรกคือรายการรอบการซ่อมบำรุง Graphic (รอบเวลา เช่น 250, 500 เป็นต้น)

    Note: รอบการซ่อมบำรุงเป็นรายการในเมนูที่ได้รับการป้องกัน

  6. ไฮไลต์ที่รอบการซ่อมบำรุงและกดปุ่มขวา

  7. เมื่อหน้าจอใหม่ปรากฏขึ้นมา ให้ยืนยัน รีเซ็ตชั่วโมงซ่อมบำรุง—คุณแน่ใจหรือไม่?

  8. เลือก ใช่(ปุ่มกลาง) หรือ ไม่ (ปุ่มซ้าย)

  9. หากคุณเลือก ใช่ ข้อมูลบนหน้าจอรอบจะถูกล้างออก และย้อนกลับไปเป็นการเลือกชั่วโมงซ่อมบำรุง

การตั้งค่าจำนวนใบมีด

  1. ในเมนูการตั้งค่า เลื่อนลงมายังจำนวนใบมีด

  2. กดปุ่มขวาเพื่อเปลี่ยนจำนวนใบมีดพวงระหว่าง 5, 8 หรือ 11 ใบมีด

การตั้งค่าความเร็วการตัดหญ้า

  1. ในเมนูการตั้งค่า เลื่อนลงมายังความเร็วการตัดหญ้า

  2. กดปุ่มขวาเพื่อเลือกความเร็วการตัดหญ้า

  3. ใช้ปุ่มกลางและปุ่มขวาเพื่อเลือกความเร็วการตัดหญ้าที่เหมาะสมที่ตั้งค่าไว้บนสวิตช์จำกัดความเร็วการตัดหญ้าบนแป้นขับเคลื่อน

  4. กดปุ่มซ้ายเพื่อออกจากเมนูความเร็วการตัดหญ้าและบันทึกการตั้งค่า

การตั้งค่าความสูงในการตัด (HOC)

  1. ในเมนูการตั้งค่า เลื่อนลงมายัง HOC

  2. กดปุ่มขวาเพื่อเลือก HOC

  3. ใช้ปุ่มกลางและปุ่มขวาเพื่อเลือกการตั้งค่า HOC ที่เหมาะสม (หากไม่มีการตั้งค่าที่พอดีแสดงขึ้นมา ให้เลือกการตั้งค่า HOC ที่ใกล้เคียงที่สุดจากรายการที่แสดง)

  4. กดปุ่มซ้ายเพื่อออกจากเมนู HOC และบันทึกการตั้งค่า

การตั้งค่าความเร็วใบมีดพวงด้านหน้าและด้านหลัง

แม้ว่าความเร็วใบมีดพวงด้านหน้าและด้านหลังสามารถคำนวณได้โดยการป้อนจำนวนใบมีด ความเร็วการตัดหญ้า และ HOC ลงใน InfoCenter แต่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าแบบแมนวลได้เพื่อรองรับสภาพการตัดหญ้าแบบต่างๆ

  1. หากต้องการเปลี่ยนการตั้งค่าความเร็วใบมีดพวง เลื่อนลงมาที่ F Reel RPM, R Reel RPM หรือทั้งสอง

  2. กดปุ่มขวาเพื่อเปลี่ยนค่าความเร็วใบมีดพวง เมื่อคุณเปลี่ยนการตั้งค่าความเร็ว จอแสดงผลจะแสดงความเร็วใบมีดพวงที่คำนวณแล้วต่อไป ซึ่งเป็นค่าที่คำนวณจากจำนวนใบมีด ความเร็วการตัดหญ้า และ HOC ที่ป้อนเข้าไปก่อนหน้า แต่ค่าใหม่จะปรากฏขึ้นมาด้วย

Note: ข้อมูลจำเพาะและการออกแบบอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ

ความกว้างในการขนส่ง233 ซม. (92 นิ้ว)
ความกว้างในการตัด254 ซม. (100 นิ้ว)
ยาว282 ซม. (111 นิ้ว)
สูง160 ซม. (63 นิ้ว)
น้ำหนัก1222 กก. (2,693 ปอนด์)
เครื่องยนต์Kubota 26.5 กิโลวัตต์ (35.5 แรงม้า)
ความจุถังเชื้อเพลิง53 ลิตร (14 แกลลอนสหรัฐ)
ความเร็วในการขนส่ง0 ถึง 16 กม./ชม. (0 ถึง 10 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ความเร็วในการตัดหญ้า0 ถึง 13 กม./ชม. (0 ถึง 8 ไมล์ต่อชั่วโมง)

อุปกรณ์ต่อพ่วง/อุปกรณ์เสริม

เราจัดจำหน่ายอุปกรณ์ต่อพ่วงและอุปกรณ์เสริมที่ Toro รับรองมากมายสำหรับใช้กับเครื่องตัดหญ้ารุ่นนี้เพื่อเสริมประสิทธิภาพและขยายความสามารถของเครื่องตัดหญ้า โปรดติดต่อตัวแทนบริการหรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Toro หรือเข้าไปที่ www.Toro.com เพื่อดูรายการอุปกรณ์ต่อพ่วงและอุปกรณ์เสริมที่รับรองทั้งหมด

เพื่อสมรรถนะสูงสุดและความปลอดภัยในการใช้งานอย่างต่อเนื่อง โปรดใช้เฉพาะอะไหล่ทดแทนและอุปกรณ์เสริมของแท้จาก Toro อะไหล่ทดแทนและอุปกรณ์เสริมที่ผลิตโดยผู้ผลิตรายอื่นอาจเป็นอันตราย และการใช้งานดังกล่าวอาจทำให้การรับประกันผลิตภัณฑ์เป็นโมฆะ

การปฏิบัติงาน

Note: ดูด้านซ้ายและขวาของอุปกรณ์จากตำแหน่งปกติในการควบคุมเครื่อง

ก่อนการปฏิบัติงาน

ความปลอดภัยก่อนการใช้งาน

ความปลอดภัยทั่วไป

  • ห้ามเด็กหรือผู้ที่ไม่ได้รับการฝึกฝนใช้หรือบำรุงรักษาอุปกรณ์โดยเด็ดขาด กฎหมายท้องถิ่นอาจจำกัดอายุของผู้ขับขี่ เจ้าของเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการฝึกอบรมให้กับผู้ควบคุมและช่างซ่อมบำรุง

  • ทำความคุ้นเคยกับการใช้งานอุปกรณ์อย่างปลอดภัย ระบบควบคุมของผู้ขับขี่ และป้ายความปลอดภัย

  • ก่อนออกจากตำแหน่งใช้งาน ให้ปฏิบัติตามดังนี้

    • จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ

    • ปลดและลดชุดตัดหญ้าลง

    • เข้าเบรกจอด

    • ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

    • รอให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง

    • รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์

  • เรียนรู้วิธีหยุดและดับเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว

  • หากไม่ได้ติดตั้งแผงกั้นและอุปกรณ์นิรภัยอื่นๆ ทั้งหมด หรือแผงกั้นและอุปกรณ์นิรภัยทำงานผิดปกติ กรุณาอย่าใช้เครื่อง

  • ก่อนตัดหญ้า ตรวจสอบอุปกรณ์ให้แน่ใจเสมอว่าชุดตัดหญ้าอยู่ในสภาพดีและทำงานได้ตามปกติ

  • ตรวจสอบพื้นที่บริเวณที่ต้องการใช้อุปกรณ์และจัดเก็บวัตถุต่างๆ ที่อาจกระเด็นออกให้หมด

ความปลอดภัยด้านเชื้อเพลิง

  • โปรดใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งเมื่อจัดการกับน้ำมัน น้ำมันเป็นวัตถุติดไฟได้และละอองน้ำมันอาจระเบิดได้

  • ดับบุหรี่ ซิการ์ ไปป์ และแหล่งจุดไฟอื่นๆ ให้หมด

  • ใช้เฉพาะภาชนะบรรจุน้ำมันที่ผ่านการรับรองเท่านั้น

  • อย่าเปิดฝาถังน้ำมันหรือเติมถังน้ำมันในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงานหรือร้อนอยู่

  • อย่าเติมหรือระบายน้ำมันในพื้นที่อับ

  • อย่าจัดเก็บอุปกรณ์หรือภาชนะบรรจุน้ำมันในที่ที่มีเปลวไฟ ประกายไฟ หรือไฟนำร่อง เช่น บนเครื่องทำน้ำร้อน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ

  • หากน้ำมันหก อย่าพยายามสตาร์ทเครื่องยนต์ หลีกเลี่ยงการสร้างแหล่งจุดไฟจนกว่าละอองน้ำมันจะระเหยไป

ข้อมูลจำเพาะเกี่ยวกับเชื้อเพลิง

ใช้เฉพาะน้ำมันดีเซลหรือไบโอดีเซลที่สะอาดและใหม่ ซึ่งมีค่าซัลเฟอร์ต่ำ (น้อยกว่า 500 ส่วนต่อมิลลิลิตร) หรือต่ำพิเศษ (น้อยกว่า 15 ส่วนต่อมิลลิลิตร) เท่านั้น อัตราซีเทนขั้นต่ำควรเท่ากับ 40 ซื้อน้ำมันในปริมาณที่คุณจะใช้ได้ภายใน 180 วันเพื่อรับรองว่าน้ำมันใหม่

ใช้น้ำมันดีเซลเกรดฤดูร้อน (หมายเลข 2-D) ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า -7°C (20°F) และเกรดฤดูหนาว (หมายเลข 1-D หรือหมายเลข 1-D/2-D ผสม) ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่านั้น การใช้น้ำมันเกรดฤดูหนาวที่อุณหภูมิต่ำทำให้น้ำมันมีจุดวาบไฟและจุดไหลเทในอากาศหนาวต่ำลง ช่วยให้สตาร์ทเครื่องยนต์ง่ายขึ้น และลดตัวกรองเชื้อเพลิงอุดตัน

การใช้น้ำมันเกรดฤดูร้อนที่อุณหภูมิสูงกว่า -7°C (20°F) ทำให้ปั๊มเชื้อเพลิงมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น และช่วยเพิ่มกำลังเครื่องยนต์เมื่อเทียบกับน้ำมันเกรดฤดูหนาว

Important: ห้ามใช้น้ำมันก๊าดหรือน้ำมันเบนซินแทนน้ำมันดีเซลโดยเด็ดขาด การไม่ปฏิบัติตามข้อควรระวังนี้อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้

ใช้ไบโอดีเซลได้

อุปกรณ์นี้สามารถใช้น้ำมันผสมไบโอดีเซลได้สูงสุดถึง B20 (ไบโอดีเซล 20%, ปิโตรดีเซล 80%) ส่วนของปิโตรดีเซลควรมีซัลเฟอร์ระดับต่ำหรือต่ำพิเศษ ปฏิบัติตามข้อควรระวังดังต่อไปนี้:

  • ส่วนของไบโอดีเซลในเชื้อเพลิงต้องตรงตามข้อกำหนด ASTM D6751 หรือ EN14214

  • ส่วนประกอบเชื้อเพลิงผสมควรเป็นไปตาม ASTM D975 หรือ EN590

  • สีของอุปกรณ์อาจเสียหายได้หากสัมผัสโดนน้ำมันผสมไบโอดีเซล

  • ใช้น้ำมัน B5 (ไบโอดีเซลสัดส่วน 5%) หรือสัดส่วนผสมที่น้อยกว่านี้ในสภาพอากาศหนาวเย็น

  • ตรวจสอบซีล ท่อ ปะเก็นที่สัมผัสกับน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากชิ้นส่วนเหล่านี้อาจเสื่อมสภาพเมื่อเวลาผ่านไป

  • ตัวกรองเชื้อเพลิงอาจจะอุดตันหลังจากเปลี่ยนไปใช้น้ำมันผสมไบโอดีเซล

  • ติดต่อตัวแทนจำหน่ายหากคุณต้องการขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไบโอดีเซล

ความจุถังเชื้อเพลิง

53 ลิตร (14 แกลลอนสหรัฐ)

การเติมน้ำมัน

  1. จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ ลดชุดตัดหญ้าลงมา ดับเครื่องยนต์ และดึงกุญแจออก

  2. ใช้ผ้าขี้ริ้วสะอาด ทำความสะอาดบริเวณรอบฝาถังน้ำมัน

  3. เปิดฝาถังน้ำมันออก (รูป 49)

    g021210
  4. เติมน้ำมันลงในถังเชื้อเพลิงจนกระทั่งระดับน้ำมันอยู่ต่ำกว่าด้านล่างของช่องเติมเชื้อเพลิง 6 ถึง 13 มม. (1/4 ถึง 1/2 นิ้ว)

  5. ปิดฝาถังน้ำมันให้แน่นหลังจากเติมน้ำมันแล้ว

    Note: ถ้าทำได้ ให้เติมน้ำมันหลังใช้งานทุกครั้ง วิธีนี้จะช่วยลดการควบแน่นสะสมภายในถังน้ำมันได้

การบำรุงรักษาประจำวัน

ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบว่าเข็มขัดนิรภัยมีการสึกหรอ รอยตัด หรือความเสียหายอื่นๆ หรือไม่ เปลี่ยนเข็มขัดนิรภัยหากส่วนประกอบใดๆ ทำงานไม่ถูกต้อง
  • ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์แต่ละวัน ให้ทำตามขั้นตอนการใช้แต่ละครั้ง/ขั้นตอนประจำวันที่ระบุใน รายการตรวจสอบสำหรับการบำรุงรักษารายวัน

    การตรวจสอบสวิตช์อินเทอร์ล็อก

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบสวิตช์อินเทอร์ล็อก
  • ข้อควรระวัง

    หากสวิตช์อินเทอร์ล็อกนิรภัยขาดหรือชำรุด อุปกรณ์อาจทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้

    • อย่าแก้ไขดัดแปลงสวิตช์อินเทอร์ล็อก

    • ตรวจสอบการทำงานของสวิตช์อินเทอร์ล็อกเป็นประจำทุกวัน และเปลี่ยนสวิตช์ที่เสียหายก่อนการใช้งานอุปกรณ์

    Important: หากการตรวจสอบสวิตช์อินเทอร์ล็อกของอุปกรณ์ล้มเหลว โปรดติดต่อตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Toro

    การเตรียมอุปกรณ์

    1. ขับอุปกรณ์ช้าๆ ไปยังพื้นที่เปิดโล่ง

    2. ลดชุดตัดหญ้าลงมา ดับเครื่องยนต์ และเข้าเบรกจอด

    การตรวจสอบอินเทอร์ล็อกสตาร์ทของแป้นขับเคลื่อน

    1. นั่งลงบนที่นั่งคนขับ

    2. เข้าเบรกจอด

    3. กดสวิตช์ PTO ไปที่ตำแหน่งปลด

    4. เหยียบแป้นขับเคลื่อน

    5. บิดสวิตช์กุญแจไปที่ตำแหน่งสตาร์ท

      Note: สตาร์ทเตอร์ไม่ควรสตาร์ทเครื่องยนต์ขณะที่แป้นขับเคลื่อนถูกเหยียบอยู่

    การตรวจสอบอินเทอร์ล็อกสตาร์ทของ PTO

    1. นั่งลงบนที่นั่งคนขับ

    2. กดสวิตช์ PTO ไปที่ตำแหน่งใช้งาน

    3. สตาร์ทเครื่องยนต์

      Note: เครื่องยนต์ไม่ควรสตาร์ทขณะที่สวิตช์ PTO อยู่ในตำแหน่ง ใช้งาน

    การตรวจสอบอินเทอร์ล็อกวิ่งของ PTO

    1. นั่งลงบนที่นั่งคนขับ

    2. กดสวิตช์ PTO ไปที่ตำแหน่งปลด

    3. สตาร์ทเครื่องยนต์

    4. ลุกขึ้นจากเบาะที่นั่ง

    5. กดสวิตช์ PTO ไปที่ตำแหน่งใช้งาน

      Note: PTO ไม่ควรวิ่งเมื่อคุณลุกออกจากเบาะที่นั่งของผู้ปฏิบัติงาน

    การตรวจสอบอินเทอร์ล็อกวิ่งของเบรกจอดและแป้นขับเคลื่อน

    1. นั่งลงบนที่นั่งคนขับ

    2. เข้าเบรกจอด

    3. กดสวิตช์ PTO ไปที่ตำแหน่งปลด

    4. ยกเท้าออกจากแป้นขับเคลื่อน

    5. สตาร์ทเครื่องยนต์

    6. เหยียบแป้นขับเคลื่อน

      Note: เครื่องยนต์ควรดับไปขณะที่เบรกจอดทำงานอยู่ และแป้นขับเคลื่อนถูกเหยียบอยู่

    ระหว่างการปฏิบัติงาน

    ความปลอดภัยระหว่างการใช้งาน

    ความปลอดภัยทั่วไป

    • เจ้าของ/ผู้ควบคุมสามารถป้องกันอุบัติเหตุได้ และยังเป็นผู้รับผิดชอบอุบัติเหตุที่อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บหรือความเสียหายต่อทรัพย์สินด้วย

    • สวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันดวงตา กางเกงขายาว รองเท้ากันลื่นที่แน่นหนา และอุปกรณ์ป้องกันการได้ยิน ถ้าผมยาวให้มัดไปข้างหลังและอย่าสวมใส่เสื้อผ้าหลวมหรือเครื่องประดับที่หย่อน

    • อย่าใช้งานอุปกรณ์ขณะป่วย เหนื่อยล้า หรืออยู่ภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือยาเสพติด

    • โปรดมีสมาธิขณะควบคุมอุปกรณ์ อย่าทำกิจกรรมที่ทำให้เสียสมาธิ มิฉะนั้นอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บหรือเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินได้

    • ก่อนสตาร์ทเครื่อง ระบบขับเคลื่อนทั้งหมดจะต้องอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง เข้าเบรกจอด และคุณอยู่ในตำแหน่งใช้งาน

    • ห้ามนำอุปกรณ์ไปขนส่งผู้โดยสาร กันคนโดยรอบและเด็กๆ ออกจากพื้นที่ทำงาน

    • ใช้อุปกรณ์เฉพาะเมื่อทัศนวิสัยดีเท่านั้นเพื่อหลีกเลี่ยงหลุมบ่อหรืออันตรายที่มองไม่เห็น

    • หลีกเลี่ยงการตัดหญ้าที่ยังเปียก แรงยึดเกาะที่ลดลงอาจทำให้อุปกรณ์ลื่นไถลได้

    • เก็บมือและเท้าให้ห่างจากชุดตัดหญ้า

    • มองไปข้างหลังและมองลงก่อนถอยอุปกรณ์เพื่อให้แน่ใจว่าเส้นทางโล่ง

    • ใช้ความระมัดระวังเมื่อเข้าใกล้มุมอับ พุ่มไม้ ต้นไม้ หรือวัตถุอื่นๆ ที่อาจขัดขวางการมองเห็น

    • หยุดการทำงานของชุดตัดหญ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน

    • ชะลอความเร็วลง และขับอุปกรณ์ด้วยความระมัดระวังขณะเลี้ยว รวมถึงตอนข้ามถนนและทางเดิน ให้ทางแก่ทางเอกก่อนเสมอ

    • ใช้งานอุปกรณ์ในบริเวณที่ระบายอากาศได้ดีเท่านั้น ไอเสียมีก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหากสูดหายใจเข้าไป

    • ห้ามปล่อยรถที่ติดเครื่องทิ้งไว้โดยไม่มีผู้ดูแล

    • ก่อนออกจากตำแหน่งใช้งาน ให้ปฏิบัติตามดังนี้

      • จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ

      • ปลดและลดชุดตัดหญ้าลง

      • เข้าเบรกจอด

      • ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

      • รอให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง

      • รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์

    • ใช้อุปกรณ์เฉพาะเมื่อทัศนวิสัยดีและสภาพอากาศเหมาะสมเท่านั้น อย่าใช้อุปกรณ์เมื่อมีความเสี่ยงที่จะเกิดฟ้าผ่า

    ความปลอดภัยของระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ROPS)

    • อย่าถอดส่วนประกอบของ ROPS ออกจากอุปกรณ์

    • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเข็มขัดนิรภัยแน่นหนาและคุณปลดออกได้รวดเร็วในกรณีฉุกเฉิน

    • คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เสมอ

    • คอยระมัดระวังสิ่งกีดขวางเหนือศีรษะเพื่อไม่ให้ชน

    • ดูแลรักษา ROPS ให้อยู่ในสภาพดีพร้อมการทำงาน โดยตรวจสอบอย่างละเอียดเป็นครั้งคราวเพื่อหาความเสียหาย และตรวจเช็คตัวยึดให้ยึดแน่นหนา

    • เปลี่ยนส่วนประกอบ ROPS ที่ชำรุดทั้งหมด ห้ามซ่อมแซมหรือดัดแปลง

    ความปลอดภัยบนทางลาด

    • ทางลาดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการสูญเสียการควบคุมและอุบัติเหตุพลิกคว่ำ ซึ่งส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บร้ายแรงและการเสียชีวิตได้ คุณต้องดูแลรับผิดชอบความปลอดภัยในการใช้งานอุปกรณ์บนพื้นลาดเอียง การใช้งานอุปกรณ์บนพื้นลาดเอียงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

    • ประเมินสภาพสถานที่เพื่อพิจารณาว่าทางลาดปลอดภัยสำหรับการใช้งานอุปกรณ์หรือไม่ รวมทั้งสำรวจสถานที่ ใช้เหตุและผลและวิจารณญาณที่ดีขณะสำรวจ

    • ดูคำแนะนำเกี่ยวกับทางลาดด้านล่างสำหรับการใช้งานอุปกรณ์บนทางลาด ก่อนจะใช้งานอุปกรณ์ ควรตรวจสอบสภาพของหน้างานเพื่อประเมินว่าคุณจะใช้งานอุปกรณ์ในสภาวะดังกล่าวและในบริเวณที่ต้องการได้หรือไม่ สภาพเส้นทางที่เปลี่ยนแปลงไปอาจจะส่งผลต่อการทำงานของอุปกรณ์บนพื้นลาดได้

      • หลีกเลี่ยงการสตาร์ท จอด หรือเลี้ยวอุปกรณ์บนทางลาด หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนความเร็วหรือทิศทางอย่างฉับพลัน ให้เลี้ยวช้าๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป

      • อย่าใช้งานอุปกรณ์ในสภาวะที่แรงยึดเกาะ การเลี้ยว หรือความเสถียรของอุปกรณ์ไม่แน่นอน

      • เคลื่อนย้ายหรือทำสัญลักษณ์อุปสรรคต่างๆ เช่น หลุมบ่อ แอ่ง เนิน หิน หรืออันตรายอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ หญ้าสูงอาจทำให้มองไม่เห็นสิ่งกีดขวาง ทางที่ไม่ราบเรียบอาจทำให้อุปกรณ์พลิกคว่ำได้

      • การใช้งานบนหญ้าเปียก บนพื้นลาด หรือบนเนิน อาจส่งผลให้อุปกรณ์สูญเสียการควบคุมได้

      • ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อใช้งานอุปกรณ์ใกล้ทางชัน คลอง ทำนบ อันตรายจากน้ำ หรืออันตรายอื่นๆ อุปกรณ์อาจพลิกคว่ำฉับพลันได้ หากล้อเกยข้ามขอบทางหรือขอบทางพังทลาย ดังนั้นควรกำหนดพื้นที่ปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์กับอันตรายใดๆ เตรียมไว้

      • ตรวจสอบหาสิ่งที่อาจก่อให้เกิดอันตรายบริเวณด้านล่างของทางลาด หากมีอันตรายอยู่ ให้ตัดหญ้าบนทางลาดด้วยเครื่องตัดหญ้าแบบเดินตาม

      • ถ้าทำได้ ควรวางชุดตัดหญ้าไว้ต่ำลงกับพื้นขณะใช้งานอุปกรณ์บนทางลาด การยกชุดตัดหญ้าขณะใช้งานบนทางลาดอาจทำให้อุปกรณ์ไม่มั่นคงได้

    การสตาร์ทเครื่องยนต์

    Important: คุณต้องไล่อากาศออกจากระบบเชื้อเพลิงก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์หากคุณสตาร์ทเครื่องยนต์เป็นครั้งแรก เครื่องยนต์ดับเนื่องจากเชื้อเพลิงไม่พอ หรือก่อนหน้านี้คุณได้บำรุงรักษาระบบเชื้อเพลิงไป โปรดดู การไล่อากาศในระบบเชื้อเพลิง

    1. นั่งบนเบาะที่นั่งโดยไม่ต้องเหยียบแป้นขับเคลื่อนเพื่อให้แป้นอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง เข้าเบรกจอด ดันคันโยกลิ้นเร่งไปยังตำแหน่งเร็ว และตรวจสอบให้แน่ใจว่าสวิตช์เปิด/ปิดอยู่ในตำแหน่งปิด

    2. บิดกุญแจไปที่ตำแหน่งเปิด/อุ่นเครื่อง

      ตัวจับเวลาอัตโนมัติควบคุมการอุ่นหัวเทียนเป็นเวลา 6 วินาที

    3. หลังจากอุ่นหัวเทียนแล้ว ให้บิดกุญแจไปยังตำแหน่งสตาร์ท

      สตาร์ทเครื่องยนต์ไม่เกิน 15 วินาที จากนั้นปล่อยกุญแจเมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทสำเร็จ หากต้องอุ่นเครื่องเพิ่มเติม บิดกุญแจไปยังตำแหน่งปิด จากนั้นบิดไปยังตำแหน่งเปิด/อุ่นเครื่อง และทำซ้ำขั้นตอนนี้ตามที่จำเป็น

    4. เดินเครื่องยนต์ด้วยรอบความเร็วต่ำจนกว่าเครื่องยนต์จะอุ่น

    ส่วนแสดงสถานะการอุดตันของตัวกรองไฮดรอลิก

    ระบบไฮดรอลิกมีส่วนแสดงสถานะการอุดตันของตัวกรองไฮดรอลิกติดตั้งไว้ (รูป 50) ขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงานในอุณหภูมิใช้งาน ให้ดูส่วนแสดงสถานะ ซึ่งควรอยู่ในโซนสีเขียว แต่หากส่วนแสดงสถานะอยู่ในโซนสีแดง ให้เปลี่ยนตัวกรองไฮดรอลิก

    g004132

    การดับเครื่องยนต์

    1. ตั้งการควบคุมทั้งหมดไปตำแหน่งเกียร์ว่าง เข้าเบรกจอด ดันคันโยกลิ้นเร่งไปที่ตำแหน่งเดินรอบเบา และปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานถึงความเร็วรอบต่ำ

      Important: ปล่อยให้เครื่องยนต์เดินรอบเบา 5 นาทีก่อนดับเครื่อง หลังจากทำงานเต็มกำลัง หากไม่ทำเช่นนี้อาจส่งผลให้เกิดปัญหากับเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จได้

    2. บิดกุญแจไปที่ตำแหน่งปิด แล้วดึงออกจากสวิตช์

    การปรับสปริงชดเชยสภาพสนาม

    สปริงชดเชยสภาพสนาม (รูป 51) ทำหน้าที่ส่งต่อน้ำหนักจากลูกกลิ้งหน้าไปยังลูกกลิ้งหลัง ซึ่งจะช่วยลดรอยลูกคลื่นบนสนามได้ นิยมเรียกว่ามาร์เซลลิง (Marcelling) หรือบ็อบบิง (Bobbing)

    Important: ปรับสปริงโดยให้ชุดตัดหญ้ายังต่อกับรถตัดหญ้า และหันตรงไปข้างหน้า และลดระดับลงมาบนพื้นอู่ซ่อมบำรุง

    1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าปิ๊นตัวอาร์ติดตั้งอยู่ในรูส่วนท้ายภายในก้านสปริง (รูป 51)

      Note: ขณะซ่อมบำรุงชุดตัดหญ้า ให้เคลื่อนปิ๊นตัวอาร์เข้าไปในรูก้านสปริงข้างๆ สปริงชดเชยสภาพสนาม

      g003863
    2. ขันน็อตหกเหลี่ยมที่ปลายด้านหน้าของก้านสปริงจนได้ความยาวสปริงตอนหดอยู่ที่ 15.9 ซม. (6.25 นิ้ว) โปรดดู (รูป 51)

      Note: ขณะใช้งานบนพื้นสนามขรุขระ ลดความยาวสปริงลงเหลือ 13 มม. (1/2 นิ้ว) สมรรถนะการขับเคลื่อนตามสภาพพื้นผิวจะลดลงเล็กน้อย

      Note: การตั้งค่าชดเชยสภาพสนามจะต้องรีเซ็ตใหม่ หากเปลี่ยนการตั้งค่าความสูงในการตัดหรือความรุนแรงในการตัด

    การปรับการถ่วงน้ำหนักแขนยก

    ชุดตัดหญ้าส่วนท้าย

    ข้อควรระวัง

    สปริงที่ตึงอยู่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้

    ใช้ความระมัดระวังขณะปรับสปริง

    คุณสามารถปรับแรงถ่วงน้ำหนักบนแขนยกของชุดตัดหญ้าด้านหลังได้เพื่อชดเชยสภาพสนามแบบต่างๆ และรักษาความสูงในการตัดให้สม่ำเสมอในสภาพสนามที่ขรุขระหรือในบริเวณที่มีเศษหญ้าสะสม

    คุณสามารถปรับแรงถ่วงน้ำหนักของสปริงบิดแต่ละตัวได้ 1 ระดับจากการตั้งค่า 4 ระดับ ซึ่งแต่ละระดับจะเพิ่มหรือลดแรงถ่วงน้ำหนักชุดตัดหญ้า 2.3 กก. (5 ปอนด์) คุณสามารถวางสปริงไว้ที่ด้านหลังตัวควบคุมสปริงตัวแรกเพื่อถอดการถ่วงน้ำหนักทั้งหมด (ตำแหน่งที่ 4)

    Note: หากต้องการถอดแรงถ่วงน้ำหนักทั้งหมด วางขายาวของสปริงบิดไว้เหนือสลักมีบ่า

    1. จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ ลดชุดตัดหญ้าลงมา ดับเครื่องยนต์ เข้าเบรกจอด และดึงกุญแจออก

    2. สอดปลายด้านยาวของสปริงถ่วงน้ำหนักเข้าในท่อหรือวัตถุที่คล้ายกัน และหมุนสปริงไปรอบสลักมีบ่าไปยังตำแหน่งที่ต้องการ (รูป 52)

      g375585
    3. ทำซ้ำขั้นตอน 1 และ 2 ที่สปริงถ่วงน้ำหนักอื่นๆ

    การปรับตำแหน่งหมุนรอบของแขนยก

    1. จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ ลดชุดตัดหญ้าลงมา ดับเครื่องยนต์ เข้าเบรกจอด และดึงกุญแจออก

    2. สวิตช์แขนยกอยู่ที่ใต้ถังน้ำมันไฮดรอลิกและบอร์ดในของแขนยกของชุดตัดหญ้าชุดที่ 5 (รูป 31)

      g375697
    3. คลายน็อตสวมทับที่ยึดสวิตช์แขนยกเข้ากับแผงสวิตช์ (รูป 54)

      g375696
    4. ปรับสวิตช์แขนยกดังนี้:

      • หากต้องการเพิ่มความสูงการหมุนรอบของแขนยก ให้ขยับสวิตช์ลง

      • หากต้องการลดความสูงการหมุนรอบของแขนยก ให้ขยับสวิตช์ขึ้น

    5. ขันน็อตสวมทับให้แน่น

    การตั้งค่าความเร็วใบมีดพวง

    การตั้งค่าความเร็วใบมีดพวงให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การตัดมีคุณภาพสูงและสม่ำเสมอ และได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปรับความเร็วใบมีดพวงดังนี้:

    1. ใน InfoCenter ป้อนจำนวนใบมีด ความเร็วการตัดหญ้า และ HOC ใต้เมนูการตั้งค่า เพื่อคำนวณความเร็วใบมีดพวงที่เหมาะสม

    2. หากต้องทำการปรับเพิ่มเติม ในเมนูการตั้งค่า ให้เลื่อนลงมาจนถึง F Reel RPM, R Reel RPM หรือทั้งคู่

    3. กดปุ่มขวาเพื่อเปลี่ยนค่าความเร็วใบมีดพวง เมื่อการตั้งค่าความเร็วเปลี่ยนแปลง จอแสดงผลจะแสดงความเร็วใบมีดพวงที่คำนวณแล้วต่อไป ซึ่งเป็นค่าที่คำนวณจากจำนวนใบมีด ความเร็วการตัดหญ้า และ HOC แต่จะแสดงค่าใหม่ไว้ด้วย

      Note: ความเร็วใบมีดพวงอาจต้องปรับเพิ่มหรือลดเพื่อชดเชยสภาพสนามที่แตกต่างกัน

    g031995
    g031996

    การทำความเข้าใจไฟวินิจฉัย

    อุปกรณ์ติดตั้งมาพร้อมกับไฟวินิจฉัย ซึ่งจะแสดงว่าตัวควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ตรวจพบความผิดปกติในระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือไม่ ไฟวินิจฉัยตั้งอยู่ใน InfoCenter เหนือหน้าจอแสดงผล (รูป 57) เมื่ออุปกรณ์ทำงานถูกต้องและสวิตช์กุญแจบิดไปยังตำแหน่งเปิด/ทำงาน ไฟวินิจฉัยจะติดขึ้นมาครู่หนึ่งเพื่อแสดงว่าไฟทำงานถูกต้อง เมื่อข้อความแนะนำของอุปกรณ์แสดงขึ้นมา ไฟจะติดขึ้นมาเมื่อมีข้อความ และเมื่อข้อความแสดงความขัดข้องปรากฏขึ้นมา ไฟจะกะพริบจนกว่าความขัดข้องจะได้รับการแก้ไข

    g021272

    เคล็ดลับการปฏิบัติงาน

    การทำความคุ้นเคยกับอุปกรณ์

    ก่อนตัดหญ้า ฝึกใช้งานอุปกรณ์ในพื้นที่โล่งกว้างๆ สตาร์ทและดับเครื่องยนต์ ควบคุมให้อุปกรณ์เดินหน้าและถอยหลัง ยกชุดตัดหญ้าขึ้นลง รวมทั้งใช้งานและหยุดใบมีดพวง เมื่อคุณคุ้นเคยกับอุปกรณ์แล้ว ฝึกขับขึ้นลงทางลาดด้วยความเร็วหลายๆ ระดับ

    การทำความเข้าใจระบบคำเตือน

    หากไฟเตือนติดขึ้นมาระหว่างใช้งาน ให้หยุดอุปกรณ์ทันที และแก้ไขปัญหาก่อนใช้งานต่อ หากคุณใช้งานอุปกรณ์ที่ทำงานผิดปกติ อาจเกิดความเสียหายร้ายแรงขึ้นได้

    การตัดหญ้า

    สตาร์ทเครื่องยนต์และดันคันโยกลิ้นเร่งไปตำแหน่งเร็ว ดันสวิตช์เปิด/ปิดไปยังตำแหน่งเปิด และใช้คันโยกยก/ลดชุดตัดหญ้าเพื่อควบคุมชุดตัดหญ้า (ชุดตัดหญ้าส่วนหน้ามีการตั้งเวลาให้ลดระดับลงมาก่อนชุดตัดหญ้าส่วนท้าย) หากต้องการเดินหน้าและตัดหญ้า ให้เหยียบแป้นขับเคลื่อนไปข้างหน้า

    Note: ปล่อยให้เครื่องยนต์เดินรอบเบา 5 นาทีก่อนดับเครื่อง หลังจากทำงานเต็มกำลัง หากไม่ปฏิบัติตามอาจทำให้เทอร์โบชาร์จเจอร์มีปัญหาได้

    การขนส่งอุปกรณ์

    ดันสวิตช์ PTO ไปยังตำแหน่งปิด และยกชุดตัดหญ้าไปยังตำแหน่งขนส่ง โยกคันโยกตัดหญ้า/ขนส่งไปยังตำแหน่งขนส่ง ใช้ความระมัดระวังขณะขับขี่ลอดระหว่างวัตถุเพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์หรือชุดตัดหญ้าเสียหายโดยไม่ได้ตั้งใจ ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อใช้งานอุปกรณ์บนทางลาด ขับขี่ช้าๆ และหลีกเลี่ยงการเลี้ยวหักศอกบนทางลาดเพื่อป้องกันการพลิกคว่ำ ลดชุดตัดหญ้าลงขณะลงเนินเพื่อให้ควบคุมทิศทางได้

    หลังการปฏิบัติงาน

    ความปลอดภัยหลังจากการใช้งาน

    ความปลอดภัยทั่วไป

    • จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ

    • ปลดและลดชุดตัดหญ้าลง

    • เข้าเบรกจอด

    • ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

    • รอให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง

    • รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์

    • กำจัดหญ้าและสิ่งสกปรกออกจากชุดตัดหญ้า ระบบขับเคลื่อน ท่อไอเสีย กระจังระบายความร้อน และส่วนเครื่องยนต์เพื่อป้องกันการเกิดเพลิงไหม้ กำจัดน้ำมันและเชื้อเพลิงที่หก

    • ปลดระบบขับเคลื่อนออกจากอุปกรณ์ต่อพ่วงเมื่อคุณเคลื่อนย้ายหรือไม่ใช้อุปกรณ์

    • บำรุงรักษาและเช็ดทำความสะอาดเข็มขัดนิรภัย ตามความจำเป็น

    • อย่าจัดเก็บอุปกรณ์หรือภาชนะบรรจุน้ำมันในที่ที่มีเปลวไฟ ประกายไฟ หรือไฟนำร่อง เช่น บนเครื่องทำน้ำร้อน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ

    ตำแหน่งจุดผูกยึด

    g375766
    • หน้า—รูในโครงยึดแม่แรงของท่อแกนหน้า (รูป 58)

    • ท้าย—ห่วงโครงที่แต่ละด้านของอุปกรณ์

    การเคลื่อนย้ายอุปกรณ์

    • ใช้ทางลาดแบบเต็มความกว้างเพื่อย้ายอุปกรณ์ขึ้นรถพ่วงหรือรถบรรทุก

    • ยึดอุปกรณ์ให้แน่นหนา

    การดันหรือลากอุปกรณ์

    ในกรณีฉุกเฉิน คุณสามารถเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ได้โดยเปิดใช้งานวาล์วบายพายในปั๊มไฮดรอลิกชนิดปรับค่าได้ แล้วดันหรือลากอุปกรณ์

    Important: อย่าดันหรือลากอุปกรณ์เร็วกว่า 3 ถึง 4.8 กม./ชม. (2 ถึง 3 ไมล์ต่อชั่วโมง) เพราะอาจทำให้ระบบส่งกำลังภายในเสียหายได้ ต้องเปิดวาล์วบายพาสเมื่อต้องเข็นหรือลากอุปกรณ์

    1. เข้าเบรกจอด ดับเครื่องยนต์ และดึงกุญแจออก

    2. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู เปิดฝากระโปรง

    3. ที่ปั๊มชนิดปรับค่าได้ หมุนสลักเกลียวของวาล์วบายพาส 1-1/2 รอบเพื่อเปิดและปล่อยให้น้ำมันไหลข้ามระบบอยู่ภายใน (รูป 59)

      Note: วาล์วบายพาสอยู่ที่ด้านซ้ายของปั๊ม การบายพาสน้ำมันช่วยให้คุณเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ได้ช้าๆ โดยไม่ทำให้ระบบส่งกำลังเสียหาย

      g003995
    4. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์

    5. ดันหรือลากอุปกรณ์

    6. ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ให้ปิดวาล์วบายพาส อย่าขันปิดวาล์วด้วยแรงบิดเกิน 7 ถึง 11 นิวตันเมตร (5 ถึง 8 ฟุตปอนด์)

      Important: การใช้งานเครื่องยนต์โดยที่วาล์วบายพาสเปิดอยู่จะทำให้ระบบส่งกำลังร้อนเกินไป

    การบำรุงรักษา

    Note: ดูด้านซ้ายและขวาของอุปกรณ์จากตำแหน่งปกติในการควบคุมเครื่อง

    Note: ดาวน์โหลดสำเนาผังไฟฟ้าหรือระบบไฮดรอลิกได้ฟรี โดยเข้าไปที่ www.Toro.com แล้วค้นหารุ่นรถของคุณจากลิงก์คู่มือในหน้าหลัก

    ความปลอดภัยในการบำรุงรักษา

    • ก่อนออกจากตำแหน่งใช้งาน ให้ปฏิบัติตามดังนี้

      • จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ

      • ปลดและลดชุดตัดหญ้าลง

      • เข้าเบรกจอด

      • ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

      • รอให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง

      • รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์

    • รอให้ชิ้นส่วนเย็นลงก่อนการบำรุงรักษา

    • หากเป็นไปได้ อย่าบำรุงรักษาในขณะที่อุปกรณ์กำลังทำงาน อยู่ห่างจากชิ้นส่วนเคลื่อนไหว

    • ใช้ขาตั้งแม่แรงรองรับน้ำหนักอุปกรณ์เมื่อต้องทำงานใต้ท้องอุปกรณ์

    • ค่อยๆ ปล่อยแรงดันจากส่วนประกอบที่มีพลังงานสะสมเก็บไว้

    • ดูแลรักษาให้ชิ้นส่วนทั้งหมดของอุปกรณ์มีสภาพดีและทำงานได้ตามปกติ และขันชิ้นส่วนทั้งหมดให้แน่นหนา

    • เปลี่ยนสติกเกอร์ทั้งหมดที่สึกหรอหรือชำรุด

    • เพื่อสมรรถนะสูงสุดและความปลอดภัยในการใช้งาน โปรดใช้เฉพาะอะไหล่และอุปกรณ์เสริมของแท้จาก Toro เท่านั้น อะไหล่ทดแทนที่ผลิตโดยผู้ผลิตรายอื่นอาจเป็นอันตราย และการใช้งานดังกล่าวอาจทำให้การรับประกันผลิตภัณฑ์เป็นโมฆะ

    กำหนดการบำรุงรักษาที่แนะนำ

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    หลังจากชั่วโมงแรก
  • ขันน็อตล้อจนได้แรงบิด 94 ถึง 122 นิวตันเมตร (70 ถึง 90 ฟุตปอนด์)
  • หลังจาก 8 ชั่วโมงแรก
  • ตรวจสอบสภาพและความตึงของสายพานอัลเทอร์เนเตอร์
  • หลังจาก 10 ชั่วโมงแรก
  • ขันน็อตล้อจนได้แรงบิด 94 ถึง 122 นิวตันเมตร (70 ถึง 90 ฟุตปอนด์)
  • หลังจาก 50 ชั่วโมงแรก
  • ตรวจสอบความเร็วเครื่องยนต์ (เมื่อเดินรอบเบาและลิ้นเร่งทำงานเต็มที่)
  • ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบว่าเข็มขัดนิรภัยมีการสึกหรอ รอยตัด หรือความเสียหายอื่นๆ หรือไม่ เปลี่ยนเข็มขัดนิรภัยหากส่วนประกอบใดๆ ทำงานไม่ถูกต้อง
  • ตรวจสอบสวิตช์อินเทอร์ล็อก
  • ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง
  • ระบายน้ำและสิ่งปนเปื้อนจากเครื่องแยกเชื้อเพลิง-น้ำ
  • ตรวจสอบแรงดันลมยาง
  • ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น
  • ทำความสะอาดสิ่งสกปรกออกจากตะแกรง หม้อพักน้ำมันเครื่อง และหม้อน้ำ(ทำให้บ่อยขึ้นหากใช้งานอุปกรณ์ในสภาพแวดล้อมที่สกปรก)
  • ตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิก
  • ตรวจสอบระบบท่อและท่ออ่อนไฮดรอลิก
  • ตรวจสอบการสัมผัสกันของใบมีดพวงและใบมีดล่าง
  • ตรวจสอบเข็มขัดนิรภัย
  • ทุก 50 ชั่วโมง
  • อัดจาระบีที่แบริ่งและบุชชิง (และทันทีหลังล้างทุกครั้ง)
  • ซ่อมบำรุงแบตเตอรี่
  • ทุก 100 ชั่วโมง
  • ตรวจสอบท่อระบบน้ำหล่อเย็น
  • ตรวจสอบสภาพและความตึงของสายพานอัลเทอร์เนเตอร์
  • ทุก 200 ชั่วโมง
  • ระบายน้ำออกจากถังเชื้อเพลิงและถังน้ำมันไฮดรอลิก
  • ทุก 250 ชั่วโมง
  • เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและตัวกรองน้ำมันเครื่อง
  • ขันน็อตล้อจนได้แรงบิด 94 ถึง 122 นิวตันเมตร (70 ถึง 90 ฟุตปอนด์)
  • ทุก 400 ชั่วโมง
  • ซ่อมบำรุงระบบกรองอากาศ (ซ่อมบำรุงให้บ่อยขึ้นหากใช้งานในสภาวะที่สกปรกมากหรือมีฝุ่นมาก) ซ่อมบำรุงระบบกรองอากาศก่อนถึงกำหนด หากแถบสถานะระบบกรองอากาศเป็นสีแดง
  • เปลี่ยนตัวกรองเชื้อเพลิง
  • ตรวจสอบท่อน้ำมันและข้อต่อเพื่อเช็คการเสื่อมสภาพ ความเสียหาย หรือข้อต่อหลวม(หรือเป็นประจำทุกปี แล้วแต่ว่าสิ่งใดเกิดขึ้นก่อน)
  • ตรวจสอบความเร็วเครื่องยนต์ (เมื่อเดินรอบเบาและลิ้นเร่งทำงานเต็มที่)
  • ทุก 800 ชั่วโมง
  • ระบายและทำความสะอาดถังน้ำมันระบายและทำความสะอาดถังเชื้อเพลิง ถ้าระบบเชื้อเพลิงปนเปื้อน
  • ตรวจสอบมุมโทอินล้อหลัง
  • หากคุณไม่ได้ใช้น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำหรือเคยเติมน้ำมันทางเลือกลงในถัง ให้เปลี่ยนตัวกรองไฮดรอลิกย้อนกลับและตัวกรองไฮดรอลิกชาร์จ
  • หากคุณไม่ได้ใช้น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำ หรือเคยเติมถังน้ำมันด้วยน้ำมันทางเลือกมาก่อน ให้เปลี่ยนน้ำมันไฮดรอลิก
  • อัดแบริ่งล้อหลัง (อุปกรณ์ขับเคลื่อน 2 ล้อเท่านั้น)
  • ปรับวาล์วเครื่องยนต์ (โปรดดูคู่มือซ่อมบำรุงเครื่องยนต์)
  • ทุก 1,000 ชั่วโมง
  • หากคุณใช้น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำ ให้เปลี่ยนตัวกรองไฮดรอลิกย้อนกลับและตัวกรองไฮดรอลิกชาร์จ
  • ทุก 2,000 ชั่วโมง
  • หากคุณใช้น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำ ให้เปลี่ยนน้ำมันไฮดรอลิก
  • ก่อนจัดเก็บ
  • ระบายและทำความสะอาดถังน้ำมันระบายและทำความสะอาดถังเชื้อเพลิง หากคุณเก็บอุปกรณ์ไว้เป็นเวลานาน
  • ทุก 2 ปี
  • ล้างและเปลี่ยนน้ำยาในระบบหล่อเย็น
  • เปลี่ยนท่ออ่อนไฮดรอลิก
  • เปลี่ยนท่ออ่อนน้ำหล่อเย็น
  • ล้างและเปลี่ยนน้ำหล่อเย็น
  • เปลี่ยนท่ออ่อนเคลื่อนไหวทั้งหมด
  • รายการตรวจสอบสำหรับการบำรุงรักษารายวัน

    ถ่ายสำเนาหน้านี้ไว้เพื่อนำไปใช้งานเป็นประจำ

    รายการตรวจสอบสำหรับการบำรุงรักษาสำหรับสัปดาห์ที่:
    จ.อ.พ.พฤ.ศ.ส.อา.
    ตรวจสอบการทำงานของสวิตช์อินเทอร์ล็อก       
    ตรวจสอบการทำงานของเบรก       
    ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและเชื้อเพลิง       
    ระบายเครื่องแยกน้ำ/น้ำมันเชื้อเพลิง       
    ตรวจสอบไฟสถานะการอุดตันของตัวกรองอากาศ       
    ตรวจสอบหม้อน้ำและตะแกรงเพื่อดูสิ่งสกปรก       
    ตรวจสอบเสียงเครื่องยนต์ที่ผิดปกติ1       
    ตรวจสอบเสียงการทำงานที่ผิดปกติ       
    ตรวจสอบระดับน้ำมันระบบไฮดรอลิก       
    ตรวจสอบส่วนแสดงสถานะตัวกรองไฮดรอลิก 2       
    ตรวจสอบท่ออ่อนไฮดรอลิกเพื่อดูความเสียหาย       
    ตรวจสอบน้ำยารั่วไหล       
    ตรวจสอบแรงดันลมยาง       
    ตรวจสอบการทำงานของแผงหน้าปัด       
    ตรวจสอบระยะห่างระหว่างพวงใบมีดกับใบมีดล่าง       
    ตรวจสอบความสูงในการตัด       
    ตรวจสอบจุดอัดจาระบีทั้งหมดเพื่อเช็คการหล่อลื่น3       
    ทำสีที่ชำรุด       

    1. ตรวจสอบหัวเทียนและหัวฉีด หากพบว่าสตาร์ทยาก มีควันมากเกินไป หรือเครื่องยนต์สะดุด

    2. ตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์และน้ำมันในอุณหภูมิที่ใช้งาน 

    3. ทันทีหลังจากการล้างทุกครั้ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงระยะการบำรุงรักษาที่กำหนดไว้

    Important: ดูขั้นตอนการบำรุงรักษาเพิ่มเติมได้จากคู่มือผู้ใช้เครื่องยนต์

    บันทึกจุดที่ต้องระวัง

    ตรวจสอบโดย:
    รายการวันที่ข้อมูล
    1  
    2  
    3  
    4  
    5  
    6  
    7  
    8  

    ขั้นตอนก่อนการบำรุงรักษา

    การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    1. จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ กดสวิตช์เปิดใช้งาน/ปิดใช้งานไปที่ตำแหน่งปลด ลดชุดตัดหญ้าลง และเข้าเบรกจอด

    2. ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก และรอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง

    3. รอให้เครื่องยนต์เย็นลง

    เปิดฝากระโปรง

    1. ปลดสลักฝากระโปรง 2 ตัว (รูป 60)

      g375764
    2. หมุนเปิดฝากระโปรง

    การปิดฝากระโปรง

    1. หมุนฝากระโปรงปิดอย่างระมัดระวัง (รูป 61)

      g375759
    2. ยึดฝากระโปรงด้วยสลักฝากระโปรง 2 ตัว

    การเปิดตะแกรง

    1. ถอดสลักกลมออกจากสลักตะแกรง (รูป 62)

      g378822
    2. ปลดสลักออกและเปิดตะแกรง

    การปิดตะแกรง

    1. ปิดและล็อกสลักตะแกรง (รูป 63)

      g378174
    2. สอดสลักกลมผ่านสลักตะแกรง

    การเอนเบาะ

    1. เลื่อนสลักเบาะที่นั่งออกมาด้านนอก (รูป 64)

      g375778
    2. ค่อยๆ หมุนเบาะที่นั่งขึ้น

    3. ตรวจดูให้แน่ใจว่าก้านค้ำข้างหน้าอยู่ในร่องของแผ่นนำก้าน (รูป 65)

      g375765

    การลดระดับเบาะที่นั่ง

    1. หมุนเบาะที่นั่งเล็กน้อย และยกก้านค้ำออกจากร่องของช่องรองรับเบาะที่นั่ง (รูป 66)

      g375779
    2. ค่อยๆ ยกเบาะที่นั่งลงจนกว่าจะเกี่ยวล็อกแน่นหนา

    ตำแหน่งจุดวางแม่แรง

    Note: ใช้ขาตั้งแม่แรงรองรับน้ำหนักอุปกรณ์เมื่อต้องทำงานใต้ท้องอุปกรณ์ โปรดดู ข้อมูลจำเพาะ

    ใช้จุดยกอุปกรณ์ต่อไปนี้:

    g375763
    • หน้า—โครงยึดแม่แรงของท่อแกนหน้า (รูป 67)

    • ท้าย—ท่อแกนท้าย

    การหล่อลื่น

    การอัดจาระบีแบริ่งและบุชชิ่ง

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 50 ชั่วโมง
  • อัดจาระบีที่แบริ่งและบุชชิง (และทันทีหลังล้างทุกครั้ง)
  • ข้อกำหนดเฉพาะของจาระบี: จาระบีลิเธียมเบอร์ 2

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู เปิดฝากระโปรง

    3. หล่อลื่นอุปกรณ์ที่จุดอัดจาระบีตามตำแหน่งต่อไปนี้:

      • ข้อต่อตัว U ปั๊ม-เพลาขับ (3 จุด) (รูป 68)

        Note: เพลาขับปั๊มที่อยู่ใต้ฝากระโปรง

        g003962
      • กระบอกสูบแขนยกของชุดตัดหญ้า (ด้านละ 2 จุด) (รูป 69)

        g012150
      • ข้อหมุนของแขนยก (ด้านละ 1 จุด) (รูป 69)

      • โครงส่วนบรรทุกและข้อหมุนของชุดตัดหญ้า (ด้านละ 2 จุด) (รูป 70)

        g003960
      • เพลาหมุนแขนยก (ด้านละ 1 จุด) (รูป 71)

        g004157
      • คันส่งของเพลาท้าย (2 จุด) (รูป 72)

        g003987
      • ข้อหมุนของเพลาบังคับเลี้ยว (1 จุด) (รูป 73)

        g004169
      • ข้อต่อกลมเพลาบังคับเลี้ยว-กระบอกสูบ (2 จุด) (รูป 74)

        g003966
      • แป้นเบรก (1 จุด) (รูป 75)

        g011615
    4. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    การบำรุงรักษาเครื่องยนต์

    ความปลอดภัยของเครื่องยนต์

    • ดับเครื่องยนต์ก่อนตรวจสอบระดับน้ำมันหรือเติมน้ำมันลงในห้องข้อเหวี่ยง

    • อย่าเปลี่ยนความเร็วของตัวควบคุมความเร็วหรือเร่งรอบเครื่องมากเกินไป

    การตรวจสอบตัวกรองอากาศ

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู เปิดฝากระโปรง

    3. ตรวจสอบแถบสถานะการซ่อมบำรุงที่ปลายตัวเรือนตัวกรองอากาศ (รูป 76)

      g373570
    4. หากแถบสีแดงแสดงขึ้นในแถบสถานะซ่อมบำรุง ให้เปลี่ยนตัวกรองอากาศ โปรดดู การซ่อมบำรุงระบบกรองอากาศ

    5. บีบวาล์วปล่อยฝุ่น (รูป 77)

      g373568
    6. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    การซ่อมบำรุงระบบกรองอากาศ

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 400 ชั่วโมง
  • ซ่อมบำรุงระบบกรองอากาศ (ซ่อมบำรุงให้บ่อยขึ้นหากใช้งานในสภาวะที่สกปรกมากหรือมีฝุ่นมาก) ซ่อมบำรุงระบบกรองอากาศก่อนถึงกำหนด หากแถบสถานะระบบกรองอากาศเป็นสีแดง
  • ตรวจสอบตัวเรือนระบบกรองอากาศเพื่อหาความเสียหายที่อาจทำให้อากาศรั่วไหลได้ และเปลี่ยนถ้าพบความเสียหาย ตรวจสอบระบบอากาศเข้าทั้งหมดเพื่อตรวจสอบการรั่วไหล ความเสียหาย หรือข้อรัดท่ออ่อนที่หลวม

    ซ่อมบำรุงไส้กรองของระบบกรองอากาศเฉพาะเมื่อไฟสถานะการซ่อมบำรุงบ่งบอกเท่านั้น การเปลี่ยนไส้กรองอากาศก่อนถึงเวลาจำเป็นจะเพิ่มโอกาสให้ฝุ่นเข้าสู่เครื่องยนต์มากขึ้นขณะที่ถอดไส้กรองออก

    Important: ตรวจสอบให้แนใจว่าฝาครอบผนึกเข้ากับตัวเรือนระบบกรองอากาศอย่างถูกต้อง

    g373566g031351

    การรีเซ็ตแถบสถานะการซ่อมบำรุงตัวกรองอากาศ

    1. หากแถบสีแดงแสดงในแถบสถานะการซ่อมบำรุง กดปุ่มรีเซ็ตที่ปลายแถบสถานะ (รูป 79)

      g373569
    2. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    ข้อกำหนดเฉพาะของน้ำมัน

    ใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงที่ได้มาตรฐานหรือมีคุณสมบัติสูงกว่าข้อมูลจำเพาะดังต่อไปนี้:

    หมวดหมู่ API service: CH-4 ขึ้นไป

    ใช้เกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องต่อไปนี้:

    • น้ำมันที่ควรใช้: SAE 15W-40: สูงกว่า -18°C (0°F)

    • น้ำมันทางเลือก: SAE 10W-30 หรือ 5W-30 (ทุกอุณหภูมิ)

    น้ำมันเครื่องพรีเมียมของ Toro หาซื้อได้จากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Toro ทั้งเกรดความหนืด 15W-40 หรือ 10W-30

    การตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง
  • Important: ตรวจสอบน้ำมันเครื่องทุกวัน หากระดับน้ำมันเครื่องอยู่เหนือขีดเต็มบนก้านวัด น้ำมันเครื่องอาจเจือจางกับน้ำมันเชื้อเพลิงหากระดับน้ำมันเครื่องอยู่เหนือขีดเต็ม ให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง

    เวลาที่เหมาะที่สุดในการตรวจสอบน้ำมันเครื่องคือเมื่อเครื่องยนต์เย็น ก่อนที่จะสตาร์ทอุปกรณ์เป็นครั้งแรกของวัน หากเครื่องยนต์ทำงานไปแล้ว ควรรอให้น้ำมันเครื่องไหลกลับไปยังอ่างน้ำมันเครื่องอย่างน้อย 10 นาทีก่อนที่จะตรวจสอบ หากระดับน้ำมันพอดีกับหรืออยู่ต่ำกว่าจุดเติมบนก้านวัด เติมน้ำมันเพื่อให้ระดับน้ำมันถึงขีดเต็มอย่าเติมน้ำมันเครื่องมากเกินไป

    Important: รักษาระดับน้ำมันเครื่องให้อยู่ระหว่างขีดบนกับขีดล่างบนเกจน้ำมัน เครื่องยนต์อาจเสียหายหากทำงานโดยมีน้ำมันมากหรือน้อยเกินไป

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู เปิดฝากระโปรง

    3. ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง (รูป 80)

      g375802g031256

      Important: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระหว่างขีดบนกับขีดล่างบนเกจน้ำมัน การเติมน้ำมันเครื่องมากหรือน้อยเกินไปอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหาย

    4. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    ความจุน้ำมันของห้องข้อเหวี่ยง

    ประมาณ 5.2 ลิตร (5.5 ควอร์ต) พร้อมตัวกรอง

    การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและตัวกรองน้ำมันเครื่อง

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 250 ชั่วโมง
  • เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและตัวกรองน้ำมันเครื่อง
    1. เตรียมอุปกรณ์ โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ระบายน้ำมันและเปลี่ยนไส้กรอง

      g378574g378573

      Important: อย่าขันไส้กรองแน่นเกินไป

    3. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู เปิดฝากระโปรง

    4. เติมน้ำมันลงในห้องข้อเหวี่ยง โปรดดู ข้อกำหนดเฉพาะของน้ำมัน, ความจุน้ำมันของห้องข้อเหวี่ยง และ การตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง

    5. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    การบำรุงรักษาระบบเชื้อเพลิง

    อันตราย

    น้ำมันเชื้อเพลิงและไอน้ำมันจะติดไฟง่ายและเกิดการระเบิดได้ง่ายในบางสภาวะ เพลิงไหม้และการระเบิดที่เกิดจากเชื้อเพลิงอาจทำให้คุณและผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ รวมถึงทำให้ทรัพย์สินเสียหายได้

    • ควรเติมเชื้อเพลิงนอกอาคารในพื้นที่โล่งขณะที่เครื่องยนต์ดับและยังเย็นอยู่ เช็ดน้ำมันที่หกออกมา

    • อย่าเติมน้ำมันมากเกินไป เติมน้ำมันลงในถังเชื้อเพลิงอยู่ต่ำกว่าส่วนบนสุดของถัง (ไม่ใช่ช่องเติม) 25 มม. (1 นิ้ว) พื้นที่ว่างในถังนี้เผื่อไว้ให้น้ำมันเชื้อเพลิงขยายตัว

    • ห้ามสูบบุหรี่ขณะจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง และอยู่ให้ห่างจากประกายไฟหรือบริเวณที่ไอน้ำมันอาจก่อให้เกิดประกายไฟได้

    • จัดเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงในภาชนะสะอาดที่ผ่านการรับรองด้านความปลอดภัย และปิดฝาเข้าที่

    การระบายน้ำออกจากเครื่องแยกเชื้อเพลิง-น้ำ

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ระบายน้ำและสิ่งปนเปื้อนจากเครื่องแยกเชื้อเพลิง-น้ำ
    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เปิดฝากระโปรง เปิดฝากระโปรง

    3. วางถาดระบายใต้วาล์วระบายของเครื่องแยกเชื้อเพลิง-น้ำ (รูป 82)

      g375850
    4. เปิดวาล์ว แล้วระบายน้ำและสิ่งปนเปื้อนออกจากเครื่องแยกน้ำ

    5. ปิดวาล์วของเครื่องแยกเชื้อเพลิง-น้ำ

    6. สตาร์ทเครื่องยนต์และตรวจสอบการรั่วไหล

      Note: ซ่อมแซมจุดรั่วทั้งหมด

    7. ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

    8. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรง การปิดฝากระโปรง

    การเปลี่ยนตัวกรองเครื่องแยกเชื้อเพลิง-น้ำ

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 400 ชั่วโมง
  • เปลี่ยนตัวกรองเชื้อเพลิง
    1. ระบายเครื่องแยกเชื้อเพลิง-น้ำจนหมด โปรดดู การระบายน้ำออกจากเครื่องแยกเชื้อเพลิง-น้ำ

    2. ทำความสะอาดหัวกรองและกล่องตัวกรอง (รูป 83)

      g375851
    3. ถอดกล่องตัวกรอง และทำความสะอาดพื้นผิวยึดของหัวกรอง

    4. หล่อลื่นปะเก็นบนกล่องตัวกรองด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงสะอาด

    5. ติดตั้งกล่องตัวกรองด้วยมือจนกระทั่งปะเก็นแตะกับพื้นผิวที่ใช้ยึดกล่องตัวกรอง จากนั้นหมุนเพิ่มอีก 1/2 รอบ

    6. ขันวาล์วระบายที่ด้านล่างของกล่องตัวกรองให้แน่น

    7. สตาร์ทเครื่องยนต์และตรวจสอบการรั่วไหล

      Note: ซ่อมแซมจุดรั่วทั้งหมด

    8. ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

    9. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรง การปิดฝากระโปรง

    การไล่อากาศในระบบเชื้อเพลิง

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ตรวจสอบให้แน่ใจมีเชื้อเพลิงอยู่อย่างน้อยครึ่งถัง

    3. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู เปิดฝากระโปรง

    4. เปิดสกรูไล่อากาศบนปั๊มฉีดเชื้อเพลิง (รูป 84)

      g378575
    5. บิดกุญแจในสวิตช์สตาร์ทไปที่ตำแหน่งเปิด

      ปั๊มเชื้อเพลิงไฟฟ้าทำงานและดันอากาศออกมาทางสกรูไล่อากาศ

      Note: บิดกุญแจไว้ในตำแหน่ง เปิด จนกว่าเชื้อเพลิงจะไหลออกมาเป็นสายรอบๆ สกรู

    6. ขันสกรูให้แน่น และบิดสวิตช์กุญแจไปที่ปิด

    7. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    การตรวจสอบท่อน้ำมันและข้อต่อ

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 400 ชั่วโมง
  • ตรวจสอบท่อน้ำมันและข้อต่อเพื่อเช็คการเสื่อมสภาพ ความเสียหาย หรือข้อต่อหลวม(หรือเป็นประจำทุกปี แล้วแต่ว่าสิ่งใดเกิดขึ้นก่อน)
  • ตรวจสอบท่อน้ำมันและข้อต่อเพื่อเช็คการเสื่อมสภาพ ความเสียหาย หรือข้อต่อหลวม

    การระบายถังน้ำมันเชื้อเพลิง

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 800 ชั่วโมง
  • ระบายและทำความสะอาดถังน้ำมันระบายและทำความสะอาดถังเชื้อเพลิง ถ้าระบบเชื้อเพลิงปนเปื้อน
  • ก่อนจัดเก็บ
  • ระบายและทำความสะอาดถังน้ำมันระบายและทำความสะอาดถังเชื้อเพลิง หากคุณเก็บอุปกรณ์ไว้เป็นเวลานาน
  • ความจุถังเชื้อเพลิง: 53 ลิตร (14 แกลลอน)

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. วางถาดระบายไว้ใต้วาล์วระบายของถังเชื้อเพลิง (รูป 85)

      g373900
    3. เปิดวาล์วระบายและปล่อยให้เชื้อเพลิงไหลออกจากถัง

    4. ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสะอาดในการล้างถัง

    5. ปิดวาล์วระบาย

    การทำความสะอาดตะแกรงท่อจ่ายเชื้อเพลิงดี

    การถอดท่อจ่ายเชื้อเพลิงดี

    ท่อจ่ายเชื้อเพลิงดีอยู่ที่ด้านในถังเชื้อเพลิง มาพร้อมตะแกรงช่วยป้องกันสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าสู่ระบบเชื้อเพลิง ถอดท่อจ่ายเชื้อเพลิงดีออกและทำความสะอาดตะแกรงตามที่จำเป็น

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ถอดสกรูหัวแฉก 5 ตัวที่ยึดฝาครอบท่อส่งเชื้อเพลิงเข้ากับถังเชื้อเพลิง และถอดฝาครอบออก (รูป 86)

      g373885
    3. ถอดขั้วต่อ 2 เบ้าของชุดสายไฟส่งเชื้อเพลิงออกจากขั้วต่อ 2 ขาของชุดสายไฟอุปกรณ์ (รูป 87)

      g373884
    4. ขยับข้อรัดที่ยึดท่ออ่อนเข้ากับข้อต่อของบอร์ดด้านในของท่อส่งเชื้อเพลิง แล้วถอดท่ออ่อนออกจากข้อต่อ (รูป 88)

      g373882
    5. คลายฝาครอบท่อส่งเชื้อเพลิง (รูป 89)

      g373883
    6. ค่อย ๆ ยกท่อส่งเชื้อเพลิงออกจากถังอย่างระมัดระวัง

      Note: อย่าทำให้ท่อจ่ายเชื้อเพลิงดี ท่อย้อนกลับ หรือแขนลอยหักงอ

    การทำความสะอาดในการติดตั้งท่อจ่ายเชื้อเพลิงดี

    1. ทำความสะอาดตะแกรงที่ปลายท่อจ่ายเชื้อเพลิงดี (รูป 90)

      g373881
    2. ประกอบท่อจ่ายเชื้อเพลิงดีและลูกลอยเข้ากับถังเชื้อเพลิงอย่างระมัดระวัง (รูป 91)

      g373886
    3. จัดเรียงข้อต่อสำหรับท่อจ่ายเชื้อเพลิงดีและบอร์ดด้านในของท่อย้อนกลับ

    4. ปิดฝาท่อส่งเชื้อเพลิงเข้ากับถังเชื้อเพลิง

    5. ประกอบท่ออ่อนเข้ากับข้อต่อของท่อส่งเชื้อเพลิง และยึดท่ออ่อนเข้ากับข้อต่อด้วยข้อรัด (รูป 92)

      g373882
    6. เสียบขั้วต่อของชุดสายไฟส่งเชื้อเพลิงเข้ากับขั้วต่อของชุดสายไฟอุปกรณ์ (รูป 93)

      g373884
    7. จัดตำแหน่งรูบนฝาครอบท่อส่งเชื้อเพลิงให้ตรงกับรูบนถังเชื้อเพลิง และยึดฝาครอบเข้ากับถังด้วยสกรูหัวแฉก 5 ตัว (รูป 94)

      g373885

    การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า

    ความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า

    • ตัดการเชื่อมต่อแบตเตอรี่ก่อนซ่อมบำรุงอุปกรณ์ ถอดขั้วลบออกก่อน ตามด้วยขั้วบวก ต่อขั้วบวกก่อน ตามด้วยขั้วลบ

    • ชาร์จแบตเตอรี่ในพื้นที่เปิดโล่งที่ระบายอากาศได้ดี ห่างจากประกายไฟและเปลวไฟ ถอดปลั๊กเครื่องชาร์จก่อนต่อหรือตัดการเชื่อมต่อแบตเตอรี่ สวมใส่ชุดป้องกันและใช้เครื่องมือมีฉนวน

    การถอดแบตเตอรี่

    อันตราย

    น้ำอิเล็กโทรไลต์ในแบตเตอรี่ประกอบด้วยกรดซัลฟูริก ซึ่งเป็นอันตรายหากรับประทานหรือทำให้เป็นแผลไหม้รุนแรง

    • ห้ามดื่มน้ำอิเล็กโตรไลต์และหลีกเลี่ยงไม่ให้สัมผัสกับผิวหนัง ดวงตา หรือเสื้อผ้า สวมใส่แว่นนิรภัยเพื่อป้องกันดวงตาและสวมถุงมือยางเพื่อปกป้องมือ

    • เติมน้ำแบตเตอรี่ในสถานที่ที่มีน้ำสะอาดเตรียมไว้เสมอเพื่อใช้ล้างผิวหนัง

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู เปิดฝากระโปรง

    3. ถอดสายแบตเตอรี่ขั้วลบ (รูป 95)

      g375758
    4. เลื่อนบูทยางออกจากข้อรัดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก และถอดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวกออก

    การเชื่อมต่อแบตเตอรี่

    1. ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) เข้ากับเสาแบตเตอรี่ขั้วบวก (+)(รูป 96)

      g375758
    2. ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ (สีดำ) เข้ากับเสาแบตเตอรี่ขั้วลบ (-)

    3. ทาจาระบี Grafo 112X (แบบสกินโอเวอร์ ) หมายเลขอะไหล่ Toro 505-47 ที่เสาแบตเตอรี่และข้อรัดสายไฟแบตเตอรี่

    4. เลื่อนบูทยางครอบข้อรัดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก

    5. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    การชาร์จแบตเตอรี่

    1. ถอดแบตเตอรี่ โปรดดู การถอดแบตเตอรี่

    2. ต่อเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ 3-4 แอมป์เข้ากับเสาแบตเตอรี่

    3. ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยกำลัง 3-4 แอมป์เป็นเวลา 4-8 ชั่วโมง

    4. เมื่อชาร์จแบตเตอรี่แล้ว ถอดเครื่องชาร์จออกจากเต้ารับไฟฟ้าและเสาแบตเตอรี่

    5. เชื่อมต่อแบตเตอรี่ โปรดดู การชาร์จแบตเตอรี่

    การซ่อมบำรุงแบตเตอรี่

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 50 ชั่วโมง
  • ซ่อมบำรุงแบตเตอรี่
  • Note: คอยรักษาความสะอาดขั้วและกล่องแบตเตอรี่เนื่องจากแบตเตอรี่ที่สกปรกจะคายประจุช้า

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู เปิดฝากระโปรง

    3. ตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่

      Note: เปลี่ยนแบตเตอรี่ที่สึกหรอหรือชำรุด

    4. ถอดสายไฟแบตเตอรี่ และถอดแบตเตอรี่ออกจากอุปกรณ์ โปรดดู การถอดแบตเตอรี่

    5. ล้างทั้งกล่องแบตเตอรี่ด้วยน้ำผสมโซเดียมไบคาบอเนต (เบกกิ้งโซดา)

    6. ล้างกล่องด้วยน้ำสะอาด

    7. ประกอบแบตเตอรี่เข้ากับอุปกรณ์และต่อสายแบตเตอรี่ โปรดดู การเชื่อมต่อแบตเตอรี่

    8. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    การเปลี่ยนฟิวส์ของกล่องฟิวส์

    กล่องฟิวส์อยู่ในแขนควบคุม

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เปิดสลัก 2 ตัวที่ยึดฝาครอบแขนควบคุมเข้ากับแขนควบคุม และถอดฝาครอบออก (รูป 97)

      g375760
    3. เปลี่ยนฟิวส์ที่ขาด (รูป 98) ด้วยฟิวส์ประเภทเดียวกันที่มีแอมแปร์เท่ากัน

      g375761
    4. ประกอบฝาครอบแขนควบคุมเข้ากับแขนควบคุม และยึดฝาครอบด้วยสลัก 2 ตัว

    การเปลี่ยนฟิวส์เทเลเมติกส์

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ปลดสลักและเอนเบาะ โปรดดู การเอนเบาะ

    3. ถอดฝาครอบออกจากบล็อกฟิวส์ที่ติดฉลากว่า (รูป 99)

      g378242
    4. ถอดฟิวส์ออกจากบล็อกฟิวส์

    5. ใส่ฟิวส์ประเภทเดียวกันและมีแอมแปร์เท่ากัน

    6. ประกอบฝาครอบเข้ากับบล็อกฟิวส์

    7. ปิดและล็อกสลักเบาะที่นั่ง โปรดดู การลดระดับเบาะที่นั่ง

    การเปลี่ยนฟิวส์ส่วนควบคุม TEC

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู เปิดฝากระโปรง

    3. หาบล็อกฟิวส์ที่อยู่ในแผงวงจรของแบตเตอรี่ (รูป 100)

      g375762
    4. ถอดฝาครอบออกจากบล็อกฟิวส์

    5. เปลี่ยนฟิวส์ที่ขาดด้วยฟิวส์ประเภทเดียวกันที่มีแอมแปร์เท่ากัน

    6. ติดตั้งฝาครอบเข้ากับบล็อกฟิวส์

    7. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    การบำรุงรักษาระบบขับเคลื่อน

    การตรวจสอบแรงดันลมยาง

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบแรงดันลมยาง
  • Important: คอยตรวจสอบแรงดันลมยางทุกล้อเพื่อให้อุปกรณ์ตัดหญ้าได้ดีและเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเหมาะสม อย่าเติมลมยางน้อยเกินไป

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. วัดแรงดันลมยาง

      Note: แรงดันลมยางที่ถูกต้องคือ 83 ถึง 103 กิโลปาสกาล (12 หรือ 15 ปอนด์ต่อตร.นิ้ว)

    3. หากต้องเติมลมหรือปล่อยลมออกจากยางล้อรถ

    4. ทำซ้ำขั้นตอน 2 และ 3 ที่ล้ออื่น ๆ

    ตรวจสอบแรงบิดของน็อตล้อ

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    หลังจากชั่วโมงแรก
  • ขันน็อตล้อจนได้แรงบิด 94 ถึง 122 นิวตันเมตร (70 ถึง 90 ฟุตปอนด์)
  • หลังจาก 10 ชั่วโมงแรก
  • ขันน็อตล้อจนได้แรงบิด 94 ถึง 122 นิวตันเมตร (70 ถึง 90 ฟุตปอนด์)
  • ทุก 250 ชั่วโมง
  • ขันน็อตล้อจนได้แรงบิด 94 ถึง 122 นิวตันเมตร (70 ถึง 90 ฟุตปอนด์)
  • คำเตือน

    หากไม่ขันน็อตล้อด้วยแรงบิดที่เหมาะสมอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บได้

    คอยดูแลให้น็อตล้อมีแรงบิดที่เหมาะสมอยู่เสมอ

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ขันน็อตล้อจนได้แรงบิด 94 ถึง 122 นิวตันเมตร (70 ถึง 90 ฟุตปอนด์)

    การปรับระบบขับเคลื่อนสำหรับเกียร์ว่าง

    Important: อุปกรณ์ต้องไม่ขยับเมื่อปล่อยแป้นขับเคลื่อน (ในตำแหน่ง ว่าง) หากอุปกรณ์ขยับ ให้ปรับปั๊มฉุดลากดังนี้:

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ใช้แม่แรงยกอุปกรณ์ขึ้นจนกว่าล้อหน้าทั้งสองยกจากพื้น และหนุนอุปกรณ์ด้วยขาตั้งแม่แรง โปรดดู ข้อมูลจำเพาะ และ ตำแหน่งจุดวางแม่แรง

    3. จากใต้อุปกรณ์ และที่ด้านขวาของปั๊มฉุดลาก คลายน็อตล็อกที่ยึดสกรูปรับกลไกการกลับมายังตำแหน่งเกียร์ว่าง (รูป 101)

      g375898

      คำเตือน

      เครื่องยนต์ต้องทำงาน เพื่อให้ลูกเบี้ยวปรับการขับเคลื่อนปรับเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งขั้นตอนนี้อาจทำให้บาดเจ็บได้

      เก็บมือ เท้า ใบหน้า และส่วนอื่นๆ ของร่างกายให้ห่างจากท่อไอเสีย พื้นผิวร้อนอื่นๆ ของเครื่องยนต์ และชิ้นส่วนหมุนใดๆ

    4. สตาร์ทเครื่องยนต์และปล่อยเบรกจอด

    5. หมุนสกรูปรับกลไกการกลับมายังตำแหน่งเกียร์ว่างไปทางใดทางหนึ่งจนกว่าล้อจะหยุดหมุน

    6. ขันน็อตล็อกจนได้แรงบิด 22 นิวตันเมตร (16 ฟุตปอนด์)

    7. ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

    8. นำขาตั้งแม่แรงออกและลดอุปกรณ์ลงมาที่พื้น

    9. ทดลองขับอุปกรณ์เพื่อให้แน่ใจว่า อุปกรณ์ไม่ขยับเมื่อแป้นขับเคลื่อนอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง

    การตรวจสอบการวางตำแหน่งล้อหลัง

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 800 ชั่วโมง
  • ตรวจสอบมุมโทอินล้อหลัง
    1. หมุนพวงมาลัยให้ล้อหลังตรง

    2. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    3. ที่ความสูงแกน ให้วัดระยะห่างจากศูนย์กลางถึงศูนย์กลางที่ล้อคู่หน้าและล้อคู่หลัง

      Note: การปรับมุมโทอินของล้อหลังจะถูกต้อง ถ้าค่าที่วัดได้ของล้อหน้าและล้อหลังต่างกันไม่เกิน 6 มม. (1/4 นิ้ว) (รูป 102)

      g009169
    4. หากค่าที่วัดได้เกิน 6 มม. (1/4 นิ้ว) ให้ปรับมุมโทอินของล้อหลัง โปรดดู การตั้งมุมโทอินล้อหลัง

    การตั้งมุมโทอินล้อหลัง

    1. คลายน็อตสวมทับที่ปลายคันส่งแต่ละด้าน (รูป 103)

      Note: ปลายคันส่งมีร่องหันออกและมีเกลียวหมุนไปทางซ้าย

      g004136
    2. ใช้ประแจแหวนหมุนคันส่ง

    3. ที่ความสูงแกน ให้วัดระยะห่างจากศูนย์กลางถึงศูนย์กลางที่ล้อคู่หน้าและล้อคู่หลัง

      Note: การปรับมุมโทอินของล้อหลังจะถูกต้อง ถ้าค่าที่วัดได้ของล้อหน้าและล้อหลังต่างกันไม่เกิน 6 มม. (1/4 นิ้ว)

    4. ทำซ้ำขั้นตอน 2 และ 3 ตามที่จำเป็น

    5. ขันน็อตสวมทับให้แน่น

    การบำรุงรักษาระบบระบายความร้อน

    ความปลอดภัยของระบบหล่อเย็น

    • น้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์เป็นพิษ ห้ามรับประทาน และเก็บให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

    • การระบายน้ำหล่อเย็นที่ร้อนและมีแรงดัน หรือการสัมผัสหม้อน้ำร้อนและชิ้นส่วนรอบๆ อาจทำให้ผิวหนังถูกลวกรุนแรง

      • ปล่อยให้เครื่องยนต์เย็นลงอย่างน้อย 15 นาทีก่อนถอดฝาหม้อน้ำเสมอ

      • ใช้ผ้าขี้ริ้วเมื่อเปิดฝาหม้อน้ำ และเปิดฝาช้าๆ เพื่อปล่อยไอน้ำออก

    ข้อมูลจำเพาะของน้ำยาหล่อเย็น

    ถังหล่อเย็นมีการเติมน้ำผสมน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งานชนิดเอทิลีนไกลคอลในสัดส่วน 50/50 มาจากโรงงาน

    Important: ใช้เฉพาะน้ำยาหล่อเย็นที่มีจำหน่ายในท้องตลาดและมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดในตารางมาตรฐานน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งานเท่านั้นห้ามใช้น้ำยาหล่อเย็นชนิดเทคโนโลยีกรดอนินทรีย์ (สีเขียว) (IAT) แบบทั่วไปในอุปกรณ์ อย่าผสมน้ำยาหล่อเย็นแบบทั่วไปกับน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งาน

    ตารางชนิดน้ำยาหล่อเย็น

    ชนิดน้ำยาหล่อเย็นเอทิลีนไกลคอล

    ชนิดสารยับยั้งการสึกกร่อน

    สารป้องกันการแข็งตัวแบบยืดอายุการใช้งาน

    เทคโนโลยีกรดอินทรีย์ (OAT)

    Important: อย่าแยกแยะความแตกต่างระหว่างน้ำยาหล่อเย็นชนิดกรดอนินทรีย์ (สีเขียว) แบบทั่วไปกับน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งานโดยการดูจากสีของน้ำยาหล่อเย็นผู้ผลิตน้ำยาหล่อเย็นอาจย้อมสีน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งานด้วยสีใดสีหนึ่งต่อไปนี้: สีแดง, สีชมพู, สีส้ม, สีเหลือง, สีน้ำเงิน, สีเขียวอมฟ้า, สีม่วง และสีเขียว ใช้น้ำยาหล่อเย็นที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดในตารางมาตรฐานน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งาน

    ตารางมาตรฐานน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งาน

    ATSM International

    SAE International

    D3306 และ D4985

    J1034, J814 และ 1941

    Important: สำหรับความเข้มข้นของน้ำยาหล่อเย็น ควรผสมน้ำต่อน้ำยาหล่อเย็นในสัดส่วน 50/50

    • แนะนำ: เมื่อผสมน้ำยาหล่อเย็นจากน้ำยาเข้มข้น ให้ผสมกับน้ำกลั่น

    • ทางเลือก: หากไม่มีน้ำกลั่น ใช้น้ำยาหล่อเย็นผสมสำเร็จแทนน้ำยาแบบเข้มข้น

    • ข้อกำหนดขั้นต่ำ: หากไม่มีทั้งน้ำกลั่นและน้ำยาหล่อเย็นผสมสำเร็จ ให้ผสมน้ำยาหล่อเย็นเข้มข้นกับน้ำสะอาดที่ดื่มได้

    การตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น
  • ข้อควรระวัง

    หากเครื่องยนต์กำลังทำงานและมีแรงดัน น้ำหล่อเย็นที่ร้อนอาจดันออกมาและลวกผิวหนังได้

    • อย่าเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน

    • ใช้ผ้าขี้ริ้วเมื่อเปิดฝาหม้อน้ำ และเปิดฝาช้าๆ เพื่อปล่อยไอน้ำออก

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู เปิดฝากระโปรง

    3. ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นในถังขยาย (รูป 104)

      Note: ระดับน้ำหล่อเย็นถูกต้อง ถ้าอยู่ระหว่างขีดเติมและขีดเต็มที่ด้านข้างถัง

      g375925
    4. หากระดับน้ำหล่อเย็นต่ำ ให้เปิดฝาถังขยายและเติมน้ำหล่อเย็นที่กำหนดจนกว่าระดับจะถึงขีดเต็ม

      Note: อย่าเติมน้ำหล่อเย็นลงในถังขยายมากเกินไป

    5. ปิดฝาถังขยาย

    6. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    การขจัดเศษวัสดุออกจากระบบหล่อเย็น

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ทำความสะอาดสิ่งสกปรกออกจากตะแกรง หม้อพักน้ำมันเครื่อง และหม้อน้ำ(ทำให้บ่อยขึ้นหากใช้งานอุปกรณ์ในสภาพแวดล้อมที่สกปรก)
  • ทุก 100 ชั่วโมง
  • ตรวจสอบท่อระบบน้ำหล่อเย็น
  • ทุก 2 ปี
  • ล้างและเปลี่ยนน้ำยาในระบบหล่อเย็น
    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู เปิดฝากระโปรง

    3. ทำความสะอาดสิ่งสกปรกออกจากบริเวณเครื่องยนต์ให้หมดจด

    4. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    5. ปลดสลักตะแกรงท้ายและหมุนเปิด (รูป 105)

      g004138
    6. ทำความสะอาดตะแกรงให้สะอาดด้วยการเป่าลม

    7. หมุนสลักหม้อพักน้ำมันเครื่อง 2 ตัวเข้า และเอียงหม้อพักน้ำมันเครื่อง (รูป 106)

      g003974
    8. ทำความสะอาดบริเวณหม้อพักน้ำมันเครื่องและหม้อน้ำทั้งสองด้าน (รูป 107) ให้หมดจดโดยใช้ลมเป่า

      g004137
    9. ยกหม้อพักน้ำมันเครื่องขึ้นและยึดไว้ด้วยสลัก 2 ตัว

    10. ปลดและล็อกสลักตะแกรง

    การบำรุงรักษาเบรก

    การปรับเบรกจอด

    ปรับเบรกซ่อมบำรุงเมื่อแป้นเบรกมีระยะฟรีมากกว่า 13 มม. (1/2 นิ้ว) หรือเมื่อเบรกลื่น ระยะฟรีคือระยะที่แป้นเบรกขยับก่อนที่จะรู้สึกถึงแรงต้านเบรก

    1. เตรียมอุปกรณ์ โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ปลดเบรกจอด

    3. ใช้ระยะคลอนของมอเตอร์ล้อเพื่อเขย่าดรัมไปมา เพื่อให้แน่ใจว่าดรัมหมุนได้อิสระก่อนและหลังจากการปรับ

    4. เหยียบแป้นเบรกเบา ๆ และวัดระยะที่แป้นขยับโดยไม่มีแรงต้าน (รูป 108)

      Note: ปรับเบรกเมื่อแป้นเบรกมีระยะฟรีมากกว่า 2.5 ซม. (1 นิ้ว) (รูป 108) หรือเมื่อต้องใช้แรงเหยียบเบรกมากขึ้น

      g026816
    5. หากต้องการลดระยะฟรีของแป้นเบรก ให้คลายน็อตสวมทับด้านหน้าบนปลายเกลียวของสายเบรกแต่ละเส้น (รูป 109)

      g375942
    6. ขันน็อตด้านหลังเพื่อขยับสายเบรกไปข้างหลัง จนกว่าแป้นเบรกมีระยะฟรี 6 ถึง 13 มม. (1/4 ถึง 1/2 นิ้ว) (รูป 108) ก่อนที่เบรกจอดจะล็อกล้อ

    7. ขันน็อตสวมทับด้านหน้าโดยดูให้แน่ใจว่าสายเบรกทั้งคู่ดึงเบรกพร้อมกัน

      Note: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่อร้อยสายไฟไม่หมุนขณะที่คุณขันน็อตสวมทับ

    การปรับสลักเบรกจอด

    หากเบรกจอดไม่ทำงานและไม่ยึด อาจจำเป็นต้องปรับแกนสปริงเบรก

    1. เตรียมอุปกรณ์ โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. คลายสกรู 2 ตัวที่ยึดแกนสปริงเบรกเข้ากับโครง (รูป 110)

      g011617
    3. เหยียบแป้นเบรกจอดไปข้างหน้าจนกระทั่งตัวกันเบรกหลุดชนกับแกนสปริงเบรกจอดจนสุด (รูป 110)

    4. หมุนสกรู 2 ตัวให้แน่นเพื่อล็อกการปรับตั้ง

    5. เหยียบแป้นเบรกเพื่อปลดเบรกจอด

    6. ตรวจสอบการปรับและปรับตามที่จำเป็น

    การบำรุงรักษาสายพาน

    ตรวจสอบสภาพและความตึงของสายพานอัลเทอร์เนเตอร์หลังจากใช้งานวันแรก และหลังจากใช้งานไปแล้วทุกๆ 100 ชั่วโมง

    การปรับความตึงสายพานอัลเทอร์เนเตอร์

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    หลังจาก 8 ชั่วโมงแรก
  • ตรวจสอบสภาพและความตึงของสายพานอัลเทอร์เนเตอร์
  • ทุก 100 ชั่วโมง
  • ตรวจสอบสภาพและความตึงของสายพานอัลเทอร์เนเตอร์
    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู เปิดฝากระโปรง

    3. ตรวจสอบความตึงของสายพานอัลเทอร์เนเตอร์โดยการกดสายพาน (รูป 111) บริเวณตรงกลางระหว่างอัลเทอร์เนเตอร์กับรอกเพลาข้อเหวี่ยงโดยใช้แรง 10 กก. (22 ปอนด์)

      Note: สายพานควรเบน 11 มม. (7/16 นิ้ว) หากการเบนไม่ถูกต้อง ดำเนินการในขั้นตอนที่ 4 หากความตึงของเบรกถูกต้อง ข้ามไปยังขั้นตอนที่ 7

      g003976
    4. คลายสลักเกลียวที่ยึดอัลเทอร์เนเตอร์เข้ากับตัวค้ำ และสลักเกลียวของสลักเดือย (รูป 111)

    5. สอดชะแลงเข้าไประหว่างอัลเทอร์เนเตอร์กับเครื่องยนต์ และขยับอัลเทอร์เนเตอร์ออกมา

    6. เมื่อสายพานตึงตามที่อธิบายในขั้นตอนที่ 3 ให้ขันสลักเกลียวที่ยึดอัลเทอร์เนเตอร์กับตัวค้ำและสลักเกลียวของสลักเดือยให้แน่น

    7. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    การบำรุงรักษาระบบไฮดรอลิก

    ความปลอดภัยของระบบไฮดรอลิก

    • ไปพบแพทย์ทันทีหากโดนน้ำมันฉีดใส่ผิวหนัง น้ำมันที่ฉีดโดนร่างกายจะต้องให้แพทย์ผ่าตัดออกภายในสองถึงสามชั่วโมง

    • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่ออ่อนน้ำมันไฮดรอลิกและท่อระบบมีสภาพดี และข้อต่อและการเชื่อมต่อระบบไฮดรอลิกทั้งหมดแน่นหนาก่อนจ่ายแรงดันเข้าไปในระบบไฮดรอลิก

    • เก็บมือและร่างกายออกห่างจากจุดรั่วรูเข็มหรือหัวฉีดที่ฉีดน้ำมันไฮดรอลิกแรงดันสูง

    • ใช้กระดาษลังหรือกระดาษหาจุดรั่วของระบบไฮดรอลิก

    • ระบายแรงดันในระบบไฮดรอลิกอย่างปลอดภัยก่อนทำงานใดๆ กับระบบไฮดรอลิก

    ข้อมูลจำเพาะน้ำมันไฮดรอลิก

    ถังน้ำมันเติมน้ำมันไฮดรอลิกคุณภาพสูงมาแล้วจากโรงงาน ตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิกก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรก และทุกวันหลังจากนั้น โปรดดู การตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิก

    น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำ: น้ำมันไฮดรอลิกชนิดยืดอายุการใช้งาน Toro PX มีจัดจำหน่ายแบบถัง 19 ลิตร (5 แกลลอนสหรัฐ) หรือถัง 208 ลิตร (55 แกลลอนสหรัฐ)

    Note: อุปกรณ์ที่ใช้น้ำมันเปลี่ยนทดแทนที่แนะนำไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันและตัวกรองบ่อยๆ เหมือนกับการใช้น้ำมันเปลี่ยนทดแทนแบบอื่น

    น้ำมันไฮดรอลิกทางเลือก: หากไม่มีน้ำมันไฮดรอลิกชนิดยืดอายุการใช้งาน Toro PX จัดจำหน่าย คุณสามารถใช้น้ำมันไฮดรอลิกชนิดปิโตรเลียมทั่วไปที่มีข้อมูลจำเพาะตรงกับช่วงที่ระบุไว้สำหรับคุณสมบัติวัสดุต่อไปนี้ทั้งหมดและได้ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม อย่าใช้น้ำมันสังเคราะห์ ปรึกษาตัวแทนจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นเพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

    Note: Toro ไม่รับผิดชอบความเสียหายจากการใช้น้ำมันเปลี่ยนทดแทนที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นควรใช้ผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงน่าเชื่อถือเท่านั้น

    น้ำมันไฮดรอลิกป้องกันการสึกหรอชนิดดัชนีความหนืดสูง/จุดไหลเทต่ำ ISO VG 46

    คุณสมบัติวัสดุ: 
     ความหนืด, ASTM D445cSt ที่ 40°C (104°F) 44 ถึง 48
     ดัชนีความหนืด ASTM D2270140 ขึ้นไป
     จุดไหลเท, ASTM D97-37°C ถึง -45°C (-34°F ถึง -49°F)
     ข้อมูลจำเพาะของอุตสาหกรรม:Eaton Vickers 694 (I-286-S, M-2950-S/35VQ25 หรือ M-2952-S)

    Note: น้ำมันไฮดรอลิกส่วนใหญ่เกือบจะไม่มีสี ทำให้การมองหาจุดรั่วได้ยาก สีย้อมน้ำมันไฮดรอลิกสีแดงมีจัดจำหน่ายเป็นขวดขนาด 20 มล. (0.67 ออนซ์ของเหลว) ซึ่งขวดหนึ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับน้ำมันไฮดรอลิก 15 ถึง 22 ลิตร (4 ถึง 6 แกลลอนสหรัฐ) สามารถแจ้งหมายเลขสั่งซื้ออะไหล่ 44-2500 กับตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Toro

    Important: น้ำมันไฮดรอลิกสังเคราะห์ชนิดย่อยสลายทางชีวภาพเกรดพรีเมียมของ Toro เป็นน้ำมันสังเคราะห์ชนิดย่อยสลายทางชีวภาพเพียงรุ่นเดียวที่ได้รับการรับรองโดย Toro น้ำมันชนิดนี้เข้ากันได้กับอีลาสโตเมอร์ที่ใช้ในระบบไฮดรอลิก Toro และเหมาะสำหรับอุณหภูมิการทำงานที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังเข้ากันได้น้ำมันแร่ทั่วไปด้วย แต่เพื่อประสิทธิภาพในการย่อยสลายทางชีวภาพและสมรรถนะสูงสุด ควรล้างน้ำมันทั่วไปออกจากระบบไฮดรอลิกให้หมดจด น้ำมันมีจัดจำหน่ายแบบถัง 19 ลิตร (5 แกลลอน) หรือถัง 208 ลิตร (55 แกลลอน) จากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Toro

    การตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิก

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิก
  • ถังน้ำมันเติมน้ำมันไฮดรอลิกคุณภาพสูงมาแล้วจากโรงงาน ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการตรวจสอบน้ำมันไฮดรอลิกคือตอนที่น้ำมันยังเย็นอยู่ อุปกรณ์ควรจัดเตรียมในรูปแบบสำหรับการขนส่ง

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ทำความสะอาดบริเวณรอบช่องเติมและฝาของถังน้ำมันไฮดรอลิก (รูป 112)

      g376007
    3. เปิดฝา/ดึงก้านวัดออกจากช่องเติม และเช็ดด้วยผ้าขี้ริ้วสะอาด

    4. สอดก้านวัดลงในช่องเติม จากนั้นดึงออกมาเพื่อดูระดับน้ำมัน

      Note: ระดับน้ำมันควรอยู่ระหว่างช่วงใช้งานได้บนก้านวัด

      Important: อย่าเติมน้ำมันมากเกินไป

    5. หากน้ำมันเหลือน้อย เติมน้ำมันที่เหมาะสมพอให้ระดับถึงขีดเต็ม

    6. ปิดฝา/ใส่ก้านวัดเข้าช่องเติม

    การตรวจสอบระบบท่อและท่ออ่อนไฮดรอลิก

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบระบบท่อและท่ออ่อนไฮดรอลิก
  • ตรวจสอบระบบท่อและท่ออ่อนไฮดรอลิกเพื่อเช็คการรั่วไหล ท่อหักงอ ส่วนรองรับการยึดที่หลวม การสึกหรอ ข้อต่อหลวม การเสื่อมสภาพจากสภาพอากาศ และการเสื่อมสภาพจากสารเคมี ซ่อมแซมความเสียหายทั้งหมดก่อนกลับไปใช้งานต่อ

    การเปลี่ยนตัวกรองไฮดรอลิก

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 800 ชั่วโมง
  • หากคุณไม่ได้ใช้น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำหรือเคยเติมน้ำมันทางเลือกลงในถัง ให้เปลี่ยนตัวกรองไฮดรอลิกย้อนกลับและตัวกรองไฮดรอลิกชาร์จ
  • ทุก 1,000 ชั่วโมง
  • หากคุณใช้น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำ ให้เปลี่ยนตัวกรองไฮดรอลิกย้อนกลับและตัวกรองไฮดรอลิกชาร์จ
  • Important: การใช้ตัวกรองอื่นๆ อาจทำให้การรับประกันส่วนประกอบบางอย่างเป็นโมฆะ

    การเปลี่ยนตัวกรองย้อนกลับ

    ระบบไฮดรอลิกมีส่วนแสดงสถานะการซ่อมบำรุงตัวกรองย้อนกลับติดตั้งไว้ (รูป 113) คุณจะมองเห็นส่วนแสดงสถานะการซ่อมบำรุงไส้กรองผ่านรูที่แผงด้านหน้า ในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานที่อุณหภูมิห้อง ตรวจสอบสีของส่วนแสดงสถานะดังนี้:

    • สีเขียวแสดงว่า น้ำมันไฮดรอลิกไหลผ่านตัวกรองตามปกติ

    • สีแดงแสดงว่า ตัวกรองอุดตัน เปลี่ยนตัวกรองย้อนกลับ

    g004132
    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ที่ด้านหน้าของอุปกรณ์ วางถาดระบายใต้ตัวกรองย้อนกลับ (รูป 114)

      g376340
    3. ถอดตัวกรองออก

    4. เช็ดบริเวณติดตั้งตัวกรองของหัวกรองให้สะอาด

    5. ทาน้ำมันไฮดรอลิกที่กำหนดเป็นชั้นบาง ๆ ที่ปะเก็นของตัวกรองย้อนกลับอันใหม่

    6. ใช้มือหมุนเกลียวตัวกรองเข้ากับหัวกรอง จนกว่าปะเก็นแตะกับพื้นผิวติดตั้ง จากนั้นหมุนตัวกรองเพิ่มอีก 1/2 รอบ

    การเปลี่ยนตัวกรองชาร์จ

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เอนเบาะที่นั่ง โปรดดู การเอนเบาะ

    3. ที่ด้านซ้ายของอุปกรณ์ วางถาดระบายใต้ตัวกรองชาร์จ (รูป 115)

      g376339
    4. ถอดตัวกรองออก

    5. เช็ดบริเวณติดตั้งตัวกรองของหัวกรองให้สะอาด

    6. ทาน้ำมันไฮดรอลิกที่กำหนดเป็นชั้นบาง ๆ ที่ปะเก็นของตัวกรองชาร์จอันใหม่

    7. ใช้มือหมุนเกลียวตัวกรองเข้ากับหัวกรอง จนกว่าปะเก็นแตะกับพื้นผิวติดตั้ง จากนั้นหมุนตัวกรองเพิ่มอีก 1/2 รอบ

    8. ปิดและล็อกสลักเบาะที่นั่ง โปรดดู การลดระดับเบาะที่นั่ง

    การตรวจหารอยรั่ว

    1. สตาร์ทเครื่องยนต์ และปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานประมาณ 2 นาทีเพื่อไล่อากาศออกจากระบบไฮดรอลิก

    2. ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก และตรวจสอบรอยรั่วที่ตัวกรองย้อนกลับและตัวกรองชาร์จ

      Note: ซ่อมแซมจุดรั่วไหลในระบบไฮดรอลิกทั้งหมด

    ความจุน้ำมันไฮดรอลิก

    56.7 ลิตร (15 แกลลอนสหรัฐ) โปรดดู ข้อมูลจำเพาะน้ำมันไฮดรอลิก

    การเปลี่ยนน้ำมันไฮดรอลิก

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 800 ชั่วโมง
  • หากคุณไม่ได้ใช้น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำ หรือเคยเติมถังน้ำมันด้วยน้ำมันทางเลือกมาก่อน ให้เปลี่ยนน้ำมันไฮดรอลิก
  • ทุก 2,000 ชั่วโมง
  • หากคุณใช้น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำ ให้เปลี่ยนน้ำมันไฮดรอลิก
  • หากน้ำมันปนเปื้อน ติดต่อตัวแทนจำหน่าย Toro เนื่องจากต้องมีการล้างระบบ น้ำมันที่ปนเปื้อนจะดูขุ่นหรือเป็นสีดำเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันสะอาด

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. วางถาดระบายขนาดใหญ่ไว้ใต้ข้อต่อตรง (รูป 116) ของถังน้ำมันไฮดรอลิก โปรดดู ความจุน้ำมันไฮดรอลิก

      g377036
    3. ถอดท่อระบายถังออกจากข้อต่อตรง และปล่อยให้น้ำมันระบายออกจากถัง

    4. เมื่อน้ำมันไฮดรอลิกหยุดไหลออกจากถังแล้ว ค่อยติดตั้งท่อระบาย

    5. เติมน้ำมันไฮดรอลิกที่กำหนดลงในถัง โปรดดู ข้อมูลจำเพาะน้ำมันไฮดรอลิก และ ความจุน้ำมันไฮดรอลิก

      Important: ใช้เฉพาะน้ำมันไฮดรอลิกที่กำหนดเท่านั้น เพราะน้ำมันอื่นๆ อาจทำให้ระบบเสียหาย

    6. ปิดฝาถัง

    7. สตาร์ทเครื่องยนต์และใช้งานการควบคุมไฮดรอลิกทั้งหมดเพื่อจ่ายน้ำมันไฮดรอลิกให้ทั่วระบบ

    8. ตรวจหาน้ำมันไฮดรอลิกรั่วไหล โปรดดู การตรวจหารอยรั่ว

    9. ตรวจสอบระดับ โปรดดู การตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิก

    การบำรุงรักษาระบบชุดตัดหญ้า

    ความปลอดภัยเกี่ยวกับใบมีด

    ใบมีดหรือใบมีดล่างที่สึกหรือเสียหายอาจจะแตกออกได้ และชิ้นส่วนอาจกระเด็นไปโดนตัวคุณหรือผู้อื่น จนอาจทำให้บาดเจ็บรุนแรงหรือเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

    • ตรวจสอบเป็นระยะว่าใบมีดหรือใบมีดล่างสึกหรอหรือเสียหายหรือไม่

    • ใช้ความระมัดระวังขณะที่ตรวจสอบใบมีด สวมใส่ถุงมือและใช้ความระมัดระวังขณะบำรุงรักษาใบมีด ให้เปลี่ยนหรือลับใบมีดเท่านั้น ห้ามยืดหรือเชื่อมใบมีดเด็ดขาด

    • ในอุปกรณ์ที่มีชุดตัดหญ้าหลายชุด ให้ใช้ความระมัดระวังขณะหมุนชุดตัดหญ้า เนื่องจากอาจทำให้ใบมีดพวงในชุดตัดหญ้าอื่นๆ หมุนได้

    การตรวจสอบการสัมผัสกันของใบมีดพวงกับใบมีดล่าง

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบการสัมผัสกันของใบมีดพวงและใบมีดล่าง
  • ตรวจสอบการสัมผัสกันของใบมีดพวงและใบมีดล่าง ไม่ว่าคุณภาพการตัดก่อนหน้าจะเป็นที่ยอมรับได้หรือไม่ ต้องมีการสัมผัสกันเล็กน้อยตามแนวความยาวทั้งหมดของใบมีดพวงและใบมีดล่าง (โปรดดูการปรับใบมีดพวงกับใบมีดล่างในคู่มือผู้ใช้ของชุดตัดหญ้า)

    การลับคมชุดตัดหญ้า

    คำเตือน

    การสัมผัสกับชุดตัดหญ้าหรือชิ้นส่วนเคลื่อนไหวอื่นๆ อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บ

    • เก็บนิ้ว มือ และเสื้อผ้าออกห่างจากชุดตัดหญ้าและชิ้นส่วนเคลื่อนไหวอื่นๆ

    • อย่าพยายามหมุนชุดตัดหญ้าด้วยมือหรือเท้าขณะที่เครื่องยนต์ทำงานอยู่โดยเด็ดขาด

    Note: การลับคมมีคำแนะนำและขั้นตอนเพิ่มเติมในข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับเครื่องตัดหญ้าแบบใบมีดพวงของ Toro (พร้อมแนวทางการลับคม), แบบฟอร์ม 09168SL

    การเตรียมอุปกรณ์

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. กดสวิตช์เปิด/ปิดไปที่ตำแหน่งปิด

    3. ปรับใบมีดพวงกับใบมีดล่างในตอนเริ่มแรกให้เหมาะสมสำหรับการลับคมบนชุดตัดหญ้าทั้งหมดที่ต้องการจะลับคม โปรดดูคู่มือผู้ใช้ของชุดตัดหญ้า

    4. ปลดล็อกและยกเบาะที่นั่งขึ้น เพื่อเปิดให้เห็นท่อร่วมเครื่องตัดหญ้า (รูป 117)

      g377118
    5. หมุนคันโยกลับคมไปที่ตำแหน่ง R (ลับคม) (รูป 117)

      Note: เลือกคันโยกลับคมของส่วนหน้า ส่วนท้าย หรือทั้งสองส่วนควบคุมชุดตัดหญ้าที่จะลับคม ขณะลับคม ชุดตัดหญ้าส่วนหน้าทั้งหมดจะทำงานด้วยกัน และชุดตัดหญ้าส่วนหลังจะทำงานด้วยกัน

    การลับคมใบมีดพวงและใบมีดล่าง

    อันตราย

    การเปลี่ยนความเร็วเครื่องยนต์ขณะลับคมอาจทำให้ใบมีดพวงหยุดทำงานได้

    • ห้ามเปลี่ยนความเร็วเครื่องยนต์ขณะลับคมโดยเด็ดขาด

    • ลับคมด้วยความเร็วเครื่องยนต์ที่เดินรอบเบาเท่านั้น

    1. สตาร์ทเครื่องยนต์และปล่อยให้เดินรอบเบา

    2. ดันคันโยกตัดหญ้า/ขนส่งให้อยู่ในตำแหน่งตัดหญ้า และดันสวิตช์เปิด/ปิดไปที่ตำแหน่งเปิด ดันคันควบคุมการยก/ลดชุดตัดหญ้าไปข้างหน้าเพื่อเริ่มการลับคมบนใบมีดพวงที่ต้องการ

    3. ทากากเพชรลับคมด้วยแปรงด้ามยาว

      อันตราย

      การสัมผัสกับชุดตัดหญ้าขณะกำลังเคลื่อนไหวอาจทำให้บาดเจ็บได้

      เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ ต้องอยู่ให้ห่างจากชุดตัดหญ้าก่อนดำเนินการต่อ

      Important: ห้ามใช้แปรงด้ามสั้น

    4. หากใบมีดพวงหยุดทำงานกลางคันหรือไม่มั่นคงขณะลับคม เลือกการตั้งค่าความเร็วใบมีดพวงให้สูงขึ้นจนกว่าความเร็วจะคงที่ จากนั้นปรับความเร็วใบมีดพวงกลับมาที่ระดับความเร็วที่ต้องการ

    5. หากคุณจำเป็นต้องปรับชุดตัดหญ้าขณะลัมคม ให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้:

      1. ขยับคันยก/ลดชุดตัดหญ้าไปข้างหลังและกดสวิตช์เปิด/ปิดไปที่ตำแหน่งปิด

      2. ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

      3. ปรับชุดตัดหญ้า

      4. ทำซ้ำขั้นตอน 1 ถึง 3

    6. ทำซ้ำ 3 กับชุดตัดหญ้าอื่นๆ ที่ต้องการลับคม

    ลับคมจนเสร็จสิ้น

    1. ขยับคันยก/ลดชุดตัดหญ้าไปข้างหลังและกดสวิตช์เปิด/ปิดไปที่ตำแหน่งปิด

    2. ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

    3. ขยับคันโยกลับคมไปที่ตำแหน่ง F (ตัดหญ้า) (รูป 118)

      Important: หากคุณไม่ดันคันโยกลับคมกลับไปยังตำแหน่ง F (ตัดหญ้า) หลังจากลับคม ชุดตัดหญ้าจะไม่ยกขึ้นหรือทำงานไม่ถูกต้อง

      g377117
    4. ปิดและล็อกสลักเบาะที่นั่งผู้ปฏิบัติงาน โปรดดู การลดระดับเบาะที่นั่ง

    5. ล้างกากเพชรลับคมทั้งหมดออกจากชุดตัดหญ้า

    6. เพื่อให้คมใบมีดคมมากขึ้น ใช้ตะไบขัดด้านหน้าใบมีดล่างหลังจากลับใบมีด

      Note: การทำแบบนี้จะช่วยลบเสี้ยนและขอบที่ไม่เรียบที่อาจเกิดขึ้นบนขอบคมของใบมีด

    การบำรุงรักษาแชสซี

    การตรวจสอบเข็มขัดนิรภัย

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบเข็มขัดนิรภัย
    1. ตรวจสอบว่าเข็มขัดนิรภัยมีการสึกหรอ รอยตัด และความเสียหายอื่นๆ หรือไม่ เปลี่ยนเข็มขัดนิรภัยหากส่วนประกอบใดๆ ทำงานไม่ถูกต้อง

    2. เช็ดทำความสะอาดเข็มขัดนิรภัยตามความจำเป็น

    การบำรุงรักษาแชสซีเพิ่มเติม

    แชสซีและเครื่องยนต์

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 2 ปี
  • เปลี่ยนท่ออ่อนไฮดรอลิก
  • เปลี่ยนท่ออ่อนน้ำหล่อเย็น
  • ล้างและเปลี่ยนน้ำหล่อเย็น
  • การทำความสะอาด

    การล้างอุปกรณ์

    ล้างอุปกรณ์ตามที่จำเป็นโดยใช้น้ำเปล่าหรือน้ำผสมน้ำยาทำความสะอาดอ่อน ๆ คุณอาจใช้ผ้าขี้ริ้วล้างอุปกรณ์ได้

    Important: อย่าใช้น้ำกร่อยหรือน้ำหมุนเวียนล้างอุปกรณ์

    Important: อย่าใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันในการล้างอุปกรณ์ เครื่องฉีดน้ำแรงดันอาจสร้างความเสียหายให้ระบบไฟฟ้า ทำให้สติกเกอร์ที่สำคัญหลุดหาย หรือล้างจาระบีที่จำเป็นบริเวณจุดเสียดสีออกไป หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมากเกินไปใกล้กับแผงควบคุม เครื่องยนต์ และแบตเตอรี่

    Important: ห้ามล้างอุปกรณ์ขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน การทำเช่นนี้อาจทำให้เครื่องยนต์ภายในชำรุดเสียหาย

    การจัดเก็บ

    ความปลอดภัยเมื่อจัดเก็บ

    • ก่อนออกจากตำแหน่งใช้งาน ให้ปฏิบัติตามดังนี้

      • จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ

      • ปลดและลดชุดตัดหญ้าลง

      • เข้าเบรกจอด

      • ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

      • รอให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง

      • รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์

    • อย่าจัดเก็บอุปกรณ์หรือภาชนะบรรจุน้ำมันในที่ที่มีเปลวไฟ ประกายไฟ หรือไฟนำร่อง เช่น บนเครื่องทำน้ำร้อน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ

    การเตรียมรถตัดหญ้า

    1. จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ ลดชุดตัดหญ้าลงมา เข้าเบรกจอด ดับเครื่องยนต์ และดึงกุญแจออกออก

    2. ทำความสะอาดรถตัดหญ้า ชุดตัดหญ้า และเครื่องยนต์ให้หมดจด

    3. ตรวจสอบแรงดันลมยาง โปรดดู การตรวจสอบแรงดันลมยาง

    4. ตรวจสอบตัวยึดทั้งหมดว่าหลวมหรือไม่ และขันให้แน่นตามความจำเป็น

    5. อัดจาระบีหรือทาน้ำมันที่จุดอัดจาระบีและจุดหมุนทั้งหมด เช็ดน้ำมันหล่อลื่นที่เกินมาออก

    6. ขัดเบาๆ และทาสีซ่อมแซมสีบนบริเวณที่มีรอยขูด แตก หรือเป็นสนิม ซ่อมแซมรอยบุ๋มในตัวถังโลหะ

    7. ซ่อมบำรุงแบตเตอรี่และสายไฟดังนี้ โปรดดู ความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า

      1. ถอดขั้วแบตเตอรี่จากเสาแบตเตอรี่

      2. ทำความสะอาดแบตเตอรี่ ขั้ว และเสาแบตเตอรี่ด้วยแปรงลวดและส่วนผสมเบกกิ้งโซดา

      3. เคลือบขั้วสายไฟและเสาแบตเตอรี่ด้วยจาระบีแบบสกินโอเวอร์ Grafo 112X (หมายเลขชิ้นส่วน Toro 505-47) หรือปิโตรเลียมเจลลี่เพื่อป้องกันการสึกกร่อน

      4. ชาร์จแบตเตอรี่อย่างช้าๆ ทุกๆ 60 วันนาน 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เกิดตะกั่วซัลเฟต

    การเตรียมเครื่องยนต์

    1. ระบายน้ำมันเครื่องออกจากอ่างน้ำมันและปิดจุกระบาย

    2. ถอดตัวกรองน้ำมันทิ้งไป ติดตั้งตัวกรองน้ำมันชิ้นใหม่

    3. เติมน้ำมันมอเตอร์ที่กำหนดลงในเครื่องยนต์

    4. สตาร์ทเครื่องยนต์และให้เดินรอบเบาประมาณ 2 นาที

    5. ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

    6. ล้างถังเชื้อเพลิงด้วยน้ำมันใหม่และสะอาด

    7. ยึดข้อต่อระบบเชื้อเพลิงทั้งหมดให้แน่น

    8. ทำความสะอาดและซ่อมบำรุงระบบกรองอากาศอย่างละเอียด

    9. ผนึกช่องอากาศเข้าและช่องอากาศออกด้วยเทปทนฝนและแดด

    10. ตรวจสอบการป้องกันน้ำแข็งตัว และเติมส่วนผสมน้ำกับสารป้องกันน้ำแข็งตัวเอทิลีนไกลคอลในสัดส่วน 50/50 ตามที่จำเป็น โดยพิจารณาจากอุณหภูมิต่ำสุดที่คาดการณ์ในพื้นที่ของคุณ

    การจัดเก็บแบตเตอรี่

    หากคุณจัดเก็บอุปกรณ์ไว้นานกว่า 30 วัน ให้ถอดแบตเตอรี่ออกมาชาร์จให้เต็ม เก็บแบตเตอรี่บนชั้นหรือในเครื่อง แต่หากเก็บไว้ในอุปกรณ์ ให้ถอดสายไฟออก จัดเก็บแบตเตอรี่ในสถานที่เย็น เพื่อไม่ให้ประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่คลายเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เย็นจัด ให้ชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม ความถ่วงจำเพาะของแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มคือ 1.265 ถึง 1.299