ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน |
|
อุปกรณ์นี้คือเครื่องตัดหญ้าใบมีดพวงแบบนั่งขับ ซึ่งออกแบบมาสำหรับผู้ให้บริการมืออาชีพที่ต้องการนำไปใช้งานเชิงพาณิชย์ เหมาะสำหรับใช้ตัดหญ้าบนสนามที่มีการดูแลรักษาเป็นอย่างดีเป็นหลัก การใช้งานผลิตภัณฑ์นี้นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อาจเป็นอันตรายต่อคุณและคนรอบข้างได้
กรุณาอ่านเอกสารนี้อย่างละเอียดเพื่อศึกษาวิธีควบคุมและบำรุงรักษาผลิตภัณฑ์อย่างเหมาะสม และเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บและความเสียหายต่อผลิตภัณฑ์ คุณมีหน้าที่ใช้งานผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้องและปลอดภัย
โปรดเข้าไปที่เว็บไซต์ www.Toro.com เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงเคล็ดลับเพื่อความปลอดภัย เอกสารการฝึกอบรม ข้อมูลอุปกรณ์เสริม ความช่วยเหลือเพื่อค้นหาตัวแทนจำหน่าย หรือลงทะเบียนผลิตภัณฑ์
หากคุณต้องการการซ่อมบำรุง อะไหล่แท้ของ Toro หรือข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อตัวแทนบริการที่ได้รับอนุญาตหรือฝ่ายบริการลูกค้าของ Toro และเตรียมหมายเลขรุ่นและหมายเลขซีเรียลของผลิตภัณฑ์ไว้ให้พร้อม รูป 1 ระบุตำแหน่งของหมายเลขรุ่นและหมายเลขซีเรียลบนผลิตภัณฑ์ จดบันทึกหมายเลขในช่องว่างที่กำหนดให้
Important: นอกจากนี้ คุณสามารถใช้มือถือสแกนรหัส QR บนป้ายหมายเลขซีเรียลได้ (ถ้ามี) เพื่อเข้าถึงข้อมูลการรับประกัน อะไหล่ และข้อมูลผลิตภัณฑ์อื่นๆ
ผลิตภัณฑ์นี้ได้มาตรฐานตามคำสั่งยุโรปที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หากต้องการรายละเอียด โปรดดูเอกสารรับรองมาตรฐาน (DOC) เฉพาะของผลิตภัณฑ์
การใช้งานหรือการควบคุมอุปกรณ์นี้บนที่ดินที่ปกคลุมด้วยป่า พุ่มไม้ หรือหญ้าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายทรัพยากรสาธารณะแห่งแคลิฟอร์เนีย มาตรา 4442 หรือ 4443 ยกเว้นกรณีที่อุปกรณ์ติดตั้งเครื่องดักสะเก็ดไฟตามคำจำกัดความในมาตรา 4442 โดยต้องบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพดี หรือเป็นอุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมา ติดตั้ง และบำรุงรักษาเพื่อให้ป้องกันการเกิดเพลิงไหม้
คู่มือเจ้าของเครื่องยนต์ที่แนบมาจัดทำขึ้นมาเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (EPA) ของสหรัฐอเมริกาและกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนียว่าด้วยการควบคุมการปล่อยมลพิษของระบบไอเสีย การบำรุงรักษา และการรับประกัน อะไหล่ทดแทนสามารถสั่งซื้อได้จากผู้ผลิตเครื่องยนต์
แคลิฟอร์เนีย
คำเตือนข้อเสนอ 65
ไอเสียจากเครื่องยนต์ดีเซลและองค์ประกอบบางส่วนของไอเสียมีสิ่งที่รัฐแคลิฟอร์เนียทราบว่าเป็นสาเหตุการเกิดโรคมะเร็ง ความพิการแต่กำเนิด และอันตรายต่อระบบสืบพันธุ์อื่นๆ
แท่นแบตเตอรี่ ขั้วแบตเตอรี่ และส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องมีตะกั่วและสารประกอบตะกั่วเป็นส่วนผสม ซึ่งเป็นสารเคมีที่รัฐแคลิฟอร์เนียทราบว่าเป็นสาเหตุการเกิดโรคมะเร็ง และเป็นอันตรายต่อระบบสืบพันธุ์ ล้างมือหลังจากหยิบจับ
การใช้ผลิตภัณฑ์นี้อาจทำให้ต้องสัมผัสกับสารเคมีที่รัฐแคลิฟอร์เนียทราบว่าเป็นสาเหตุการเกิดโรคมะเร็ง ความพิการแต่กำเนิด หรืออันตรายต่อระบบสืบพันธุ์อื่นๆ
อุปกรณ์นี้อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บแก่มือและเท้า รวมถึงเกิดอันตรายจากวัตถุกระเด็นได้
อ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาของคู่มือผู้ใช้ฉบับนี้ก่อนจะสตาร์ทเครื่อง
โปรดมีสมาธิขณะควบคุมอุปกรณ์ อย่าทำกิจกรรมที่ทำให้เสียสมาธิ มิฉะนั้นอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บหรือเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินได้
อย่านำมือหรือเท้าเข้าใกล้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวของเครื่องจักร
หากไม่ได้ติดตั้งแผงกั้นและอุปกรณ์นิรภัยอื่นๆ ทั้งหมด หรือแผงกั้นและอุปกรณ์นิรภัยทำงานผิดปกติ กรุณาอย่าใช้เครื่อง
กันคนโดยรอบและเด็กๆ ออกจากพื้นที่ทำงาน ห้ามเด็กใช้งานอุปกรณ์โดยเด็ดขาด
ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก และรอให้รถหยุดนิ่งก่อนจะลุกออกจากที่นั่งคนขับ รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์
สัญลักษณ์เตือนอันตราย (รูป 2) ในคู่มือเล่มนี้และที่แสดงไว้บนอุปกรณ์บ่งชี้ถึงข้อความสำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัย ซึ่งคุณจะต้องปฏิบัติตามเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
สัญลักษณ์เตือนอันตรายจะปรากฏอยู่เหนือข้อมูลที่เตือนคุณเกี่ยวกับการดำเนินการหรือสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย และตามมาด้วยคำว่า DANGER, WARNING หรือ CAUTION
DANGER บ่งชี้สถานการณ์ที่เกิดอันตรายขึ้นได้อย่างฉับพลัน ซึ่งหากไม่หลีกเลี่ยง จะส่งผลให้บาดเจ็บร้ายแรงหรือเสียชีวิต
WARNING บ่งชี้สถานการณ์ที่อาจเป็นอันตราย ซึ่งหากไม่หลีกเลี่ยง อาจส่งผลให้บาดเจ็บร้ายแรงหรือเสียชีวิต
CAUTION บ่งชี้สถานการณ์ที่เกิดอันตรายขึ้นได้อย่างฉับพลัน ซึ่งหากไม่หลีกเลี่ยง อาจส่งผลให้บาดเจ็บเล็กน้อยหรือปานกลาง
คู่มือฉบับนี้ใช้คำ 2 คำในการเน้นข้อมูล สำคัญ เพื่อให้คุณใส่ใจศึกษาข้อมูลพิเศษเกี่ยวกับกลไกและ หมายเหตุ เพื่อเน้นข้อมูลทั่วไปที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ
สติกเกอร์และคำแนะนำด้านความปลอดภัยมองเห็นได้ชัดเจน และติดอยู่ใกล้กับบริเวณที่มีโอกาสเกิดอันตราย เปลี่ยนสติกเกอร์ที่เสียหายหรือหายไป |
เครื่องจักร CE
รุ่น 03170
รุ่น 03171
Note: ดูด้านซ้ายและขวาของอุปกรณ์จากตำแหน่งปกติในการควบคุมเครื่อง
ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:
ชุดล้อหน้า | 2 |
ชุดล้อหลัง | 1 |
Important: ขอบล้อและยางล้อของล้อหลังจะแคบกว่าขอบล้อและยางล้อของล้อหน้าทั้ง 2 ล้อ
ติดตั้งชุดล้อเข้ากับดุมล้อ โดยให้จุกเติมลมหันออกด้านนอก
ยึดล้อเข้ากับดุมล้อให้แน่นหนาด้วยน็อตล้อ และขันน็อตแบบไขว้ กล่าวคือน็อตตัวถัดไปที่จะขันต้องอยู่ตรงกันข้ามกับน็อตตัวก่อนหน้า และขันจนได้แรงบิด 61 ถึง 88 นิวตันเมตร (45 ถึง 65 ฟุตปอนด์)
ทำซ้ำขั้นตอน 1 และ 2 สำหรับล้อชุดอื่นๆ
ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:
พวงมาลัย | 1 |
ฝาครอบพวงมาลัย | 1 |
แหวนขนาดใหญ่ | 1 |
น็อตสวมทับ | 1 |
สกรู | 1 |
น้ำอิเล็กโทรไลต์ในแบตเตอรี่ประกอบด้วยกรดซัลฟูริก ซึ่งเป็นอันตรายหากรับประทาน หรือทำให้เป็นแผลไหม้รุนแรง
ห้ามดื่มน้ำอิเล็กโตรไลต์และหลีกเลี่ยงไม่ให้สัมผัสกับผิวหนัง ดวงตา หรือเสื้อผ้า ควรสวมแว่นตานิรภัยและถุงมือยางเสมอ
เติมน้ำแบตเตอรี่ในสถานที่ที่มีน้ำสะอาดเตรียมไว้เสมอเพื่อใช้ล้างผิวหนัง
ถอดลูกบิด 2 ตัวที่ยึดฝาครอบแบตเตอรี่เข้ากับอุปกรณ์ และถอดฝาครอบออก (รูป 4)
วัดแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่
Note: หากวัดได้ 12.4 โวลต์ขึ้นไป แสดงว่าแบตเตอรี่ประจุเต็มแล้ว
หากวัดได้ 12.3 โวลต์หรือน้อยกว่านี้ ให้ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยกำลัง 3 - 4 แอมป์เป็นเวลา 4 - 8 ชั่วโมง
ขั้นตอนการชาร์จแบตเตอรี่จะทำให้เกิดก๊าซที่อาจระเบิดได้
ระวังไม่ให้แบตเตอรี่เข้าใกล้ประกายไฟหรือเปลวไฟ
ห้ามสูบบุหรี่ใกล้กับแบตเตอรี่เป็นอันขาด
เมื่อชาร์จแบตเตอรี่แล้ว ถอดเครื่องชาร์จออกจากเต้ารับไฟฟ้าและเสาแบตเตอรี่
ต่อสายไฟขั้วบวก (สีแดง) เข้ากับขั้วบวก (+) แล้วยึดด้วยสลักเกลียวรูปตัว T และน็ตอ (รูป 5)
Note: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าขั้วบวก (+) เข้าไปกับเสาจนสุด และสายไฟวางแนบกับแบตเตอรี่อย่างแน่นหนา
Important: สายไฟจะต้องไม่สัมผัสกับฝาครอบแบตเตอรี่
ต่อสายไฟขั้วลบ (สีดำ) เข้ากับขั้วบวก (–) แล้วยึดด้วยสลักเกลียวรูปตัว T และน็ตอ (รูป 5)
การเดินสายไฟแบตเตอรี่ไม่ถูกต้องอาจทำให้รถแทรกเตอร์และสายไฟเสียหาย โดยทำให้เกิดประกายไฟ ประกายไฟอาจทำให้แบตเตอรี่ปล่อยก๊าซที่ทำให้ระเบิด ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้
ถอดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ (สีดำ) ก่อนถอดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) เสมอ
ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) ก่อนต่อสายไฟขั้วลบ (สีดำ) เสมอ
Important: หากคุณถอดแบตเตอรี่ออกมา ตอนที่ขันสลักเกลียวของข้อรัดแบตเตอรี่นั้น หัวสลักเกลียวต้องอยู่ด้านล่างและน็อตต้องอยู่ด้านบน เพราะหากสลักเกลียวของข้อรัดอยู่ในทิศทางตรงกันข้าม สลักเกลียวอาจจะสัมผัสกับท่อไฮดรอลิกตอนที่คุณขยับชุดตัดหญ้า
เคลือบขั้วต่อแบตเตอรี่ด้วยจาระบีแบบสกินโอเวอร์ Grafo 112X หมายเลขชิ้นส่วน Toro 505-47 หรือน้ำมันเบาเพื่อป้องกันการสึกกร่อน
เลื่อนฝาครอบยางไปครอบขั้วบวกเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลัดวงจร
ติดตั้งฝาครอบแบตเตอรี่
ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:
เครื่องมือวัดมุม | 1 |
จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ
ตรวจสอบว่าอุปกรณ์จอดอยู่บนพื้นราบโดยการวางเครื่องมือวัดมุมแบบพกพา (ให้มาพร้อมกับอุปกรณ์) ลงบนราวของโครงอุปกรณ์ ใกล้กับถังเชื้อเพลิง (รูป 6)
หากค่าบนเครื่องมือวัดมุมแบบพกพาไม่เท่ากับ 0° ให้เคลื่อนอุปกรณ์ไปจอดบริเวณอื่นที่ค่าบนเครื่องมือวัดมุมแบบพกพาเท่ากับ 0°
ตรวจสอบเครื่องมือบอกความลาดชันที่อยู่บนท่อสเตียริงของอุปกรณ์รูป 7
Note: เครื่องมือบอกความลาดชันควรจะอ่านค่าได้ 0° เมื่อมองจากตำแหน่งของผู้ใช้งาน
หากค่าบนเครื่องมือบอกความลาดชันไม่เท่ากับ 0° ให้คลายสกรู 2 ตัวและน็อตล็อก 2 ตัวที่ยึดเครื่องมือวัดมุมเข้ากับโครงยึด จากนั้นปรับเครื่องมือบอกความลาดชันจนได้ค่าเท่ากับ 0° แล้วจึงขันสกรูและน็อตให้แน่น
ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:
ชุดโรลบาร์ | 1 |
สลักเกลียวติดจาน | 4 |
น็อตล็อก | 4 |
ข้อรัดท่ออ่อน | 1 |
หากใช้งานอุปกรณ์ที่ติดตั้งโรลบาร์ที่ผ่านการดัดแปลงหรือเสียหาย คุณอาจจะไม่ได้รับการปกป้องอย่างเพียงพอ จนเป็นสาเหตุให้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุปกรณ์พลิกคว่ำได้
ห้ามติดตั้งโรลบาร์ที่เสียหายหรือผ่านการดัดแปลงบนอุปกรณ์
หากโรลบาร์เสียหาย ให้เปลี่ยนใหม่ อย่าซ่อมแซมหรือดัดแปลง
ยกโรลบาร์วางลงในโครงยึดบนรถลากพ่วง แล้วจัดตำแหน่งให้รูตรงกัน ท่อระบายบนโรลบาร์จะต้องอยู่ทางซ้ายมือของอุปกรณ์ (รูป 8)
ยึดโรลบาร์แต่ละด้านเข้ากับโครงยึดโดยใช้สลักเกลียวติดจาน 2 ตัวและน็อตล็อกอีก 2 ตัว (รูป 8) ขันจนได้แรงบิด 81 นิวตันเมตร (60 ฟุตปอนด์)
ยึดท่ออ่อนท่อระบายของท่อเชื้อเพลิงเข้ากับท่อระบายที่อยู่บนโรลบาร์ โดยใช้ข้อรัดท่ออ่อน
การสตาร์ทเครื่องยนต์โดยที่ท่ออ่อนท่อระบายของท่อเชื้อเพลิงไม่ได้ต่อเข้ากับท่อระบาย จะทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงรั่วไหลออกจากท่ออ่อน ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้และการระเบิด เพลิงไหม้และการระเบิดที่เกิดจากเชื้อเพลิงอาจทำให้คุณและผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ รวมถึงทำให้ทรัพย์สินเสียหายได้
ต่อท่ออ่อนท่อระบายของท่อเชื้อเพลิงเข้ากับท่อระบายก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์
ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:
ชุดแขนยก (ชุดอุปกรณ์เสริม—สั่งซื้อแยก) | 1 |
สอดแกนหมุนเข้าไปในแขนยกแต่ละข้าง และจัดตำแหน่งให้รูยึดตรงกัน (รูป 9)
ยึดแกนหมุนเข้ากับแขนยกด้วยสลักเกลียว 2 ตัว (5/16 x 7/8 นิ้ว)
ขันสลักเกลียวจนได้แรงบิด 37 ถึง 45 นิวตันเมตร (27 ถึง 33 ฟุตปอนด์)
ที่ด้านหน้ารถ ให้ถอดสกรูหัวจมติดจาน 2 ตัว (1/2 x 2 นิ้ว) ที่ยึดข้อต่อเพลาหมุนเข้ากับเพลาหมุนของแขนยกออก แล้วถอดข้อต่อออก (รูป 10)
Note: เก็บข้อต่อเพลาหมุนและสกรูหัวจมไว้ก่อน
ประกอบแขนยกเข้ากับเพลาหมุนของแขกยกดังแสดงใน รูป 11
ประกอบข้อต่อเพลาหมุนเข้ากับเพลาหมุนของแขนยก (รูป 11) ด้วยสกรูหัวจมติดจาน 2 ตัว (1/2 x 2 นิ้ว) ที่ถอดออกมาในขั้นตอน การเตรียมตัวติดตั้งแขนยก
ขันสกรูหัวจมจนได้แรงบิด 95 นิวตันเมตร (70 ฟุตปอนด์)
ประเภทจาระบี: จาระบีลิเธียมหมายเลข 2
วางอ่างระบายไว้ใต้ข้อต่อไฮดรอลิกของกระบอกสูบยก (รูป 13)
คลายข้อต่อหมุนตรงของท่อไหลกลับและข้อต่อหมุน 90° ของท่อยก (รูป 14) ที่กระบอกสูบยก
ใช้ผ้าขี้ริ้วพันรอบๆ ข้อต่อท่อ
ค่อยๆ เลื่อนก้านกระบอกสูบยกจนกระทั่งตรงกับรูในหน้าแปลนของแขกยกด้านขวา (รูป 15)
Important: น้ำมันไฮดรอลิกบางส่วนจะถูกดันออกมาจากข้อต่อท่อขณะที่คุณเลื่อนก้านท่อกระบอกสูบยก
ประกอบก้านกระบอกสูบเข้ากับหน้าแปลนโดยใช้หมุดยึด ตัวคั่น 2 อัน และแหวนล็อกอีก 2 วง (รูป 15)
หยอดจาระบีลิเธียมหมายเลข 2 ที่จุดอัดจาระบีของแขนยกและกระบอกสูบไฮดรอลิก (รูป 15)
ขันข้อต่อหมุนของท่อไหลกลับและท่อยกให้ได้แรงบิด 37 ถึง 45 นิวตันเมตร (27 ถึง 33 ฟุตปอนด์)
ล้างน้ำมันไฮดรอลิกออกจากเครื่องจักร
ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:
ชุดตัดหญ้า (ชิ้นส่วนเสริม—สั่งซื้อแยก) | 3 |
นำชุดตัดหญ้าออกจากลัง
ปรับชุดตัดหญ้าตามคำแนะนำในคู่มือผู้ใช้ของชุดตัดหญ้า
Note: โครงรองรับเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของชุดแขกยกที่เป็นอุปกรณ์เสริม
จัดตำแหน่งให้รูบนแผ่นเพลทของโครงรองรับด้านหน้าตรงกับรูของเพลทยึดของชุดตัดหญ้า (รูป 17)
สอดแหวนเข้าไประหว่างแผ่นเพลทของโครงรองรับกับข้อต่อ (รูป 17) จากนั้นประกอบแผ่นเพลทเข้ากับตัวคั่น โดยยึดสลักเกลียวหัวมน (3/8 x 2 1/4 นิ้ว), แหวน และน็อตล็อกติดจาน (3/8 นิ้ว) ไว้หลวมๆ
Note: หากคุณเริ่มประกอบที่ด้านหลังของชุดตัดหญ้า ให้ใช้รูตรงกลางบนแผ่นเพลท
ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2 กับรูบนแผ่นเพลทและข้อต่อที่เหลือ
ขันน็อตล็อกติดจาน จนได้แรงบิด 37 ถึง 45 นิวตันเมตร (27 ถึง 33 ฟุตปอนด์)
ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1 ถึง 4 สำหรับชุดตัดหญ้าและโครงรองรับด้านหน้าชุดอื่นๆ
Note: โครงรองรับด้านหลังเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของชุดแขกยกที่เป็นอุปกรณ์เสริม
จัดตำแหน่งให้รูบนแผ่นเพลทของโครงรองรับด้านหลังตรงกับรูของเพลทยึดของชุดตัดหญ้า
สอดแหวนเข้าไประหว่างแผ่นเพลทของโครงรองรับกับข้อต่อ (รูป 18) จากนั้นประกอบแผ่นเพลทเข้ากับตัวคั่น โดยยึดสลักเกลียวหัวมน (3/8 x 2 1/4 นิ้ว), แหวน และน็อตล็อกติดจาน (3/8 นิ้ว) ไว้หลวมๆ
Note: หากคุณเริ่มประกอบที่ด้านหลังของชุดตัดหญ้า ให้ใช้รูตรงกลางบนแผ่นเพลท
ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2 กับรูบนแผ่นเพลทและข้อต่อที่เหลือ
ขันน็อตล็อกติดจาน จนได้แรงบิด 37 ถึง 45 นิวตันเมตร (27 ถึง 33 ฟุตปอนด์)
Note: โครงรองรับเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของชุดแขกยกที่เป็นอุปกรณ์เสริม
จัดตำแหน่งให้รูบนแผ่นเพลทของโครงรองรับด้านหน้าตรงกับรูของเพลทยึดของชุดตัดหญ้า (รูป 19)
สอดตัวคั่นเข้าไประหว่างแผ่นเพลทของโครงรองรับกับเพลทยึด (รูป 19) จากนั้นประกอบแผ่นเพลทเข้ากับตัวคั่น โดยยึดสลักเกลียวหัวมน (3/8 x 1 1/4 นิ้ว) และน็อตล็อกติดจาน (3/8 นิ้ว) ไว้หลวมๆ
Note: หากคุณเริ่มประกอบที่ด้านหลังของชุดตัดหญ้า ให้ใช้รูตรงกลางบนแผ่นเพลทแต่ละแผ่น
ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2 กับรูอื่นๆ บนแผ่นเพลท
ขันน็อตล็อกติดจาน จนได้แรงบิด 37 ถึง 45 นิวตันเมตร (27 ถึง 33 ฟุตปอนด์)
ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1 ถึง 4 สำหรับชุดตัดหญ้าและโครงรองรับด้านหน้าชุดอื่นๆ
Note: โครงรองรับด้านหลังเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของชุดแขกยกที่เป็นอุปกรณ์เสริม
จัดตำแหน่งให้รูบนแผ่นเพลทของโครงรองรับด้านหลังตรงกับรูของเพลทยึดของชุดตัดหญ้า (รูป 15)
สอดตัวคั่นเข้าไประหว่างแผ่นเพลทของโครงรองรับกับเพลทยึด (รูป 16) จากนั้นประกอบแผ่นเพลทเข้ากับตัวคั่น โดยยึดสลักเกลียวหัวมน (3/8 x 1 1/4 นิ้ว) และน็อตล็อกติดจาน (3/8 นิ้ว) ไว้หลวมๆ
Note: หากคุณเริ่มประกอบที่ด้านหลังของชุดตัดหญ้า ให้ใช้รูตรงกลางบนแผ่นเพลทแต่ละแผ่น
ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2 กับรูอื่นๆ บนแผ่นเพลท
ขันน็อตล็อกติดจาน จนได้แรงบิด 37 ถึง 45 นิวตันเมตร (27 ถึง 33 ฟุตปอนด์)
เลื่อนแหวนรองกันรุนลงไปบนแกนหมุนแต่ละอันของแขนยกด้านหน้า
เลื่อนโครงรองรับชุดตัดหญ้าลงไปบนแกนหมุน แล้วยึดด้วยหมุดสลัก (รูป 21)
Note: บนชุดตัดหญ้าด้านหลัง ให้วางแหวนรองกันรุนไว้ระหว่างด้านท้ายของโครงรองรับกับหมุดสลัก
หยอดจาระบีให้ครบทุกจุดบนแขนยกและแกนหมุนของโครงรองรับ
Important: ท่ออ่อนจะต้องไม่บิดหรือหักงอ และต้องเชื่อมต่อท่ออ่อนของชุดตัดหญ้าตามที่แสดงในรูป (รูป 22) ยกชุดตัดหญ้าขึ้นและเลื่อนไปทางซ้าย (รุ่น 03171) ท่ออ่อนของชุดตัดหญ้าด้านหลังจะต้องไม่สัมผัสกับตัวยึดสายโยง ถ้าจำเป็น ให้ปรับตำแหน่งของข้อต่อและ/หรือท่ออ่อน
สอดสายโซ่ลอดผ่านช่องบริเวณปลายโครงรองรับแต่ละฝั่ง จากนั้นใช้สลักเกลียว แหวน และน็อตล็อกยึดสายโซ่เข้ากับด้านบนของโครงรองรับ (รูป 23)
วางชุดตัดหญ้าไว้ข้างหน้าแกนหมุนของแขนยก
ถอดน้ำหนักถ่วงและโอริง (รูป 24) ออกจากปลายด้านในของชุดตัดหญ้าด้านขวา
ถอดจุกอุดออกจากตัวเรือนแบริ่งที่ปลายด้านนอกของชุดตัดหญ้าด้านขวา จากนั้นติดตั้งน้ำหนักถ่วงและปะเก็น
ถอดจุกอุดออกจากตัวเรือนแบริ่งบนชุดตัดหญ้าที่เหลือ
สอดโอริง (ให้มาพร้อมกับชุดตัดหญ้า) บนหน้าแปลนของมอเตอร์ขับ (รูป 25)
ติดตั้งมอเตอร์เข้ากับฝั่งขับของชุดตัดหญ้า แล้วยึดด้วยสกรูหัวจม 2 ตัวที่ให้มาพร้อมกับชุดตัดหญ้า (รูป 25)
สตาร์ทเครื่องยนต์
ยกชุดตัดหญ้าขึ้น
ที่ชุดตัดหญ้าด้านหน้า ให้วัดระยะห่างระหว่างแขนยกด้านซ้ายกับโครงยึดแผ่นเพลทพื้น และระยะห่างระหว่างแขนยกด้านซ้ายกับโครงยึดแผ่นเพลทพื้น (รูป 26)
Note: ระยะห่างที่ถูกต้องคือ 5 ถึง 8 มม. (3/16 ถึง 5/16 นิ้ว) หากระยะห่างที่วัดได้แตกต่างจากนี้ ต้องปรับกระบอกสูบยกของชุดตัดหญ้า โปรดดู การปรับระยะห่างของแขนยก และ การปรับสลักเกลียวหยุดของแขนยก
Important: หากระยะห่างของโครงยึดแผ่นเพลทพื้นไม่พอ แขนยกอาจเสียหายได้
ที่ชุดตัดหญ้าด้านหลัง ให้วัดระยะห่างระหว่างแถบกันสึกบนบาร์กันสึกของชุดตัดหญ้าด้านหลังกับส่วนกันกระแทก (รูป 27)
Note: ระยะห่างที่ถูกต้องคือ 0.51 ถึง 2.54 มม. (0.02 ถึง 0.10 นิ้ว) หากระยะห่างที่วัดได้แตกต่างจากนี้ ให้ปรับกระบอกสูบยกของชุดตัดหญ้า โปรดดู การปรับระยะห่างของชุดตัดหญ้าด้านหลัง
Important: หากระยะห่างของบาร์กันสึกด้านหลังไม่พอ ชุดตัดหญ้าอาจเสียหายได้
สตาร์ทเครื่องยนต์ ลดชุดตัดหญ้าลง ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก และรอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง
คลายน็อตสวมทับและสลักเกลียวหยุดของแขนยกที่แต่ละด้านของอุปกรณ์ (รูป 28)
คลายน็อตสวมทับบนก้านกระบอกสูบยก (รูป 29)
ถอดหมุดออกจากปลายก้านและหมุนหมุดเคลวิส
ใส่หมุดเข้าไป และตรวจสอบระยะห่าง
ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1 ถึง 4 ถ้าจำเป็น
สตาร์ทเครื่องยนต์ ยกชุดตัดหญ้าขึ้น ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก และรอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง
วัดระยะห่างระหว่างแขกยกด้านซ้ายและด้านขวากับโครงยึดแผ่นเพลทพื้น
Note: ระยะห่างที่ถูกต้องคือ 0.51 ถึง 2.54 มม. (0.02 ถึง 0.10 นิ้ว)
ทำซ้ำขั้นตอนที่ 3 ถึง 7 ตามความจำเป็น
ขันน็อตสวมทับของหมุดเคลวิสให้แน่น
ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2 ถึง 9 ที่แต่ละด้านของอุปกรณ์ จากนั้นทำตามขั้นตอน การปรับสลักเกลียวหยุดของแขนยก
Important: หากระยะห่างของสลักเกลียวหยุดไม่พอ แขนยกอาจเสียหายได้
Note: หากแขนยกด้านหลังมีเสียงโลหะกระทบกัน ให้ลดระยะห่างลง
สตาร์ทเครื่องยนต์ ยกชุดตัดหญ้าขึ้น ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก และรอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง
ปรับสลักเกลียวหยุดจนกระทั่งวัดระยะห่างระหว่างสลักเกลียวหยุดกับแผ่นเพลทแขนยกได้ 0.13 ถึง 1.02 มม. (0.005 ถึง 0.040 นิ้ว)
ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2 กับสลักเกลียวหยุดของแขนยกอีกด้าน
สตาร์ทเครื่องยนต์ ลดชุดตัดหญ้าลง ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก และรอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง
คลายน็อตสวมทับบนกระบอกสูบยก (รูป 31)
จับก้านกระบอกสูบด้วยคีมและผ้าขี้ริ้ว จากนั้นหมุนก้านกระบอกสูบ
Note: การลดความยาวของก้านกระบอกสูบลงจะเป็นการลดระยะห่างระหว่างแถบกันสึกกับส่วนกันกระแทก
สตาร์ทเครื่องยนต์
ยกชุดตัดหญ้าขึ้นและวัดระยะห่างระหว่างแถบกันสึกบนบาร์กันสึกของชุดตัดหญ้าด้านหลังกับส่วนกันกระแทก
ระยะห่างที่ถูกต้องคือ 0.51 ถึง 2.54 มม. (0.02 ถึง 0.10 นิ้ว)
ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1 ถึง 4 ตามความจำเป็น
ลดชุดตัดหญ้าลง ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก และรอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง
ขันน็อตสวมทับให้แน่น
ปรับแรงดันลมยางของยางแต่ละเส้น โปรดดู การตรวจสอบแรงดันลมยาง
Note: ลมยางจะแข็งกว่าปกติเพื่อให้สะดวกสำหรับการขนส่ง
ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:
โครงยึดล็อก | 1 |
หมุดย้ำ | 2 |
แหวน | 1 |
สกรู (1/4 x 2 นิ้ว) | 1 |
น็อตล็อก (1/4 นิ้ว) | 1 |
ปลดล็อกสลักกระโปรงออกจากโครงยึดสลักกระโปรง
ถอดหมุดย้ำ (2 ตัว) ที่ยึดโครงยึดสลักกระโปรงเข้ากับกระโปรงออก (รูป 32) ถอดโครงยึดสลักกระโปรงออกจากกระโปรง
ขณะเรียงรูติดตั้งให้ตรงกัน ให้วางโครงยึดล็อก CE และโครงยึดสลักกระโปรงเข้ากับกระโปรง โครงยึดล็อกต้องแนบกับกระโปรง (รูป 33) อย่าถอดชุดสลักเกลียวและน็อตออกจากแขนของโครงยึดล็อก
วางแหวนให้ตรงกับรูที่ด้านในของกระโปรง
ใส่หมุดยึดโครงยึดและแหวนรองเข้ากับกระโปรง (รูป 33)
เกี่ยวสลักเข้ากับโครงยึดสลักกระโปรง (รูป 34)
ขันสลักเกลียวเข้ากับแขนอีกข้างของโครงยึดล็อกกระโปรงเพื่อล็อกสลักเข้าที่ (รูป 35)
Note: ขันน็อตและสลักเกลียวจนกระทั่งสลักเกลียวไม่ขยับไปมาภายในโครงยึดล็อก CE
ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:
สติกเกอร์ปีที่ผลิต | 1 |
สติกเกอร์ CE | 1 |
สติกเกอร์เตือนอันตรายจากการเอียง (121-3598) | 1 |
ใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดโครงของอุปกรณ์ทางด้านซ้าย บริเวณใกล้กับป้ายระบุรุ่น/หมายเลขซีเรียล และรอให้แห้ง (รูป 37)
แกะแผ่นรองสติกเกอร์ออก แล้วติดสติกเกอร์ปีที่ผลิตลงบนโครงบริเวณใกล้กับป้ายหมายเลขซีเรียล ดังแสดงใน รูป 37
ใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดโครงของอุปกรณ์ทางด้านซ้าย บริเวณใกล้กับล็อกกระโปรง และรอให้แห้ง (รูป 38)
แกะแผ่นรองสติกเกอร์ออก แล้วติดสติกเกอร์เครื่องหมาย CE ลงบนโครงดังแสดงใน รูป 38
ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:
ชุดแท่นยกลูกกลิ้ง (ไม่มีมาให้และต้องสั่งซื้อแยก) | 1 |
เมื่อคุณตัดหญ้าด้วยความสูงในการตัดที่สูงขึ้น ให้ติดตั้งชุดแท่นยกลูกกลิ้ง
ยกชุดตัดหญ้าขึ้นจนสุด
มองหาตำแหน่งของตัวยึดโครงที่อยู่นชุดตัดหญ้าตรงกลาง (รูป 40)
กดลูกกลิ้งหน้าของชุดตัดหญ้าตรงกลางลง แล้วมองหารูบนตัวยึดแท่นยกที่อยู่ในตำแหน่งตรงกันกับรูบนตัวยึดโครง เพื่อให้การสัมผัสของลูกกลิ้งยังคงเหมือนเดิมเมื่อติดตั้งตัวยึดแท่นยกแล้ว (รูป 40)
ลดชุดตัดหญ้าลงมา แล้วติดตั้งตัวยึดแท่นยกเข้ากับโครงด้วยสลักเกลียวหัวมน 2 ตัว และน็อตอีก 2 ตัวที่ให้มาพร้อมกับชุดแท่นยกลูกกลิ้ง (รูป 40)
ใช้ส้นเท้าเลื่อนคันโยกตัดหญ้า/เคลื่อนย้าย (รูป 42) ไปทางซ้ายเพื่อไปยังตำแหน่งเคลื่อนย้าย (Transport) หรือเลื่อนไปทางขวาเพื่อไปยังตำแหน่งตัดหญ้า (Mow)
ชุดตัดหญ้าจะทำงานเมื่อคันโยกตัดหญ้า/เคลื่อนย้ายอยู่ในตำแหน่งตัดหญ้า(Mow)เท่านั้น
ชุดตัดหญ้าจะไม่ลดระดับลงมาเมื่อคันโยกตัดหญ้า/เคลื่อนย้ายอยู่ในตำแหน่งเคลื่อนย้าย (Transport)
ดึงคันปรับพวงมาลัยปรับมุมเข้าหาตัว (รูป 42) เพื่อเอียงพวงมาลัยให้ได้ตำแหน่งที่ต้องการ จากนั้นดันคันปรับไปข้างหน้าเพื่อล็อกตำแหน่งพวงมาลัย
ช่องบนพื้นด้านล่าง (รูป 42) จะปรากฏขึ้นเมื่อชุดตัดหญ้าอยู่ตรงกลางพอดี
เครื่องมือบอกความลาดชัน (รูป 42) แสดงความลาดชันของเนิน โดยแสดงเป็นองศาความชัน
หากต้องการลดระดับชุดตัดหญ้าลงบนพื้น ให้ดันคันบังคับชุดตัดหญ้าไปด้านหน้า เพื่อไปยังตำแหน่งยกลง (Lower) (รูป 43)
Note: ชุดตัดหญ้าจะไม่ลดระดับลงมา หากเครื่องยนต์ไม่ทำงาน และไม่จำเป็นต้องดันคันบังคับค้างไว้ขณะลดชุดตัดหญ้าลง
หากต้องการยกชุดตัดหญ้าขึ้น ให้ดึงคันบังคับมาด้านหลัง ไปยังตำแหน่งยกขึ้น (Raise)
Note: ใบมีดพวงจะไม่ทำงานขณะที่ชุดตัดหญ้าอยู่ในตำแหน่งยกขึ้น
เลื่อนคันบังคับไปทางขวาหรือทางซ้าย เพื่อเลื่อนชุดตัดหญ้าตามทิศทางดังกล่าว ควรเลื่อนชุดตัดหญ้าไปด้านข้างตอนที่ชุดตัดหญ้าอยู่ในตำแหน่งยกขึ้นเท่านั้น หรือเมื่อชุดตัดหญ้าอยู่บนพื้นขณะที่อุปกรณ์กำลังเคลื่อนที่
การเลื่อนชุดตัดหญ้าขณะขับลงเนินจะทำให้อุปกรณ์ไม่เสถียร และอาจเกิดการพลิกคว่ำ จนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้
เลื่อนชุดตัดหญ้าไปยังตำแหน่งขึ้นเนินขณะอยู่บนไหล่เนิน
สวิตช์ขับชุดตัดหญ้า (รูป 43) ประกอบด้วย 2 ตำแหน่ง ได้แก่ ใช้งาน (Engage) และ ปลด (Disengage) สวิตช์กระดกจะสั่งการวาล์วโซเลนอยด์ที่อยู่บนชุดวาล์วให้ขับชุดตัดหญ้า
ไฟเตือนแรงดันน้ำมัน (รูป 43) จะติดขึ้นมา หากแรงดันน้ำมันเครื่องตกลงต่ำกว่าระดับที่ปลอดภัย
ไฟเตือนอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ (รูป 43) จะติดขึ้นมา หากน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์มีอุณหภูมิสูง และเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นถึงระดับดังกล่าว ชุดตัดหญ้าจะตัดการทำงาน หากอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นสูงขึ้นอีก 5.5°C (10°F) เครื่องยนต์จะดับเพื่อป้องกันไม่ให้ความเสียหายลุกลาม
มิเตอร์นับชั่วโมง (รูป 43) จะแสดงเวลารวมทั้งหมดที่อุปกรณ์ทำงาน มิเตอร์นับชั่วโมงจะเริ่มทำงานทุกเมื่อที่เปิดสวิตช์กุญแจ
ไฟสถานะหัวเทียน (รูป 43) จะติดขึ้นมา เมื่อมีไฟไปที่หัวเทียน
ดันคันโยกลิ้นเร่ง (รูป 43) ไปข้างหน้าเพื่อเพิ่มความเร็วเครื่องยนต์ และดันไปข้างหลังเพื่อลดความเร็วเครื่องยนต์
ไฟสถานะอัลเทอร์เนเตอร์ (รูป 43) จะดับลงเมื่อเครื่องยนต์ทำงาน หากไฟสถานะอัลเทอร์เนเตอร์สว่างขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน ให้ตรวจเช็คระบบชาร์จและซ่อมแซม ถ้าจำเป็น
ใช้สวิตช์สตาร์ท (รูป 43) เพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดไฟส่องสว่าง สวิตช์สตาร์ทมี 3 ตำแหน่ง ได้แก่
ตำแหน่งดับเครื่องยนต์ (Shut off) ใช้ดับเครื่องยนต์
ตำแหน่งเดินเครื่อง/อุ่นเครื่อง (Run/Preheat) จะสั่งให้เครื่องยนต์ทำงานหรืออุ่นหัวกระบอกสูบของเครื่องยนต์
ตำแหน่งสตาร์ท(Start)จะจุดสตาร์ทเตอร์
Note: เมื่อบิดกุญแจไปยังตำแหน่งเดินเครื่อง/อุ่นเครื่อง (Run/Preheat) จะเป็นการจุดหัวเทียน และไฟสถานะจะสว่างขึ้นประมาณ 7 วินาที
เลื่อนตัวล็อกคันยก (รูป 43) ไปด้านหลังเพื่อป้องกันไม่ให้ชุดตัดหญ้าตกลงมา
ทุกครั้งที่ดับเครื่องยนต์ ให้ดึงเบรกมือ (รูป 43) เพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์เคลื่อนที่โดยไม่ตั้งใจ ใช้เบรกมือโดยการดึงคันเบรกขึ้น และดันคันเบรกลง เมื่อต้องการปลดเบรกมือ
Note: เครื่องยนต์จะดับลงเมื่อเหยียบแป้นขับเคลื่อนขณะที่ดึงเบรกมืออยู่
ท่อร่วมเครื่องตัดหญ้าอยู่ใต้ฝาครอบแผงควบคุม (รูป 44)
ใช้ปุ่มปรับความเร็วใบมีดพวงของท่อร่วมเครื่องตัดหญ้าในการปรับอัตราการตัด (ความเร็วใบมีดพวง) ของชุดตัดหญ้า (รูป 44)
บิดปุ่มปรับความเร็วใบมีดพวงทวนเข็มนาฬิกาเพื่อเพิ่มความเร็วใบมีดพวง
บิดปุ่มตามเข็มนาฬิกาเพื่อชะลอความเร็วใบมีดพวง
โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีปรับส่วนควบคุมความเร็วใบมีดพวงใน อัตราการตัด (ความเร็วใบมีดพวง) และ การปรับความเร็วใบมีดพวง
คุณต้องหมุนคันโยกลับคมที่ใช้ควบคุมทิศทางของชุดตัดหญ้าเมื่อต้องการตัดหญ้าหรือลับคมใบมีดพวงหรือใบมีดล่าง (รูป 44)
หมุนคันโยกลับคมไปที่ตำแหน่ง F เมื่อต้องการตัดหญ้า
หมันคันโยกไปที่ตำแหน่ง R เมื่อต้องการลับคมชุดตัดหญ้า
Important: ห้ามเปลี่ยนตำแหน่งของคันโยกลับคมในขณะที่ใบมีดพวงกำลังหมุน
เกจเชื้อเพลิง (รูป 45) จะบันทึกปริมาณเชื้อเพลิงในถัง
ดันคันปรับ (รูป 45) ที่อยู่บริเวณด้านข้างของที่นั่งออกด้านนอก จากนั้นเลื่อนที่นั่งไปยังตำแหน่งที่ต้องการ แล้วปล่อยคันปรับเพื่อล็อกตำแหน่งที่นั่ง
Note: ข้อมูลจำเพาะและการออกแบบอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ
ความกว้างในการเคลื่อนย้าย | 203 ซม. (80 นิ้ว) เมื่อความกว้างในการตัด 183 ซม. (72 นิ้ว) 234 ซม. (92 นิ้ว) เมื่อความกว้างในการตัด 216 ซม. (85 นิ้ว) |
ความกว้างในการตัด | 183 ซม. (72 นิ้ว) หรือ 216 ซม. (85 นิ้ว) |
ยาว | 248 ซม. (93 นิ้ว) |
สูง | 193 ซม. (76 นิ้ว) เมื่อติดตั้ง ROPS |
น้ำหนักสุทธิ* | 844 กก. (1,860 ปอนด์) |
ความจุถังเชื้อเพลิง | 28 ลิตร (7.5 แกลลอนสหรัฐ) |
ความเร็วบนพื้น | ตัดหญ้า: 0 ถึง 10 กม./ชม. (0 ถึง 6 ไมล์ต่อชั่วโมง), เคลื่อนย้าย: 0 ถึง 14 กม./ชม. (0 ถึง 9 ไมล์ต่อชั่วโมง) ถอยหลัง: 0 ถึง 6 กม./ชม. (0 ถึง 4 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
* ติดตั้งชุดตัดหญ้าและเติมของเหลว |
เราจัดจำหน่ายอุปกรณ์ต่อพ่วงและอุปกรณ์เสริมที่ Toro รับรองมากมายสำหรับใช้กับเครื่องตัดหญ้ารุ่นนี้เพื่อเสริมประสิทธิภาพและขยายความสามารถของเครื่องตัดหญ้า โปรดติดต่อตัวแทนบริการหรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต หรือเข้าไปที่ www.Toro.com เพื่อดูรายการอุปกรณ์ต่อพ่วงและอุปกรณ์เสริมที่รับรองทั้งหมด
เพื่อสมรรถนะสูงสุดและความปลอดภัยในการใช้งานอย่างต่อเนื่อง โปรดใช้เฉพาะอะไหล่ทดแทนและอุปกรณ์เสริมของแท้จาก Toro อะไหล่ทดแทนและอุปกรณ์เสริมที่ผลิตโดยผู้ผลิตรายอื่นอาจเป็นอันตราย และการใช้งานดังกล่าวอาจทำให้การรับประกันผลิตภัณฑ์เป็นโมฆะ
Note: ดูด้านซ้ายและขวาของอุปกรณ์จากตำแหน่งปกติในการควบคุมเครื่อง
ห้ามเด็กหรือผู้ที่ไม่ได้รับการฝึกฝนใช้หรือบำรุงรักษาอุปกรณ์โดยเด็ดขาด กฎหมายท้องถิ่นอาจจำกัดอายุของผู้ขับขี่ เจ้าของเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการฝึกอบรมให้กับผู้ควบคุมและช่างซ่อมบำรุง
ทำความคุ้นเคยกับการใช้งานอุปกรณ์อย่างปลอดภัย ระบบควบคุมของผู้ขับขี่ และป้ายความปลอดภัย
ก่อนออกจากตำแหน่งใช้งาน ให้ปฏิบัติตามดังนี้
จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ
ปลดและลดชุดตัดหญ้าลง
ดึงเบรกมือ
ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก
รอให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง
รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์
เรียนรู้วิธีหยุดและดับเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว
หากไม่ได้ติดตั้งแผงกั้นและอุปกรณ์นิรภัยอื่นๆ ทั้งหมด หรือแผงกั้นและอุปกรณ์นิรภัยทำงานผิดปกติ กรุณาอย่าใช้เครื่อง
ก่อนตัดหญ้า ตรวจสอบอุปกรณ์ให้แน่ใจเสมอว่าชุดตัดหญ้าอยู่ในสภาพดีและทำงานได้ตามปกติ
ตรวจสอบพื้นที่บริเวณที่ต้องการใช้อุปกรณ์และจัดเก็บวัตถุต่างๆ ที่อาจกระเด็นออกให้หมด
ผลิตภัณฑ์นี้สร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ดังนั้น หากคุณฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทางการแพทย์ไว้ในร่างกาย โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์นี้
โปรดใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งเมื่อจัดการกับน้ำมัน น้ำมันเป็นวัตถุติดไฟได้และละอองน้ำมันอาจระเบิดได้
ดับบุหรี่ ซิการ์ ไปป์ และแหล่งจุดไฟอื่นๆ ให้หมด
ใช้เฉพาะภาชนะบรรจุน้ำมันที่ผ่านการรับรองเท่านั้น
อย่าเปิดฝาถังเชื้อเพลิงหรือเติมถังเชื้อเพลิงในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงานหรือร้อนอยู่
อย่าเติมหรือระบายน้ำมันในพื้นที่อับ
อย่าจัดเก็บอุปกรณ์หรือภาชนะบรรจุน้ำมันในที่ที่มีเปลวไฟ ประกายไฟ หรือไฟนำร่อง เช่น บนเครื่องทำน้ำร้อน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
หากน้ำมันหก อย่าพยายามสตาร์ทเครื่องยนต์ หลีกเลี่ยงการสร้างแหล่งจุดไฟจนกว่าละอองน้ำมันจะระเหยไป
ใช้เฉพาะน้ำมันดีเซลหรือไบโอดีเซลที่สะอาดและใหม่ ซึ่งมีค่าซัลเฟอร์ต่ำพิเศษ (น้อยกว่า 15 ส่วนต่อล้านส่วน) หรือต่ำ (น้อยกว่า 1,000 ส่วนต่อล้านส่วน) เท่านั้น ซื้อน้ำมันในปริมาณที่คุณจะใช้ได้ภายใน 180 วันเพื่อรับรองว่าน้ำมันใหม่
Important: หากคุณใช้น้ำมันดีเซลที่มีค่าซัลเฟอร์สูง (ปริมาณซัลเฟอร์ 0.50 % (5,000 ส่วนต่อล้านส่วน) ถึง 1.0 % (10,000 ส่วนต่อล้านส่วน) ให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและตัวกรองน้ำมันทุกๆ 75 ชั่วโมง)
ใช้น้ำมันดีเซลเกรดฤดูร้อน (หมายเลข 2-D) ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า -7°C (20°F) และเกรดฤดูหนาว (หมายเลข 1-D หรือหมายเลข 1-D/2-D ผสม) ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่านั้น การใช้น้ำมันเกรดฤดูหนาวที่ที่มีอุณหภูมิต่ำทำให้น้ำมันมีจุดวาบไฟและจุดไหลเทในอากาศหนาวต่ำลง ช่วยให้สตาร์ทเครื่องยนต์ง่ายขึ้น และลดตัวกรองเชื้อเพลิงอุดตัน
การใช้น้ำมันเกรดฤดูร้อนที่อุณหภูมิสูงกว่า -7°C (20°F) ทำให้ปั๊มเชื้อเพลิงมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น และช่วยเพิ่มกำลังเครื่องยนต์เมื่อเทียบกับน้ำมันเกรดฤดูหนาว
อุปกรณ์นี้สามารถใช้น้ำมันผสมไบโอดีเซลได้สูงสุดถึง B20 (ไบโอดีเซล 20%, ปิโตรดีเซล 80%) ส่วนของปิโตรดีเซลควรมีซัลเฟอร์ระดับต่ำหรือต่ำพิเศษ ปฏิบัติตามข้อควรระวังดังต่อไปนี้:
ส่วนของไบโอดีเซลในเชื้อเพลิงต้องตรงตามข้อกำหนด ASTM D6751 หรือ EN14214
ส่วนประกอบเชื้อเพลิงผสมควรเป็นไปตาม ASTM D975 หรือ EN590
น้ำมันไบโอดีเซลอาจทำให้สีอุปกรณ์เสียหายได้
ใช้น้ำมัน B5 (ไบโอดีเซลสัดส่วน 5%) หรือสัดส่วนผสมที่น้อยกว่านี้ในสภาพอากาศหนาวเย็น
ตรวจสอบซีล ท่อ ปะเก็นที่สัมผัสกับน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากชิ้นส่วนเหล่านี้อาจเสื่อมสภาพเมื่อเวลาผ่านไป
ตัวกรองเชื้อเพลิงอาจจะอุดตันระยะหนึ่งหลังจากเปลี่ยนมาใช้น้ำมันไบโอดีเซล
โปรดติดต่อตัวแทนจำหน่ายเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำมันไบโอดีเซล
ความจุถังเชื้อเพลิง: ประมาณ 28 ลิตร (7.5 แกลลอนสหรัฐ)
จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ ลดชุดตัดหญ้าลงมา ดึงเบรกมือ ดับเครื่องยนต์ และดึงกุญแจออกออก
ทำความสะอาดบริเวณรอบฝาถังน้ำมัน (รูป 46)
เปิดฝาถังน้ำมัน
เติมน้ำมันจนระดับน้ำมันถึงด้านล่างสุดของคอช่องเติม
Note: อย่าเติมน้ำมันมากเกินไป
ปิดฝา
เช็ดน้ำมันที่หก
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน |
|
ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์แต่ละวัน ให้ทำตามขั้นตอนการใช้แต่ละครั้ง/ขั้นตอนประจำวันที่ระบุใน
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน |
|
หากสวิตช์อินเทอร์ล็อกนิรภัยขาดหรือชำรุด อุปกรณ์อาจทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้
อย่าแก้ไขดัดแปลงสวิตช์อินเทอร์ล็อก
ตรวจสอบการทำงานของสวิตช์อินเทอร์ล็อกเป็นประจำทุกวัน และเปลี่ยนสวิตช์ที่เสียหายก่อนการใช้งานอุปกรณ์
Important: หากการตรวจสอบสวิตช์อินเทอร์ล็อกของอุปกรณ์ล้มเหลว โปรดติดต่อตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Toro
ขับอุปกรณ์ช้าๆ ไปยังพื้นที่เปิดโล่ง
ลดชุดตัดหญ้าลงมา ดับเครื่องยนต์ และดึงเบรกมือ
นั่งลงบนที่นั่งคนขับ
ดึงเบรกมือ
เลื่อนสวิตช์ขับชุดตัดหญ้าไปที่ตำแหน่งปลด
เหยียบแป้นขับเคลื่อน
บิดสวิตช์กุญแจไปที่ตำแหน่งสตาร์ท
Note: สตาร์ทเตอร์ไม่ควรสตาร์ทเครื่องยนต์ขณะที่แป้นขับเคลื่อนถูกเหยียบอยู่
นั่งลงบนที่นั่งคนขับ
ดึงเบรกมือ
เลื่อนสวิตช์ขับชุดตัดหญ้าไปที่ตำแหน่งใช้งาน
ยกเท้าออกจากแป้นขับเคลื่อน
บิดสวิตช์กุญแจไปที่ตำแหน่งสตาร์ท
Note: สตาร์ทเตอร์ไม่ควรสตาร์ทเครื่องยนต์ขณะที่สวิตช์ขับชุดตัดหญ้าอยู่ในตำแหน่งใช้งาน
นั่งลงบนที่นั่งคนขับ
ดึงเบรกมือ
เลื่อนสวิตช์ขับชุดตัดหญ้าไปที่ตำแหน่งปลด
ยกเท้าออกจากแป้นขับเคลื่อน
สตาร์ทเครื่องยนต์
ปลดเบรกมือ
ลุกออกจากที่นั่งคนขับ
Note: เครื่องยนต์ควรจะดับ หากคุณลุกออกจากที่นั่งของผู้ใช้และปลดเบรกมือ
นั่งลงบนที่นั่งคนขับ
ดึงเบรกมือ
เลื่อนสวิตช์ขับชุดตัดหญ้าไปที่ตำแหน่งปลด
ยกเท้าออกจากแป้นขับเคลื่อน
สตาร์ทเครื่องยนต์
เหยียบแป้นขับเคลื่อน
Note: เครื่องยนต์ควรดับ หากเบรกมือทำงานอยู่และแป้นขับเคลื่อนถูกเหยียบอยู่
นั่งลงบนที่นั่งคนขับ
ดึงเบรกมือ
เลื่อนสวิตช์ขับชุดตัดหญ้าไปที่ตำแหน่งปลด
ยกเท้าออกจากแป้นขับเคลื่อน
สตาร์ทเครื่องยนต์
ปลดเบรกมือ
ลุกออกจากที่นั่งคนขับ
เหยียบแป้นขับเคลื่อน
Note: เครื่องยนต์ควรจะดับใน 1 วินาที หากคุณลุกออกจากที่นั่งของผู้ใช้และเหยียบแป้นขับเคลื่อน
เจ้าของ/ผู้ควบคุมสามารถป้องกันอุบัติเหตุได้ และยังเป็นผู้รับผิดชอบอุบัติเหตุที่อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บหรือความเสียหายต่อทรัพย์สินด้วย
สวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันดวงตา กางเกงขายาว รองเท้ากันลื่นที่แน่นหนา และอุปกรณ์ป้องกันการได้ยิน ถ้าผมยาวให้มัดไปข้างหลังและอย่าสวมใส่เสื้อผ้าหลวมหรือเครื่องประดับที่หย่อน
อย่าใช้งานอุปกรณ์ขณะป่วย เหนื่อยล้า หรืออยู่ภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือยาเสพติด
โปรดมีสมาธิขณะควบคุมอุปกรณ์ อย่าทำกิจกรรมที่ทำให้เสียสมาธิ มิฉะนั้นอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บหรือเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินได้
ก่อนสตาร์ทเครื่อง ระบบขับเคลื่อนทั้งหมดจะต้องอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง ดึงเบรกมือ และคุณอยู่ในตำแหน่งใช้งาน
ห้ามนำอุปกรณ์ไปขนส่งผู้โดยสาร กันคนโดยรอบและเด็กๆ ออกจากพื้นที่ทำงาน
ใช้อุปกรณ์เฉพาะเมื่อทัศนวิสัยดีเท่านั้นเพื่อหลีกเลี่ยงหลุมบ่อหรืออันตรายที่มองไม่เห็น
หลีกเลี่ยงการตัดหญ้าที่ยังเปียก แรงยึดเกาะที่ลดลงอาจทำให้อุปกรณ์ลื่นไถลได้
เก็บมือและเท้าให้ห่างจากชุดตัดหญ้า
มองไปข้างหลังและมองลงก่อนถอยอุปกรณ์เพื่อให้แน่ใจว่าเส้นทางโล่ง
ใช้ความระมัดระวังเมื่อเข้าใกล้มุมอับ พุ่มไม้ ต้นไม้ หรือวัตถุอื่นๆ ที่อาจขัดขวางการมองเห็น
หยุดการทำงานของชุดตัดหญ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน
ชะลอความเร็วลง และขับอุปกรณ์ด้วยความระมัดระวังขณะเลี้ยว รวมถึงตอนข้ามถนนและทางเดิน ให้ทางแก่ทางเอกก่อนเสมอ
ใช้งานอุปกรณ์ในบริเวณที่ระบายอากาศได้ดีเท่านั้น ไอเสียมีก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหากสูดหายใจเข้าไป
ห้ามปล่อยรถที่ติดเครื่องทิ้งไว้โดยไม่มีผู้ดูแล
ก่อนออกจากตำแหน่งใช้งาน ให้ปฏิบัติตามดังนี้
จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ
ปลดและลดชุดตัดหญ้าลง
ดึงเบรกมือ
ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก
รอให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง
รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์
ใช้อุปกรณ์เฉพาะเมื่อทัศนวิสัยดีและสภาพอากาศเหมาะสมเท่านั้น อย่าใช้อุปกรณ์เมื่อมีความเสี่ยงที่จะเกิดฟ้าผ่า
ใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (ถ้าติดตั้งไว้) เฉพาะตอนที่คุณใช้งานอุปกรณ์ในพื้นที่ราบและเปิดโล่ง ปราศจากสิ่งกีดขวาง ซึ่งอุปกรณ์สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่โดยไม่มีสิ่งใดมาทำให้หยุดชะงัก
อย่าถอดส่วนประกอบของ ROPS ออกจากอุปกรณ์
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเข็มขัดนิรภัยแน่นหนาและคุณปลดออกได้รวดเร็วในกรณีฉุกเฉิน
คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เสมอ
คอยระมัดระวังสิ่งกีดขวางเหนือศีรษะเพื่อไม่ให้ชน
ดูแลรักษา ROPS ให้อยู่ในสภาพดีพร้อมการทำงาน โดยตรวจสอบอย่างละเอียดเป็นครั้งคราวเพื่อหาความเสียหาย และตรวจเช็คตัวยึดให้ยึดแน่นหนา
เปลี่ยนส่วนประกอบ ROPS ที่ชำรุดทั้งหมด ห้ามซ่อมแซมหรือดัดแปลง
ทางลาดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการสูญเสียการควบคุมและอุบัติเหตุพลิกคว่ำ ซึ่งส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บร้ายแรงและการเสียชีวิตได้ คุณต้องดูแลรับผิดชอบความปลอดภัยในการใช้งานอุปกรณ์บนพื้นลาดเอียง การใช้งานอุปกรณ์บนพื้นลาดเอียงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ประเมินสภาพสถานที่เพื่อพิจารณาว่าทางลาดปลอดภัยสำหรับการใช้งานอุปกรณ์หรือไม่ รวมทั้งสำรวจสถานที่ ใช้เหตุและผลและวิจารณญาณที่ดีขณะสำรวจ
ดูคำแนะนำเกี่ยวกับทางลาดด้านล่างสำหรับการใช้งานอุปกรณ์บนทางลาด ก่อนจะใช้งานอุปกรณ์ ควรตรวจสอบสภาพของหน้างานเพื่อประเมินว่าคุณจะใช้งานอุปกรณ์ในสภาวะดังกล่าวและในบริเวณที่ต้องการได้หรือไม่ สภาพเส้นทางที่เปลี่ยนแปลงไปอาจจะส่งผลต่อการทำงานของอุปกรณ์บนพื้นลาดได้
หลีกเลี่ยงการสตาร์ท จอด หรือเลี้ยวอุปกรณ์บนทางลาด หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนความเร็วหรือทิศทางอย่างฉับพลัน ให้เลี้ยวช้าๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป
อย่าใช้งานอุปกรณ์ในสภาวะที่แรงยึดเกาะ การเลี้ยว หรือความเสถียรของอุปกรณ์ไม่แน่นอน
เคลื่อนย้ายหรือทำสัญลักษณ์อุปสรรคต่างๆ เช่น หลุมบ่อ แอ่ง เนิน หิน หรืออันตรายอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ หญ้าสูงอาจทำให้มองไม่เห็นสิ่งกีดขวาง ทางที่ไม่ราบเรียบอาจทำให้อุปกรณ์พลิกคว่ำได้
การใช้งานบนหญ้าเปียก บนพื้นลาด หรือบนเนิน อาจส่งผลให้อุปกรณ์สูญเสียการควบคุมได้
ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อใช้งานอุปกรณ์ใกล้ทางชัน คลอง ทำนบ อันตรายจากน้ำ หรืออันตรายอื่นๆ อุปกรณ์อาจพลิกคว่ำฉับพลันได้ หากล้อเกยข้ามขอบทางหรือขอบทางพังทลาย ดังนั้นควรกำหนดพื้นที่ปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์กับอันตรายใดๆ เตรียมไว้
ตรวจสอบหาสิ่งที่อาจก่อให้เกิดอันตรายบริเวณด้านล่างของทางลาด หากมีอันตรายอยู่ ให้ตัดหญ้าบนทางลาดด้วยเครื่องตัดหญ้าแบบเดินตาม
ถ้าทำได้ ควรวางชุดตัดหญ้าไว้ต่ำลงกับพื้นขณะใช้งานอุปกรณ์บนทางลาด การยกชุดตัดหญ้าขณะใช้งานบนทางลาดอาจทำให้อุปกรณ์ไม่มั่นคงได้
เครื่องตัดหญ้าสามชั้นนี้มีระบบขับเคลื่อนที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งช่วยให้ขับเคลื่อนบนเนินได้เหนือกว่า ล้อไต่เนินจะไม่หมุนและสูญเสียแรงฉุดลากเหมือนในเครื่องตัดหญ้าสามชั้นแบบเก่า หากขับอุปกรณ์ขึ้นเนินที่ชันเกินไป อุปกรณ์อาจพลิกคว่ำก่อนที่จะสูญเสียแรงฉุดลาก
ถ้าเป็นไปได้ ควรตัดหญ้าบนเนินโดยขับอุปกรณ์ขึ้นและลงเนินในแนวดิ่ง ไม่ใช่ขับข้ามเนินในแนวขวาง
ขณะอยู่บนไหล่เนิน ให้เลื่อนชุดตัดหญ้าไปยังตำแหน่งขึ้นเนิน (ถ้ามี)
หากล้อสูญเสียแรงฉุดลาก ให้ปลดการทำงานของใบมีดและค่อยๆ ไต่เนินลงมาในแนวตรง
หากต้องเลี้ยว ให้เลี้ยวช้าๆ และค่อยเป็นค่อยไประหว่างลงเนิน ถ้าเป็นไปได้
Note: คุณอาจต้องไล่อากาศออกจากระบบเชื้อเพลิงในสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ขึ้น โปรดดู การไล่อากาศในระบบเชื้อเพลิง:
สตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรก
เครื่องยนต์ดับเพราะเชื้อเพลิงหมด
ก่อนหน้านี้ คุณได้บำรุงรักษาส่วนประกอบของระบบเชื้อเพลิง เช่น เปลี่ยนตัวกรองเชื้อเพลิง
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าดึงเบรกมืออยู่ และสวิตช์ขับใบมีดพวงอยู่ในตำแหน่งปลด
ถอนเท้าออกจากแป้นขับเคลื่อน และตรวจสอบให้แน่ใจว่าแป้นอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง
ปรับคันโยกลิ้นเร่งไปยังตำแหน่งลิ้นเร่ง 1/2
เสียบกุญแจและบิดไปที่ตำแหน่งเปิด/อุ่นเครื่อง จนกระทั่งไฟแสดงสถานะหัวเทียนดับ (ประมาณ 7 วินาที) จากนั้นบิดกุญแจไปยังตำแหน่งสตาร์ท เพื่อให้มอเตอร์สตาร์ทเตอร์ทำงาน จากนั้นปล่อยกุญแจเมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทสำเร็จ
Note: กุญแจจะบิดไปยังตำแหน่งเปิด/อุ่นเครื่องโดยอัตโนมัติ
Important: เพื่อป้องกันไม่ให้มอเตอร์สตาร์ทเตอร์ร้อนเกินไป อย่าให้สตาร์ทเตอร์ทำงานนานกว่า 15 วินาที หลังจากพยายามสตาร์ทต่อเนื่อง 10 วินาทีแล้ว ให้รอ 60 วินาทีก่อนสตาร์ทมอเตอร์สตาร์ทเตอร์อีกครั้ง
เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์เป็นครั้งแรกหรือหลังจากยกเครื่องยนต์ใหม่ ให้ขับอุปกรณ์เดินหน้าและถอยหลังสัก 1 ถึง 2 นาที นอกจากนี้ ให้ลองใช้คันยกและสวิตช์ขับชุดตัดหญ้า เพื่อให้แน่ใจว่าทุกส่วนทำงานได้ตามปกติ
Note: หมุนพวงมาลัยไปทางซ้ายและทางขวาเพื่อเช็คการตอบสนองของพวงมาลัย จากนั้นดับเครื่องยนต์และเช็คหาน้ำมันรั่วไหล ชิ้นส่วนหลวม รวมทั้งการสึกหรอและความเสียหายอื่นๆ
การเช็คน้ำมันรั่วไหล ชิ้นส่วนหลวม และความผิดปกติอื่นๆ อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บได้
ดับเครื่องยนต์และรอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่งก่อนจะตรวจสอบน้ำมันรั่วไหล ชิ้นส่วนหลวม และการทำงานผิดปกติอื่น ๆ
ปรับคันโยกลิ้นเร่งไปยังตำแหน่งเดินเบา
ดึงเบรกมือ
เลื่อนสวิตช์ขับชุดตัดหญ้าไปที่ตำแหน่งปลด
ลดชุดตัดหญ้าลง
ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก และรอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง
เคลื่อนอุปกรณ์ไปยังสนาม และจอดอุปกรณ์ด้านนอกบริเวณที่จะตัดหญ้าเพื่อเตรียมตัดหญ้าแถบแรก
สวิตช์ขับชุดตัดหญ้าต้องอยู่ในตำแหน่งดึงขึ้น (ตำแหน่งปลด) สวิตช์ขับชุดตัดหญ้า
ขยับคันโยกลิ้นเร่งไปยังตำแหน่งเร็ว โปรดดู คันเร่ง
ใช้คันบังคับชุดตัดหญ้าลดระดับชุดตัดหญ้ามาบนพื้น โปรดดู คันบังคับชุดตัดหญ้า—ยกขึ้น/ยกลง
กดสวิตช์ขับชุดตัดหญ้าเพื่อเตรียมชุดตัดหญ้าให้พร้อมทำงาน (ตำแหน่งใช้งาน (Engage))
ใช้คันบังคับชุดตัดหญ้ายกชุดตัดหญ้าขึ้นจากพื้น
ขับอุปกรณ์เดินหน้าไปยังบริเวณที่จะตัดหญ้าและลดระดับชุดตัดหญ้าลง
Note: ชุดตัดหญ้าทำงาน
ก่อนถึงบริเวณที่จะต้องเลี้ยว ให้ดึงคันบังคับชุดตัดหญ้ามาด้านหลังจนกระทั่งชุดตัดหญ้ายกขึ้น จากนั้นปล่อยคันบังคับ
Important: อย่าดึงดึงคันบังคับชุดตัดหญ้าค้างไว้ขณะเลี้ยว
เลี้ยวเป็นวงแคบ (วงเลี้ยวรูปหยดน้ำ) เพื่อให้เตรียมตัดหญ้าแถวถัดไปได้อย่างรวดเร็ว
ใช้คันบังคับชุดตัดหญ้ายกชุดตัดหญ้าขึ้น โปรดดู คันบังคับชุดตัดหญ้า—ยกขึ้น/ยกลง
เลื่อนคันบังคับชุดตัดหญ้าไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อเลื่อนชุดตัดหญ้าไปทางซ้ายหรือขวา (รูป 47)
ใช้คันบังคับชุดตัดหญ้าลดระดับชุดตัดหญ้ามาบนพื้น โปรดดู คันบังคับชุดตัดหญ้า—ยกขึ้น/ยกลง
เลื่อนสวิตช์ขับชุดตัดหญ้าไปที่ตำแหน่งปลด
ยกชุดตัดหญ้าไปยังตำแหน่งสำหรับการเคลื่อนย้าย
โยกคันโยกตัดหญ้า/เคลื่อนย้ายไปยังตำแหน่งเคลื่อนย้าย (Transport)
Important: ใช้ความระมัดระวังขณะขับขี่ลอดระหว่างวัตถุเพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์หรือชุดตัดหญ้าเสียหายโดยไม่ได้ตั้งใจ ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อใช้งานอุปกรณ์บนทางลาด ขับขี่ช้าๆ และหลีกเลี่ยงการเลี้ยวหักศอกบนทางลาดเพื่อป้องกันการพลิกคว่ำ
Note: คุณจะลดระดับชุดตัดหญ้าลงมาไม่ได้ระหว่างที่อุปกรณ์อยู่ในโหมดเคลื่อนย้าย
เพื่อให้ได้คุณภาพการตัดที่ยอดเยี่ยม สวยงาม และสม่ำเสมอกันทั้งสนาม ความเร็วของใบมีดพวงจะต้องเหมาะสมกับความสูงในการตัด
Important: หากความเร็วใบมีดพวงช้าเกินไป คุณจะสังเกตเห็นรอยตัดได้ชัดเจน แต่หากความเร็วใบมีดพวงสูงเกินไป การตัดจะออกมาเป็นกระจุกไม่สม่ำเสมอกัน
ใบมีดพวง 5 ใบมีด | ใบมีดพวง 8 ใบมีด | ใบมีดพวง 11 ใบมีด | |||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ความสูงในการตัด | 8 กม./ชม.(5 ไมล์ต่อชั่วโมง) | 9.6 กม./ชม.(6 ไมล์ต่อชั่วโมง) | 8 กม./ชม.(5 ไมล์ต่อชั่วโมง) | 9.6 กม./ชม.(6 ไมล์ต่อชั่วโมง) | 8 กม./ชม.(5 ไมล์ต่อชั่วโมง) | 9.6 กม./ชม.(6 ไมล์ต่อชั่วโมง) | |
63.5 มม. | 2 1/2 นิ้ว | 3 | 3 | 3* | 3* | – | – |
60.3 มม. | 2 3/8 นิ้ว | 3 | 4 | 3* | 3* | – | – |
57.2 มม. | 2 1/4 นิ้ว | 3 | 4 | 3* | 3* | – | – |
54.0 มม. | 2 1/8 นิ้ว | 3 | 4 | 3* | 3* | – | – |
50.8 มม. | 2 นิ้ว | 3 | 4 | 3* | 3* | – | – |
47.6 มม. | 1 7/8 นิ้ว | 4 | 5 | 3* | 3* | – | – |
44.5 มม. | 1 3/4 นิ้ว | 4 | 5 | 3* | 3* | – | – |
41.3 มม. | 1 5/8 นิ้ว | 5 | 6 | 3* | 3* | – | – |
38.1 มม. | 1 1/2 นิ้ว | 5 | 7 | 3 | 4 | – | – |
34.9 มม. | 1 3/8 นิ้ว | 5 | 8 | 3 | 4 | – | – |
31.8 มม. | 1 1/4 นิ้ว | 6 | 9 | 4 | 4 | – | – |
28.8 มม. | 1 1/8 นิ้ว | 8 | 9* | 4 | 5 | – | – |
25. มม. | 1 นิ้ว | 9 | 9* | 5 | 6 | – | – |
22.2 มม. | 7/8 นิ้ว | 9* | 9* | 5 | 7 | – | – |
19.1 มม. | 3/4 นิ้ว | 9* | 9* | 7 | 9 | 6 | 7 |
15.9 มม. | 5/8 นิ้ว | 9* | 9* | 9 | 9* | 7 | 7 |
12.7 มม. | 1/2 นิ้ว | 9* | 9* | 9 | 9* | 8 | 8 |
9.5 มม. | 3/8 นิ้ว | 9* | 9* | 9 | 9* | 9 | 9 |
* Toro ไม่แนะนำให้ใช้ความสูงในการตัดและ/หรือความเร็วในการตัดหญ้าระดับนี้ |
|||||||
Note: ความเร็วจะแปรผันตามตัวเลข ยิ่งตัวเลขสูง ความเร็วก็จะสูงตามไปด้วย |
ตรวจสอบการตั้งค่าความสูงในการตัดของชุดตัดหญ้า ดูตารางเลือกความเร็วใบมีดพวง จากนั้นเช็คคอลัมน์ใบมีดพวง 5 ใบมีด, 8 ใบมีด หรือ 11 ใบมีด แล้วหาความสูงในการตัดในตารางที่ใกล้เคียงกับการตั้งค่าความสูงในการตัดของจริงมากที่สุด จากนั้นเช็คตารางเพื่อหาค่าความเร็วใบมีดพวงที่เหมาะสมกับความสูงในการตัดดังกล่าว
ยกฝาครอบแขนควบคุมออก (รูป 49)
หมุนปุ่มควบคุมความเร็วใบมีดพวง (รูป 50) ตามค่าความเร็วใบมีดพวงที่ได้จากขั้นตอน 1
ปิดฝาครอบแขนควบคุมเข้าที่
ใช้งานอุปกรณ์ติดต่อกันหลายๆ วัน จากนั้นตรวจสอบสนามหญ้าที่ตัดเพื่อรับรองคุณภาพในการตัด ปุ่มปรับความเร็วใบมีดพวงอาจจะตั้งค่าเผื่อไว้ 1 ตำแหน่งที่ฝั่งใดใดฝั่งหนึ่งของค่าความเร็วใบมีดพวงในตาราง เพื่อชดเชยข้อแตกต่างเกี่ยวกับสภาพหญ้า ความยาวของใบหญ้าที่ตัดออก และความต้องการส่วนตัว
จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ ลดชุดตัดหญ้าลงมา ดึงเบรกมือ ดับเครื่องยนต์ และดึงกุญแจออกออก
ตรวจสอบให้แน่ใจมีเชื้อเพลิงอยู่อย่างน้อยครึ่งถัง
ปลดสลักและยกฝากระโปรงของอุปกรณ์ขึ้น
เปิดสกรูไล่อากาศบนปั๊มฉีดเชื้อเพลิง (รูป 51)
บิดกุญแจในสวิตช์สตาร์ทไปที่ตำแหน่งเปิด (On)
ปั๊มเชื้อเพลิงไฟฟ้าทำงานและดันอากาศออกมาทางสกรูไล่อากาศ
Note: บิดกุญแจไว้ในตำแหน่ง เปิด (On) จนกว่าเชื้อเพลิงจะไหลออกมาเป็นสายรอบๆ สกรู
ขันสกรูให้แน่น และบิดสวิตช์กุญแจไปที่ปิด (Off)
Note: เครื่องยนต์ควรสตาร์ทติดหลังจากทำตามขั้นตอนข้างต้น แต่หากเครื่องยนต์ไม่สตาร์ท แสดงว่าอาจมีอากาศติดอยู่ระหว่างปั๊มฉีดและหัวฉีด โปรดดู การไล่อากาศออกจากหัวฉีด
หากต้องการเริ่มตัดหญ้า ให้เปิดการทำงานของชุดตัดหญ้า จากนั้นค่อยๆ ขับอุปกรณ์ไปยังสนามที่จะตัดหญ้า หลังจากชุดตัดหญ้าด้านหน้าอยู่เหนือสนามที่จะตัดหญ้าแล้ว ให้ลดระดับชุดตัดหญ้าลงมา
หากต้องการตัดหญ้าเป็นแนวตรงอย่างมืออาชีพที่นิยมกันในสนามบางประเภท ให้มองต้นไม้หรือวัตถุอื่นๆ ในระยะไกล แล้วขับตรงไปยังต้นไม้หรือวัตถุนั้น
ทันทีที่ชุดตัดหญ้าด้านหน้าชิดขอบของสนาม ให้ยกชุดตัดหญ้าขึ้น แล้วเลี้ยวเป็นทรงหยดน้ำ เพื่อให้เตรียมตัดหญ้าแถวถัดไปได้อย่างรวดเร็ว
เพื่อให้ตัดหญ้ารอบหลุมทราย สระน้ำ หรือภูมิประเทศแบบอื่นๆ ได้ง่าย แนะนำให้ใช้ชุดตัดหญ้า Sidewinder และเลื่อนคันบังคับไปทางซ้ายหรือทางขวา ขึ้นอยู่กับการตัดหญ้าของคุณ นอกจากนี้ คุณยังเลื่อนชุดตัดหญ้าเพื่อเปลี่ยนการตั้งศูนย์ล้อได้ด้วย
ชุดตัดหญ้ามักจะโยนเศษหญ้าไปด้านหน้าหรือด้านหลังอุปกรณ์ โดยจะตัดหญ้าแบบโยนเศษหญ้าไปด้านหน้าเมื่อตัดหญ้าในปริมาณน้อย ซึ่งช่วยให้คุณภาพสนามหลังตัดสวยงามมากกว่า หากต้องการโยนเศษหญ้าไปด้านหน้า สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการปิดแผงกั้นด้านหลังบนชุดตัดหญ้า
ห้ามเปิดหรือปิดแผงกั้นชุดตัดหญ้าขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงานเพื่อป้องกันการบาดเจ็บหรืออุปกรณ์เสียหาย
ดับเครื่องยนต์และรอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่งก่อนจะเปิดหรือปิดแผงกั้นชุดตัดหญ้า
เมื่อตัดหญ้าในปริมาณมาก ให้เปิดแผงกั้นต่ำลงมาเล็กน้อย แต่อย่าเปิดแผงกั้นมากเกินไป มิเช่นนั้นเศษหญ้าอาจจะเข้าไปสะสมบนโครง ตะแกรงหม้อน้ำ และบริเวณเครื่องยนต์ได้
นอกจากนี้ ชุดตัดหญ้ายังติดตั้งน้ำหนักถ่วงในฝั่งที่ไม่มีมอเตอร์ด้วยเพื่อช่วยให้ตัดหญ้าได้เสมอกัน ซึ่งคุณสามารถเพิ่มหรือนำน้ำหนักถ่วงออกได้ หากพบว่าไม่เหมาะกับสนามที่ตัดหญ้า
จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ
ปลดและลดชุดตัดหญ้าลง
ดึงเบรกมือ
ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก
รอให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง
รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าชุดตัดหญ้า ชุดขับ หม้อพักไอเสีย แผงระบายความร้อน และห้องเครื่องยนต์ไม่มีหญ้าหรือเศษวัสดุสะสม เพื่อป้องกันการเกิดเพลิงไหม้ กำจัดน้ำมันและเชื้อเพลิงที่หก
ปลดระบบขับเคลื่อนออกจากอุปกรณ์ต่อพ่วงเมื่อคุณเคลื่อนย้ายหรือไม่ใช้อุปกรณ์
บำรุงรักษาและเช็ดทำความสะอาดเข็มขัดนิรภัย ตามความจำเป็น
อย่าจัดเก็บอุปกรณ์หรือภาชนะบรรจุน้ำมันในที่ที่มีเปลวไฟ ประกายไฟ หรือไฟนำร่อง เช่น บนเครื่องทำน้ำร้อน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
ล้างอุปกรณ์และหยอดจาระบุ โปรดดู การล้างอุปกรณ์ และ การอัดจาระบีแบริ่งและบุชชิ่ง
คุณสามารถลากอุปกรณ์เป็นระยะทางสั้นๆ ได้ในกรณีฉุกเฉิน แต่ Toro ไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้เป็นแนวทางมาตรฐาน
Important: อย่าลากอุปกรณ์เร็วกว่า 3 ถึง 4 กม./ชม. (2 ถึง 3 ไมล์ต่อชั่วโมง) เพราะอาจทำให้ระบบขับเคลื่อนเสียหายได้ หากคุณต้องเคลื่อนย้ายเครื่องฉีดพ่นเป็นระยะทางไกล ให้ขนย้ายด้วยรถบรรทุกหรือรถพ่วง
ปลดสลักและเปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ขึ้น
หมุนวาล์วบายพาสบนปั๊ม (รูป 52) บริเวณใกล้กับสลักกระโปรงด้านขวา แล้วหมุนวาล์ว 90°
ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์
ต่ออุปกรณ์เข้ากับรถพ่วงที่จุดผูกยึด โปรดดู ตำแหน่งของจุดผูกยึด
นั่งบนที่นั่ง และถ้าจำเป็น สามารถใช้เบรกมือควบคุมอุปกรณ์ได้ขณะลาก
Important: อย่าสตาร์ทเครื่องยนต์ในขณะที่วาล์วบายพาสเปิดอยู่
ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ให้ปิดวาล์วบายพาสโดยหมุนวาล์ว 90° (1/4 รอบ)
ใช้ทางลาดแบบเต็มความกว้างเพื่อย้ายอุปกรณ์ขึ้นรถพ่วงหรือรถบรรทุก
ยึดอุปกรณ์ให้แน่นหนา
Note: ดูด้านซ้ายและขวาของอุปกรณ์จากตำแหน่งปกติในการควบคุมเครื่อง
Note: ดาวน์โหลดสำเนาผังไฟฟ้าหรือระบบไฮดรอลิกได้ฟรี โดยเข้าไปที่ www.Toro.com แล้วค้นหารุ่นรถของคุณจากลิงก์คู่มือในหน้าหลัก
Important: โปรดดูขั้นตอนการบำรุงรักษาเพิ่มเติมในคู่มือเจ้าของเครื่องยนต์และคู่มือผู้ใช้ของชุดตัดหญ้า
ก่อนออกจากตำแหน่งใช้งาน ให้ปฏิบัติตามดังนี้
จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ
ปลดและลดชุดตัดหญ้าลง
ดึงเบรกมือ
ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก
รอให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง
รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์
สวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันดวงตา กางเกงขายาว และรองเท้ากันลื่นที่แน่นหนา เก็บมือ เท้า เสื้อผ้า เครื่องประดับ และผมยาวให้ห่างจากชิ้นส่วนเคลื่อนไหว
รอให้ชิ้นส่วนเย็นลงก่อนการบำรุงรักษา
หากเป็นไปได้ อย่าบำรุงรักษาในขณะที่อุปกรณ์กำลังทำงาน อยู่ห่างจากชิ้นส่วนเคลื่อนไหว
ใช้งานอุปกรณ์ในบริเวณที่ระบายอากาศได้ดีเท่านั้น ไอเสียมีก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหากสูดหายใจเข้าไป
ใช้ขาตั้งแม่แรงรองรับน้ำหนักอุปกรณ์เมื่อต้องทำงานใต้ท้องอุปกรณ์
ค่อยๆ ปล่อยแรงดันจากส่วนประกอบที่มีพลังงานสะสมเก็บไว้
ดูแลรักษาให้ชิ้นส่วนทั้งหมดของอุปกรณ์มีสภาพดีและทำงานได้ตามปกติ และขันชิ้นส่วนทั้งหมดให้แน่นหนา
เปลี่ยนสติกเกอร์ทั้งหมดที่สึกหรอหรือชำรุด
เพื่อสมรรถนะสูงสุดและความปลอดภัยในการใช้งาน โปรดใช้เฉพาะอะไหล่และอุปกรณ์เสริมของแท้จาก Toro เท่านั้น อะไหล่ทดแทนที่ผลิตโดยผู้ผลิตรายอื่นอาจเป็นอันตราย และการใช้งานดังกล่าวอาจทำให้การรับประกันผลิตภัณฑ์เป็นโมฆะ
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
หลังจากชั่วโมงแรก |
|
หลังจาก 10 ชั่วโมงแรก |
|
หลังจาก 50 ชั่วโมงแรก |
|
ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน |
|
ทุก 25 ชั่วโมง |
|
ทุก 50 ชั่วโมง |
|
ทุก 100 ชั่วโมง |
|
ทุก 150 ชั่วโมง |
|
ทุก 200 ชั่วโมง |
|
ทุก 400 ชั่วโมง |
|
ทุก 500 ชั่วโมง |
|
ทุก 800 ชั่วโมง |
|
ทุก 1,000 ชั่วโมง |
|
ทุก 2,000 ชั่วโมง |
|
ทุก 2 ปี |
|
ถ่ายสำเนาหน้านี้ไว้เพื่อนำไปใช้งานเป็นประจำ
รายการตรวจสอบสำหรับการบำรุงรักษา | สำหรับสัปดาห์ที่: | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
จ. | อ. | พ. | พฤ. | ศ. | ส. | อา. | |
ตรวจสอบการทำงานของสวิตช์อินเทอร์ล็อก | |||||||
ตรวจสอบการทำงานของเบรก | |||||||
ตรวจสอบระดับน้ำมันเชื้อเพลิง | |||||||
ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง | |||||||
ตรวจสอบระดับน้ำยาในระบบหล่อเย็น | |||||||
ระบายเครื่องแยกน้ำ/น้ำมันเชื้อเพลิง | |||||||
ตรวจสอบตัวกรองอากาศ ถ้วยเก็บฝุ่น และวาล์วไล่อากาศ | |||||||
ตรวจสอบเสียงเครื่องยนต์ที่ผิดปกติ1 | |||||||
ตรวจสอบหม้อน้ำและตะแกรงเพื่อดูเศษวัสดุ | |||||||
ตรวจสอบเสียงการทำงานที่ผิดปกติ | |||||||
ตรวจสอบระดับน้ำมันระบบไฮดรอลิก | |||||||
ตรวจสอบท่ออ่อนไฮดรอลิกเพื่อดูความเสียหาย | |||||||
ตรวจสอบน้ำยารั่วไหล | |||||||
ตรวจสอบระดับน้ำมันเชื้อเพลิง | |||||||
ตรวจสอบแรงดันลมยาง | |||||||
ตรวจสอบการทำงานของแผงหน้าปัด | |||||||
ตรวจสอบการปรับการสัมผัสกันของใบมีดพวงและใบมีดล่าง | |||||||
ตรวจสอบความสูงในการตัด | |||||||
หล่อลื่นจุดอัดจาระบีทั้งหมด2 | |||||||
ทำสีที่ชำรุด | |||||||
ล้างรถ | |||||||
1 ตรวจสอบหัวเทียนและหัวฉีด หากพบว่าสตาร์ทยาก มีควันมากเกินไป หรือเครื่องยนต์สะดุด 2ทันทีหลังจากการล้างทุกครั้ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงระยะการบำรุงรักษาที่กำหนดไว้ |
ตรวจสอบโดย: | ||
รายการ | วันที่ | ข้อมูล |
1 | ||
2 | ||
3 | ||
4 | ||
5 |
จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ
ลดชุดตัดหญ้าลง
ดึงเบรกมือ
ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก
รอให้ชิ้นส่วนทั้งหมดหยุดนิ่ง
ทำการขัดล้อ
สอดแม่แรงเข้าไปด้านหน้าอุปกรณ์ใต้ท่อเหลี่ยมของโครงด้านล่าง ให้ใกล้กับแผงข้างมากที่สุด
ใช้ขาตั้งแม่แรงที่สามารถรองรับน้ำหนักของอุปกรณ์ได้ โดยสอดแม่แรงเข้าไปใต้ท่อเหลี่ยมหรือมอเตอร์ล้อ โปรดดู ข้อมูลจำเพาะ
ทำการขัดล้อ
ผูกรอกเข้ากับห่วงผูกยึดของก้ามปูล้อหลัง (รูป 55)
ค่อยๆ ยกอุปกรณ์ขึ้นอย่างระมัดระวัง
ใช้ขาตั้งแม่แรงที่สามารถรองรับน้ำหนักของอุปกรณ์ได้ โดยสอดแม่แรงเข้าไปใต้โครงอุปกรณ์ โปรดดู ข้อมูลจำเพาะ
ทำการขัดล้อ
สอดแม่แรงเข้าไปด้านหลังอุปกรณ์ใต้มอเตอร์ล้อหลัง (รูป 67)
ใช้ขาตั้งแม่แรงที่สามารถรองรับน้ำหนักของอุปกรณ์ได้ โดยสอดแม่แรงเข้าไปใต้โครงอุปกรณ์ โปรดดู ข้อมูลจำเพาะ
ถอดลูกบิด 2 ตัวที่ยึดฝาครอบแบตเตอรี่เข้ากับอุปกรณ์ และถอดฝาครอบออก (รูป 53)
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ทุก 50 ชั่วโมง |
|
ทุก 500 ชั่วโมง |
|
ข้อกำหนดเฉพาะของจาระบี: จาระบีลิเธียมเบอร์ 2
บนอุปกรณ์มีจุดอัดจาระบีที่ต้องหยอดจาระบีเป็นประจำ การใช้งานอุปกรณ์ในสภาวะที่สกปรกหรือมีฝุ่นมากอาจทำให้สิ่งสกปรกเล็ดลอดเข้าไปในแบริ่งและบุชชิ่ง ทำให้เกิดการสึกหรอเร็วขึ้น หล่อลื่นจุดอัดจาระบีทันทีหลังจากการล้างทุกครั้ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงระยะการบำรุงรักษาที่กำหนดไว้
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
ดูตำแหน่งของจุดอัดจาระบีและปริมาณจาระบีด้านล่าง
แกนหมุนของชุดตัดหญ้าด้านหลัง (รูป 60)
แกนหมุนของชุดตัดหญ้าด้านหน้า (รูป 61)
ปลายกระบอกสูบ Sidewinder(2 จุด, รุ่น 03171 เท่านั้น—รูป 62)
แกนหมุนบังคับเลี้ยว (รูป 63)
แกนหมุนแขนยกด้านหลังและกระบอกสูบยก (2 จุด—รูป 64)
แกนหมุนแขนยกด้านหน้าซ้ายและกระบอกสูบยก (2 จุด—รูป 65)
แกนหมุนแขนยกด้านหน้าขวาและกระบอกสูบยก (2 จุด—รูป 66)
กลไกปรับเกียร์ว่าง (รูป 67)
คันเลื่อนเลือกตำแหน่งตัดหญ้า/เคลื่อนย้าย (รูป 68)
แกนหมุุนสายพาน (รูป 69)
กระบอกสูบบังคับเลี้ยว (รูป 70)
Note: ถ้าต้องการ สามารถติดตั้งจุดอัดจาระบีเพิ่มที่อีกด้านหนึ่งของกระบอกสูบบังคับเลี้ยวได้ โดยการถอดล้อออก แล้วติดตั้งจุกอัดจารบี จากนั้นหยอดจาระบี นำจุกอัดจาระบีออก แล้วปิดจุกอุด (รูป 71)
ปกติแล้วความผิดปกติของแบริ่งมักจะไม่ได้มาจากความบกพร่องของวัสดุหรือฝีมือการผลิต สาเหตุส่วนใหญ่ที่แบริ่งทำงานผิดปกติคือความชื้นและการปนเปื้อนที่เล็ดลอดเข้าไปในซีลป้องกัน แบริ่งแบบหยอดจาระบีจะต้องบำรุงรักษาเป็นประจำเพื่อกำจัดเศษสิ่งสกปรกที่เป็นอันตรายออกจากส่วนแบริ่ง แบริ่งแบบปิดซีลอาศัยการหยอดจาระบีชนิดพิเศษในตอนเริ่มแรกเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นซีลในตัวที่มีความแข็งแรงจะป้องกันไม่ให้ความชื้นหรือสิ่งปนเปื้อนเข้าไปในลูกกลิ้ง
แบริ่งแบบปิดซีลไม่ต้องหยอดจาระบีหรือบำรุงรักษาระยะสั้น จึงช่วยลดภาระในการซ่อมบำรุงตามกำหนด อีกทั้งยังลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับสนามจากการเปื้อนจาระบีด้วย แบริ่งแบบปิดซีลเหล่านี้มีประสิทธิภาพเป็นเยี่ยมและใช้งานได้ยาวนานภายใต้สภาวะการใช้งานทั่วไป แต่คุณควรตรวจสภาพแบริ่งและความสมบูรณ์ของซีลเป็นระยะเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่แบริ่งเสียจนใช้งานอุปกรณ์ไม่ได้ ดังนั้นควรตรวจสภาพแบริ่งทุกฤดูกาลและเปลี่ยนใหม่ หากพบว่าแบริ่งเสียหายหรือสึกหรอก แบริ่งควรจะทำงานได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีอาการที่บ่งบอกความเสียหาย เช่น ความร้อนสูง เสียงดัง หลวม หรือร่องรอยการสึกหรอ (สนิม)
แบริ่ง/ซีลเหล่านี้เป็นชิ้นส่วนที่สึกหรอจากการใช้งานตามปกติ เพราะต้องทำงานภายในสภาวะแบบต่างๆ (เช่น ทราย สารเคมีที่ใช้ในสนาม น้ำ แรงกระแทก ฯลฯ) ดังนั้น ปกติแล้วแบริ่งที่ทำงานผิดปกติเนื่องจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่ความบกพร่องของวัสดุหรือฝีมือการผลิต จะไม่ได้รับความคุ้มครองภายใต้การรับประกัน
Note: การล้างอย่างไม่เหมาะสมอาจจะส่งผลเสียต่ออายุการใช้งานของแบริ่งได้ ห้ามล้างอุปกรณ์ขณะที่ยังร้อน และหลีกเลี่ยงการการฉีดพ่นด้วยแรงดันสูงหรือปริมาณมากที่แบริ่ง
ดับเครื่องยนต์ก่อนตรวจสอบระดับน้ำมันหรือเติมน้ำมันลงในห้องข้อเหวี่ยง
อย่าเปลี่ยนความเร็วของตัวควบคุมความเร็วหรือเร่งรอบเครื่องมากเกินไป
ใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงชนิดเถ้าต่ำที่ได้มาตรฐานหรือมีคุณสมบัติสูงกว่าข้อมูลจำเพาะดังต่อไปนี้:
ACEA—E6 |
API—CH-4 ขึ้นไป |
JASO—DH-2 |
ความหนืดน้ำมันที่ควรใช้: SAE 15W-40 [-17ºC (สูงกว่า 0°F)]
ความหนืดน้ำมันทางเลือก: SAE 10W-30 หรือ 5W-30 (ทุกอุณหภูมิ)
น้ำมันเครื่องพรีเมียมของ Toro หาซื้อได้จากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Toro ทั้งเกรดความหนืด 15W-40 หรือ 10W-30
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน |
|
เครื่องยนต์เติมน้ำมันในห้องข้อเหวี่ยงมาให้แล้วจากโรงงาน แต่ควรตรวจสอบระดับน้ำมันก่อนและหลังสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรก
Note: น้ำมันเครื่องพรีเมียมของ Toro หาซื้อได้จากตัวแทนจำหน่าย ทั้งชนิดความหนืด 15W-40 หรือ 10W-30 ดูแคตตาล็อกอะไหล่เพื่อดูหมายเลขชิ้นส่วน
Note: เวลาที่เหมาะที่สุดในการตรวจสอบน้ำมันเครื่องคือเมื่อเครื่องยนต์เย็น ก่อนที่จะสตาร์ทอุปกรณ์เป็นครั้งแรกของวัน หากเครื่องยนต์ทำงานไปแล้ว ควรรอให้น้ำมันเครื่องไหลกลับไปยังอ่างน้ำมันเครื่องอย่างน้อย 10 นาทีก่อนที่จะตรวจสอบ หากระดับน้ำมันพอดีกับหรืออยู่ต่ำกว่าจุดเติมบนก้านวัด เติมน้ำมันเพื่อให้ระดับน้ำมันถึงขีดเต็ม แต่อย่าเติมจนล้นหากระดับน้ำมันอยู่ระหว่างขีดเต็มกับขีดเติม ไม่ต้องเติมน้ำมันเพิ่ม
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
ปลดสลักและเปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ขึ้น
ดึงก้านวัด (รูป 72) ออกและเช็ดให้สะอาดด้วยผ้าขี้ริ้ว
ดันก้านวัดกลับลงไปในท่อและดูว่าก้านวัดเข้าไปจนสุด จากนั้นดึงก้านวัดออกและตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง
หากน้ำมันเหลือน้อย ให้เปิดฝาเติม (รูป 73) และค่อยๆ เติมน้ำมันทีละน้อย คอยเช็คระดับน้ำมันบ่อยๆ จนกระทั่งระดับน้ำมันถึงขีดเต็มบนก้านวัด
Important: ระดับน้ำมันเครื่องต้องอยู่ระหว่างขีดบนกับขีดล่างบนเกจน้ำมัน การเติมน้ำมันเครื่องมากเกินไปหรือน้อยเกินไป อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายร้ายแรง
ปิดฝาเติมน้ำมันและใส่ก้านวัดกลับเข้าที่
ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
หลังจาก 50 ชั่วโมงแรก |
|
ทุก 150 ชั่วโมง |
|
ความจุห้องข้อเหวี่ยง: ประมาณ 3.8 ลิตร (4.0 ควอร์ต) พร้อมไส้กรอง
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
ปลดสลักและเปิดฝากระโปรงขึ้น จากนั้นรอให้เครื่องยนต์เย็น
ดึงจุกระบาย (รูป 74) อันใดอันหนึ่งออก และระบายน้ำมันลงในอ่างระบาย หลังจากน้ำมันหยุดไหล ให้ปิดจุกระบาย
ถอดตัวกรองน้ำมันเครื่องออก (รูป 75)
ทาน้ำมันสะอาดบางๆ ลงบนซีลตัวกรองชิ้นใหม่ แล้วค่อยติดตั้งตัวกรองน้ำมัน
Note: อย่าขันตัวกรองแน่นเกินไป
เติมน้ำมันลงในห้องข้อเหวี่ยง โปรดดู ข้อมูลจำเพาะของน้ำมันเครื่อง และ การตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง
ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ทุก 200 ชั่วโมง |
|
ตรวจสอบตัวเรือนระบบกรองอากาศเพื่อหาความเสียหายที่อาจทำให้อากาศรั่วไหลได้ และเปลี่ยนถ้าพบความเสียหาย ตรวจสอบระบบอากาศเข้าทั้งหมดเพื่อตรวจสอบการรั่วไหล ความเสียหาย หรือข้อรัดท่ออ่อนที่หลวม
ซ่อมบำรุงระบบกรองอากาศตามระยะเวลาซ่อมบำรุงที่แนะนำหรือเร็วกว่านั้น หากพบว่าเครื่องยนต์ทำงานได้ไม่ดีเท่าเดิมเนื่องจากใช้งานในสภาวะที่สกปรกหรือมีฝุ่นมาก การเปลี่ยนไส้กรองอากาศก่อนถึงเวลาจำเป็นจะเพิ่มโอกาสให้ฝุ่นเข้าสู่เครื่องยนต์มากขึ้นขณะที่ถอดไส้กรองออก
ตรวจสอบให้แนใจว่าฝาครอบผนึกเข้ากับตัวเรือนระบบกรองอากาศอย่างถูกต้อง
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
เปิดกระโปรงของอุปกรณ์
ปลดสลักที่ยึดฝาครอบระบบกรองอากาศเข้ากับตัวเรือนระบบกรองอากาศ (รูป 76)
ถอดฝาครอบจากระบบกรองอากาศ
ก่อนถอดตัวกรอง ใช้ลมเป่าแรงดันต่ำ 276 กิโลปาสกาล (40 ปอนด์ต่อตร.นิ้ว ที่สะอาดและแห้ง) เพื่อช่วยกำจัดสิ่งสกปรกสะสมที่อัดอยู่ระหว่างด้านนอกของตัวกรองขั้นต้นกับตลับ หลีกเลี่ยงการใช้ลมแรงดันสูง เพราะอาจดันฝุ่นผ่านตัวกรองเข้าในช่องอากาศเข้าได้ การทำความสะอาดขั้นตอนนี้ป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ท่อไอดีเมื่อคุณถอดตัวกรองขั้นต้นออก
ถอดตัวกรองออก (รูป 76)
Note: การทำความสะอาดตัวกรองที่ใช้แล้วอาจทำให้สารกรองเสียหายได้
ถอดวาล์วช่องระบาย (รูป 76) ออกจากช่องดันฝุ่นของฝาครอบชุดกรองอากาศ
ทำความสะอาดวาล์วช่องระบายและดันฝุ่น แล้วติดตั้งกลับเข้าไปในช่อง
ตรวจสอบกรองชิ้นใหม่เพื่อหาความเสียหายจากการขนส่ง รวมทั้งตรวจสอบปลายผนึกของตัวกรองและตัวเรือน
Important: อย่าใช้ตัวกรองที่ชำรุด
สอดตัวกรองชิ้นใหม่เข้ากับบ่าในกล่องโดยใช้แรงกดที่ขอบด้านนอกของตัวกรอง
Important: ห้ามกดบริเวณที่ยืดหยุ่นตรงกลางของตัวกรอง
ปิดฝาครอบโดยให้วาล์วช่องระบายหันลงด้านล่าง โดยวางไว้ประมาณ 5 นาฬิกาถึง 7 นาฬิกาเมื่อมองจากส่วนปลาย
ยึดฝาครอบด้วยสลัก 2 ชิ้น
ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ทุก 2 ปี |
|
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
ระบายและทำความสะอาดถังเชื้อเพลิง หากระบบเชื้อเพลิงปนเปื้อน หรือถ้าหากต้องเก็บอุปกรณ์ไว้เป็นเวลานาน ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสะอาดในการล้างถัง
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ทุก 400 ชั่วโมง |
|
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
ปลดสลักและเปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ขึ้น
ตรวจสภาพท่อเชื้อเพลิงและข้อต่อเพื่อเช็คการเสื่อมสภาพ ความเสียหาย หรือข้อต่อหลวม
Note: ซ่อมหรือเปลี่ยนท่อเชื้อเพลิงหรือข้อต่อที่เสียหาย
ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน |
|
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
ปลดสลักและเปิดฝากระโปรงขึ้น จากนั้นรอให้เครื่องยนต์เย็น
วางภาชนะสะอาดใต้ตัวกรองเชื้อเพลิง
คลายวาล์วระบายที่ด้านล่างของกล่องตัวกรอง (รูป 77)
ขันวาล์วให้แน่นหลังจากระบายน้ำออกแล้ว
สตาร์ทเครื่องยนต์ ตรวจสอบการรั่วไหล แล้วดับเครื่องยนต์
Note: ซ่อมแซมจุดรั่วไหลในระบบเชื้อเพลิงทั้งหมด
ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ทุก 400 ชั่วโมง |
|
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
ปลดสลักและเปิดฝากระโปรงขึ้น จากนั้นรอให้เครื่องยนต์เย็น
ทำความสะอาดบริเวณที่ยึดกล่องตัวกรอง (รูป 77)
ถอดกล่องตัวกรองออกและทำความสะอาดพื้นผิวที่ใช้ยึดกล่องตัวกรอง
หล่อลื่นปะเก็นบนกล่องตัวกรองด้วยน้ำมันสะอาด
ติดตั้งกล่องตัวกรองด้วยมือจนกระทั่งปะเก็นแตะกับพื้นผิวที่ใช้ยึดกล่องตัวกรอง จากนั้นหมุนเพิ่มอีก 1/2 รอบ
สตาร์ทเครื่องยนต์ ตรวจสอบการรั่วไหล แล้วดับเครื่องยนต์
Note: ซ่อมแซมจุดรั่วไหลในระบบเชื้อเพลิงทั้งหมด
ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์
Note: ทำตามขั้นตอนนี้เฉพาะเมื่อไล่อากาศออกจากระบบเชื้อเพลิงตามขั้นตอนปกติแล้ว แต่เครื่องยนต์ไม่สตาร์ท โปรดดู การไล่อากาศในระบบเชื้อเพลิง
ถ้าทำได้ ให้ทำตามขั้นตอนต่างๆ ใน การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
ปลดสลักและเปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ขึ้น หากเครื่องยนต์ยังร้อนอยู่ รอให้เครื่องยนต์เย็น
คลายน็อตท่อที่ยึดท่อเชื้อเพลิงเข้ากับหัวฉีดเชื้อเพลิงหมายเลข 1
ขยับคันโยกลิ้นเร่งไปยังตำแหน่งเร็ว
บิดกุญแจในสวิตช์กุญแจไปที่ตำแหน่งสตาร์ท และสังเกตเชื้อเพลิงที่ไหลรอบๆ ข้อต่อ หมุนกุญแจไปที่ตำแหน่งปิด เมื่อเชื้อเพลิงไหลต่อเนื่อง
Important: เพื่อป้องกันไม่ให้มอเตอร์สตาร์ทเตอร์ร้อนเกินไป อย่าให้สตาร์ทเตอร์ทำงานนานกว่า 15 วินาที หลังจากพยายามสตาร์ทต่อเนื่อง 10 วินาทีแล้ว ให้รอ 60 วินาทีก่อนสตาร์ทมอเตอร์สตาร์ทเตอร์อีกครั้ง
ขันน็อตท่อให้แน่น
กำจัดเชื้อเพลิงออกจากเครื่องยนต์
ทำซ้ำขั้นตอน 3 ถึง 7 สำหรับหัวฉีดเชื้อเพลิงที่เหลือ
สตาร์ทเครื่องยนต์ ตรวจสอบการรั่วไหล แล้วดับเครื่องยนต์
Note: ซ่อมแซมจุดรั่วไหลในระบบเชื้อเพลิงทั้งหมด
ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์
ตัดการเชื่อมต่อแบตเตอรี่ก่อนซ่อมบำรุงอุปกรณ์ ถอดขั้วลบออกก่อน ตามด้วยขั้วบวก ต่อขั้วบวกก่อน ตามด้วยขั้วลบ
ชาร์จแบตเตอรี่ในพื้นที่เปิดโล่งที่ระบายอากาศได้ดี ห่างจากประกายไฟและเปลวไฟ ถอดปลั๊กเครื่องชาร์จก่อนต่อหรือตัดการเชื่อมต่อแบตเตอรี่ สวมใส่ชุดป้องกันและใช้เครื่องมือมีฉนวน
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ทุก 25 ชั่วโมง |
|
น้ำอิเล็กโทรไลต์ในแบตเตอรี่ประกอบด้วยกรดซัลฟูริก ซึ่งเป็นอันตรายหากรับประทานหรือทำให้เป็นแผลไหม้รุนแรง
ห้ามดื่มน้ำอิเล็กโตรไลต์และหลีกเลี่ยงไม่ให้สัมผัสกับผิวหนัง ดวงตา หรือเสื้อผ้า ควรสวมแว่นตานิรภัยและถุงมือยางเสมอ
เติมน้ำแบตเตอรี่ในสถานที่ที่มีน้ำสะอาดเตรียมไว้เสมอเพื่อใช้ล้างผิวหนัง
การเดินสายไฟแบตเตอรี่ไม่ถูกต้องอาจทำให้รถแทรกเตอร์และสายไฟเสียหาย โดยทำให้เกิดประกายไฟ ประกายไฟอาจทำให้แบตเตอรี่ปล่อยก๊าซที่ทำให้ระเบิด ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้
ถอดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ (สีดำ) ก่อนถอดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) เสมอ
ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) ก่อนต่อสายไฟขั้วลบ (สีดำ) เสมอ
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
ถอดฝาครอบแบตเตอรี่ออก โปรดดู การถอดฝาครอบแบตเตอรี่
ถอดฝาเติมของแบตเตอรี่
คอยเติมน้ำกลั่นหรือน้ำปราศจากแร่ธาตุเพื่อรักษาระดับของน้ำอิเล็กโทรไลต์ในเซลล์แบตเตอรี่
Note: อย่าเติมน้ำจนระดับน้ำสูงกว่าด้านล่างของแหวนแยกในแต่ละเซลล์
ปิดฝาเติมโดยให้ท่อระบายหันไปด้านหลัง (หันไปทางถังเชื้อเพลิง)
ทำความสะอาดส่วนบนของแบตเตอรี่ โดยล้างเป็นครั้งคราวด้วยแปรงจุ่มน้ำผสมแอมโมเนียหรือผสมโซดาไบคาร์บอเนต ล้างพื้นผิวด้านบนด้วยน้ำหลังจากทำความสะอาด
Important: อย่าเปิดฝาเติมขณะทำความสะอาด
ตรวจหาการสึกกร่อนบนข้อรัดสายไฟแบตเตอรี่และเสาแบตเตอรี่ หากพบเห็นการสึกกร่อน ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
ถอดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ (–)
ถอดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (+)
ทำความสะอาดข้อรัดและเสาแบตเตอรี่แยกกันทีละส่วน
ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (+)
ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ (–)
ทาน้ำยาเคลือบขั้วแบตเตอรีบนข้อรัดและขั้วแบตเตอรี่
ตรวจสอบว่าข้อรัดสายไฟแบตเตอรี่รัดอย่างแน่นหนาบนเสาแบตเตอรี่
ติดตั้งฝาครอบแบตเตอรี่
Note: เก็บอุปกรณ์ไว้ในบริเวณที่มีอากาศเย็น แทนบริเวณที่มีอากาศร้อน เพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่คายประจุเร็ว
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
ยกฝาครอบแขนควบคุมออก (รูป 79)
มองหาฟิวส์ที่ขาดภายในแท่นยึดฟิวส์หรือกล่องฟิวส์ (รูป 79)
เปลี่ยนฟิวส์ด้วยฟิวส์ประเภทเดียวกันที่มีแอมแปร์เท่ากัน
ปิดฝาครอบแขนควบคุมเข้าที่ (รูป 79)
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน |
|
หากแรงดันลมยางต่ำ ความเสถียรของอุปกรณ์จะลดลงเมื่อทำงานบนเนิน และอาจเกิดการพลิกคว่ำ จนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้
อย่าเติมลมยางน้อยเกินไป
Note: คอยตรวจสอบแรงดันลมยางทุกล้อเพื่อให้อุปกรณ์ตัดหญ้าได้ดีและเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเหมาะสม
วัดแรงดันลมของแต่ละล้อ แรงดันลมยางที่ถูกต้องคือ 97 ถึง 110 กิโลปาสกาล (14 หรือ 16 ปอนด์ต่อตร.นิ้ว)
ถ้าจำเป็น ให้เติมลมหรือไล่ลมออกจากล้อยาง จนกว่าจะวัดแรงดันลมยางได้ 97 ถึง 110 กิโลปาสกาล (14 หรือ 16 ปอนด์ต่อตร.นิ้ว)
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
หลังจากชั่วโมงแรก |
|
หลังจาก 10 ชั่วโมงแรก |
|
ทุก 200 ชั่วโมง |
|
ขันน็อตล้อแบบไขว้จนได้แรงบิด 61 ถึง 88 นิวตันเมตร (45 ถึง 65 ฟุตปอนด์)
หากไม่ขันน็อตล้อด้วยแรงบิดที่เหมาะสมอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บได้
ต้องขันน็อตล้อจนได้แรงบิด 61 ถึง 88 นิวตันเมตร (45 ถึง 65 ฟุตปอนด์)
หากอุปกรณ์ขยับเมื่อแป้นขับเคลื่อนอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง ให้ปรับลูกเบี้ยวขับเคลื่อน
จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ ลดชุดตัดหญ้าลงมา ดึงเบรกมือ ดับเครื่องยนต์ และดึงกุญแจออกจากสวิตช์สตาร์ท
ยกล้อหน้าและล้อหลังขึ้นจากพื้น แล้ววางบล็อกหนุนไว้ใต้โครงอุปกรณ์
หากไม่หนุนอุปกรณ์อย่างเพียงพอ อุปกรณ์อาจตกลงมา จนทำให้ผู้ที่ทำงานอยู่ใต้อุปกรณ์ได้รับบาดเจ็บได้
ยกล้อหน้าและล้อหลังขึ้นจากพื้น มิเช่นนั้น อุปกรณ์จะขยับตอนที่ทำการปรับ
คลายน็อตล็อกบนลูกเบี้ยวปรับการขับเคลื่อน (รูป 80)
เครื่องยนต์ต้องทำงานเพื่อให้คุณปรับลูกเบี้ยวปรับการขับเคลื่อนครั้งสุดท้ายได้ การสัมผัสกับชิ้นส่วนร้อนหรือชิ้นส่วนเคลื่อนไหวอื่นๆ อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บ
เก็บมือ เท้า ใบหน้า และส่วนอื่นๆ ของร่างกายให้ห่างจากท่อไอเสีย พื้นผิวร้อนอื่นๆ ของเครื่องยนต์ และชิ้นส่วนหมุน
สตาร์ทเครื่องยนต์และขันน็อตหกเหลี่ยมบนลูกเบี้ยวไปทั้งสองทิศทาง เพื่อหาจุดกึ่งกลางของระยะเกียร์ว่าง
ขันน็อตล็อกให้แน่นเพื่อล็อกการปรับเอาไว้
ดับเครื่องยนต์
นำบล็อกหนุนออกและลดอุปกรณ์ลงมาที่พื้น ทดลองขับอุปกรณ์เพื่อให้แน่ใจว่า อุปกรณ์ไม่ขยับเมื่อแป้นขับเคลื่อนอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง
น้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์เป็นพิษ ห้ามรับประทาน และเก็บให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
การระบายน้ำหล่อเย็นที่ร้อนและมีแรงดัน หรือการสัมผัสหม้อน้ำร้อนและชิ้นส่วนรอบๆ อาจทำให้ผิวหนังถูกลวกรุนแรง
ปล่อยให้เครื่องยนต์เย็นลงอย่างน้อย 15 นาทีก่อนถอดฝาหม้อน้ำเสมอ
ใช้ผ้าขี้ริ้วเมื่อเปิดฝาหม้อน้ำ และเปิดฝาช้าๆ เพื่อปล่อยไอน้ำออก
ถังหล่อเย็นมีการเติมน้ำผสมน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งานชนิดเอทิลีนไกลคอลในสัดส่วน 50/50 มาจากโรงงาน
Important: ใช้เฉพาะน้ำยาหล่อเย็นที่มีจำหน่ายในท้องตลาดและมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดในตารางมาตรฐานน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งานเท่านั้นห้ามใช้น้ำยาหล่อเย็นชนิดเทคโนโลยีกรดอนินทรีย์ (สีเขียว) (IAT) แบบทั่วไปในอุปกรณ์ อย่าผสมน้ำยาหล่อเย็นแบบทั่วไปกับน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งาน
ชนิดน้ำยาหล่อเย็นเอทิลีนไกลคอล |
ชนิดสารยับยั้งการสึกกร่อน |
สารป้องกันการแข็งตัวแบบยืดอายุการใช้งาน |
เทคโนโลยีกรดอินทรีย์ (OAT) |
Important: อย่าแยกแยะความแตกต่างระหว่างน้ำยาหล่อเย็นชนิดกรดอนินทรีย์ (สีเขียว) แบบทั่วไปกับน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งานโดยการดูจากสีของน้ำยาหล่อเย็นผู้ผลิตน้ำยาหล่อเย็นอาจย้อมสีน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งานด้วยสีใดสีหนึ่งต่อไปนี้: สีแดง, สีชมพู, สีส้ม, สีเหลือง, สีน้ำเงิน, สีเขียวอมฟ้า, สีม่วง และสีเขียว ใช้น้ำยาหล่อเย็นที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดในตารางมาตรฐานน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งาน |
ATSM International |
SAE International |
D3306 และ D4985 |
J1034, J814 และ 1941 |
Important: สำหรับความเข้มข้นของน้ำยาหล่อเย็น ควรผสมน้ำต่อน้ำยาหล่อเย็นในสัดส่วน 50/50
แนะนำ: เมื่อผสมน้ำยาหล่อเย็นจากน้ำยาเข้มข้น ให้ผสมกับน้ำกลั่น
ทางเลือก: หากไม่มีน้ำกลั่น ใช้น้ำยาหล่อเย็นผสมสำเร็จแทนน้ำยาแบบเข้มข้น
ข้อกำหนดขั้นต่ำ: หากไม่มีทั้งน้ำกลั่นและน้ำยาหล่อเย็นผสมสำเร็จ ให้ผสมน้ำยาหล่อเย็นเข้มข้นกับน้ำสะอาดที่ดื่มได้
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน |
|
ความจุระบบหล่อเย็น: ประมาณ 5.7 ลิตร (6 แกลลอนสหรัฐ)
หากเครื่องยนต์กำลังทำงานและมีแรงดัน น้ำหล่อเย็นที่ร้อนอาจดันออกมาและลวกผิวหนังได้
อย่าเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน
ใช้ผ้าขี้ริ้วเมื่อเปิดฝาหม้อน้ำ และเปิดฝาช้าๆ เพื่อปล่อยไอน้ำออก
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
ปลดสลักและเปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ขึ้น
ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นในถังขยาย (รูป 81)
Note: เมื่อเครื่องยนต์เย็น ระดับน้ำหล่อเย็นควรอยู่กึ่งกลางระหว่างขีดด้านข้างถัง
หากน้ำหล่อเย็นเหลือน้อย ให้เปิดฝาถังขยายออก แล้วเติมน้ำหล่อเย็นที่กำหนดลงไปในถังจนกระทั่งระดับน้ำขึ้นมาถึงกึ่งกลางระหว่างขีดด้านข้างถัง จากนั้นปิดฝาถัง
Important: อย่าเติมน้ำในถังขยายมากเกินไป
ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน |
|
ทุก 2 ปี |
|
ทำความสะอาดสิ่งสกปรกออกจากหม้อพักน้ำมันเครื่องและหม้อน้ำทุกวัน ทำความสะอาดให้บ่อยขึ้นหากต้องใช้งานอุปกรณ์ในสภาวะที่สกปรก
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
ยกกระโปรงรถ
ทำความสะอาดสิ่งสกปรกออกจากบริเวณเครื่องยนต์ให้หมดจด
ถอดแผงกั้นหม้อน้ำด้านล่าง (รูป 82) ออก
ทำความสะอาดด้านข้างของหม้อน้ำทั้งสองด้านให้สะอาดหมดจด โดยใช้น้ำหรืออากาศอัด (รูป 82)
ติดตั้งแผงกั้นหม้อน้ำด้านล่างกลับเข้าที่
ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ทุก 200 ชั่วโมง |
|
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
คลายสกรูตั้งค่าที่ยึดลูกบิดกับคันเบรกมือ (รูป 83)
หมุนลูกบิดจนได้แรง 133 ถึง 178 นิวตัน (30 ถึง 40 ปอนด์) เพื่อให้คันเบรกทำงานได้
ขันสกรูตั้งค่า
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
หลังจาก 10 ชั่วโมงแรก |
|
ทุก 100 ชั่วโมง |
|
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
ปลดสลักและเปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ขึ้น
ตรวจสอบความตึงของสายพานโดการกดตรงกลางสายพานระหว่างอัลเทอร์เนเตอร์กับลูกรอกเพลาข้อเหวี่ยง
Note: เมื่อใช้แรง 98 นิวตัน (22 ปอนด์) สายพานควรจะเบนลง 11 มม. (7/16 นิ้ว)
หากการเบนของสายพานไม่ถูกต้อง ให้ปรับความตึงของสายพานตามขั้นตอนต่อไปนี้
คลายสลักเกลียวที่ยึดตัวค้ำกับเครื่องยนต์และสลักเกลียวที่ยึดอัลเทอร์เนเตอร์เข้ากับตัวค้ำ
สอดชะแลงเข้าไประหว่างอัลเทอร์เนเตอร์กับเครื่องยนต์ และงัดอัลเทอร์เนเตอร์ออกมา
เมื่อได้ความตึงสายพานที่เหมาะสมแล้ว ขันสลักเกลียวของอัลเทอร์เนเตอร์และตัวค้ำให้แน่นเพื่อยึดการปรับไว้
ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์
สอดไขควงขันน็อตหรือท่อเล็กๆ เข้าไปตรงปลายสปริงขดของสายพาน
ตอนเปลี่ยนสายพานระบบขับไฮดรอสเตติก คุณจะต้องผ่อนแรงดึงบนสปริงที่รองรับโหลดจำนวนมากอยู่ หากผ่อนแรงดึงบนสปริงอย่างไม่เหมาะสม อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงได้
ใช้ความระมัดระวังตอนผ่อนแรงดึงบนสปริง
กดปลายสปริงขดแบบดึของสายพานลงจนเบี่ยงออกจากร่องบนแผ่นยึดปั๊ม แล้วเลื่อนปลายสปริงไปข้างหน้า (รูป 85)
เปลี่ยนสายพาน
กดปลายสปริงขดของสายพานเข้ามาด้านใน ให้ตรงกับร่องบนแผ่นยึดปั๊ม
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
คลายน็อตล็อกของสกรูหยุดความเร็ว
ปรับสกรูหยุดความเร็วตามแนวทางดังต่อไปนี้
Note: ความเร็วในการตัดหญ้าจากโรงงานคือ 9.7 กม./ชม. (6 ไมล์ต่อชั่วโมง)
หากต้องการลดความเร็วในการตัดหญ้าลง ให้หมุนสกรูหยุดความเร็ว (รูป 86) ตามเข็มนาฬิกา
หากต้องการเพิ่มความเร็วในการตัดหญ้าลง ให้หมุนสกรูหยุดความเร็วทวนเข็มนาฬิกา
จับสกรูหยุดเอาไว้ แล้วขันน็อตสวมทับ
ทดลองขับอุปกรณ์เพื่อเช็คว่าได้ความเร็วในการตัดหญ้าตามที่ปรับแล้ว
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
ปลดสลักและเปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ขึ้น
เลื่อนคันโยกลิ้นเร่งไปด้านหลัง ให้ชนกับช่องบนแผงควบคุม
คลายข้อต่อสายคันเร่งบนแขนคันโยกปั๊มฉีดเชื้อเพลิง (รูป 87)
ดันแขนคันโยกปั๊มฉีดให้แนบกับแผ่นปรับหยุดการเดินรอบเบา แล้วขันขั้วต่อสายเคเบิลให้แน่น
คลายสกรูที่ยึดคันโยกลิ้นเร่งเข้ากับแผงควบคุม
ดันคันโยกลิ้นเร่งไปด้านหน้าจนสุด
เลื่อนแผ่นปรับหยุดจนกระทั่งสัมผัสกับคันโยกลิ้นเร่ง จากนั้นขันสกรูที่ยึดคันโยกลิ้นเร่งเข้ากับแผงควบคุมให้แน่น
หากลิ้นเร่งไม่อยู่ในตำแหน่งระหว่างที่ใช้งานอุปกรณ์ ขันน็อตล็อกที่ใช้ตั้งค่าอุปกรณ์แรงเสียดทานบนคันโยกลิ้นเร่งจนได้แรงบิด 5 ถึง 6 นิวตันเมตร (44 ถึง 53 นิ้วปอนด์)
Note: แรงบิดสูงสุดที่ใช้สั่งการคันโยกลิ้นเร่งไม่ควรเกิน 89 นิวตัน (20 ปอนด์)
ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์
ไปพบแพทย์ทันทีหากโดนน้ำมันฉีดใส่ผิวหนัง น้ำมันที่ฉีดโดนร่างกายจะต้องให้แพทย์ผ่าตัดออกภายในสองถึงสามชั่วโมง
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่ออ่อนน้ำมันไฮดรอลิกและท่อระบบมีสภาพดี และข้อต่อและการเชื่อมต่อระบบไฮดรอลิกทั้งหมดแน่นหนาก่อนจ่ายแรงดันเข้าไปในระบบไฮดรอลิก
เก็บมือและร่างกายออกห่างจากจุดรั่วรูเข็มหรือหัวฉีดที่ฉีดน้ำมันไฮดรอลิกแรงดันสูง
ใช้กระดาษลังหรือกระดาษหาจุดรั่วของระบบไฮดรอลิก
ระบายแรงดันในระบบไฮดรอลิกอย่างปลอดภัยก่อนทำงานใดๆ กับระบบไฮดรอลิก
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน |
|
ตรวจสอบระบบท่อและท่ออ่อนไฮดรอลิกเพื่อเช็คการรั่วไหล ท่อหักงอ ส่วนรองรับการยึดที่หลวม การสึกหรอ ข้อต่อหลวม การเสื่อมสภาพจากสภาพอากาศ และการเสื่อมสภาพจากสารเคมี ซ่อมแซมความเสียหายทั้งหมดก่อนกลับไปใช้งานต่อ
ถังน้ำมันเติมน้ำมันไฮดรอลิกคุณภาพสูงมาแล้วจากโรงงาน ตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิกก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรก และทุกวันหลังจากนั้น โปรดดู การตรวจสอบน้ำมันไฮดรอลิก
น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำ: น้ำมันไฮดรอลิกชนิดยืดอายุการใช้งาน Toro PX มีจัดจำหน่ายแบบถัง 19 ลิตร (5 แกลลอนสหรัฐ) หรือถัง 208 ลิตร (55 แกลลอนสหรัฐ)
Note: อุปกรณ์ที่ใช้น้ำมันเปลี่ยนทดแทนที่แนะนำไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันและตัวกรองบ่อยๆ เหมือนกับการใช้น้ำมันเปลี่ยนทดแทนแบบอื่น
น้ำมันไฮดรอลิกทางเลือก: หากไม่มีน้ำมันไฮดรอลิกชนิดยืดอายุการใช้งาน Toro PX จัดจำหน่าย คุณสามารถใช้น้ำมันไฮดรอลิกชนิดปิโตรเลียมทั่วไปที่มีข้อมูลจำเพาะตรงกับช่วงที่ระบุไว้สำหรับคุณสมบัติวัสดุต่อไปนี้ทั้งหมดและได้ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม อย่าใช้น้ำมันสังเคราะห์ ปรึกษาตัวแทนจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นเพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
Note: Toro ไม่รับผิดชอบความเสียหายจากการใช้น้ำมันเปลี่ยนทดแทนที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นควรใช้ผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงน่าเชื่อถือเท่านั้น
คุณสมบัติวัสดุ: | ||
ความหนืด, ASTM D445 | cSt ที่ 40 °C (104°F) 44 ถึง 48 | |
ดัชนีความหนืด ASTM D2270 | 140 ขึ้นไป | |
จุดไหลเท, ASTM D97 | -37 °C ถึง -45 °C (-34°F ถึง -49°F) | |
ข้อมูลจำเพาะของอุตสาหกรรม: | Eaton Vickers 694 (I-286-S, M-2950-S/35VQ25 หรือ M-2952-S) |
Note: น้ำมันไฮดรอลิกส่วนใหญ่เกือบจะไม่มีสี ทำให้การมองหาจุดรั่วได้ยาก สีย้อมน้ำมันไฮดรอลิกสีแดงมีจัดจำหน่ายเป็นขวดขนาด 20 มล. (0.67 ออนซ์ของเหลว) ซึ่งขวดหนึ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับน้ำมันไฮดรอลิก 15 ถึง 22 ลิตร (4 ถึง 6 แกลลอนสหรัฐ) สามารถแจ้งหมายเลขสั่งซื้ออะไหล่ 44-2500 กับตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Toro
Important: น้ำมันไฮดรอลิกสังเคราะห์ชนิดย่อยสลายทางชีวภาพเกรดพรีเมียมของ Toro เป็นน้ำมันสังเคราะห์ชนิดย่อยสลายทางชีวภาพเพียงรุ่นเดียวที่ได้รับการรับรองโดย Toro น้ำมันชนิดนี้เข้ากันได้กับอีลาสโตเมอร์ที่ใช้ในระบบไฮดรอลิก Toro และเหมาะสำหรับอุณหภูมิการทำงานที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังเข้ากันได้น้ำมันแร่ทั่วไปด้วย แต่เพื่อประสิทธิภาพในการย่อยสลายทางชีวภาพและสมรรถนะสูงสุด ควรล้างน้ำมันทั่วไปออกจากระบบไฮดรอลิกให้หมดจด น้ำมันมีจัดจำหน่ายแบบถัง 19 ลิตร (5 แกลลอน) หรือถังดรัม 208 ลิตร (55 แกลลอน) จากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Toro
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน |
|
ถังน้ำมันเติมน้ำมันไฮดรอลิกคุณภาพสูงมาแล้วจากโรงงาน ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการตรวจสอบน้ำมันไฮดรอลิกคือตอนที่น้ำมันยังเย็นอยู่ อุปกรณ์ควรจัดเตรียมในรูปแบบสำหรับการเคลื่อนย้าย
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
ทำความสะอาดบริเวณรอบช่องเติมและฝาของถังน้ำมันไฮดรอลิก (รูป 88) แล้วเปิดฝาออก
ดึงก้านวัดออกจากช่องเติม และเช็ดด้วยผ้าขี้ริ้วสะอาด
สอดก้านวัดลงในช่องเติม จากนั้นดึงออกมาดูระดับน้ำมัน
Note: ระดับน้ำมันต้องอยู่ภายในระยะ 6 มม. (1/4 นิ้ว) ของขีดบนก้านวัด
หากน้ำมันเหลือน้อย เติมน้ำมันที่กำหนดพอให้ระดับถึงขีดเต็ม โปรดดู ข้อมูลจำเพาะน้ำมันไฮดรอลิก
Important: อย่าเติมน้ำมันลงในถังน้ำมันไฮดรอลิกมากเกินไป
ใส่ก้านวัดเข้าที่และปิดฝาช่องเติม
13.2 ลิตร (3.5 แกลลอนสหรัฐ) โปรดดู ข้อมูลจำเพาะน้ำมันไฮดรอลิก
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ทุก 800 ชั่วโมง |
|
ทุก 2,000 ชั่วโมง |
|
น้ำมันไฮดรอลิกที่ร้อนอาจทำให้เกิดแผลความร้อนลวกอย่างรุนแรง
รอให้น้ำมันไฮดรอลิกเย็นลงก่อนเริ่มบำรุงรักษาระบไฮดรอลิก
หากน้ำมันปนเปื้อน ติดต่อตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Toro เนื่องจากต้องมีการล้างระบบ น้ำมันที่ปนเปื้อนจะดูขุ่นหรือเป็นสีดำเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันสะอาด
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
ถอดท่ออ่อนไฮดรอลิก (รูป 89) หรือถอดตัวกรองไฮดรอลิก (รูป 90) แล้วระบายน้ำมันไฮดรอลิกลงในอ่างระบาย
ต่อท่ออ่อนไฮดรอลิกกลับเข้าไปเมื่อระบายน้ำมันไฮดรอลิกออกมาหมดแล้ว
เติมน้ำมันไฮดรอลิกประมาณ 22.7 ลิตร (6 แกลลอนสหรัฐ) ลงในถัง (รูป 91) โปรดดู ข้อมูลจำเพาะน้ำมันไฮดรอลิก
Important: ใช้เฉพาะน้ำมันไฮดรอลิกที่กำหนดเท่านั้น เพราะน้ำมันอื่นๆ อาจทำให้ระบบเสียหาย
ใส่ก้านวัดเข้าที่และปิดฝาช่องเติม
สตาร์ทเครื่องยนต์และใช้งานการควบคุมไฮดรอลิกทั้งหมดเพื่อจ่ายน้ำมันไฮดรอลิกให้ทั่วระบบ
ตรวจสอบการรั่วไหล จากนั้นดับเครื่องยนต์
ตรวจสอบระดับน้ำมันและเติมน้ำมันจนถึงขีดเต็มบนก้านวัด
Important: อย่าเติมน้ำมันในถังพักน้ำมันมากเกินไป
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ทุก 800 ชั่วโมง |
|
ทุก 1,000 ชั่วโมง |
|
น้ำมันไฮดรอลิกที่ร้อนอาจทำให้เกิดแผลความร้อนลวกอย่างรุนแรง
รอให้น้ำมันไฮดรอลิกเย็นลงก่อนเริ่มบำรุงรักษาระบไฮดรอลิก
ใช้ตัวกรองอะไหล่ของแท้จาก Toro (หมายเลขชิ้นส่วน 86-3010)
Important: การใช้ตัวกรองอื่นๆ อาจทำให้การรับประกันส่วนประกอบบางอย่างเป็นโมฆะ
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
ทำความสะอาดบริเวณที่ยึดตัวกรอง วางอ่างระบายใต้ตัวกรอง (รูป 92) และถอดตัวกรองออก
หล่อลื่นปะเก็นตัวกรองอันใหม่และเติมน้ำมันไฮดรอลิกลงในตัวกรอง
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริเวณที่ยึดตัวกรองสะอาด ขันสกรูตัวกรองจนกว่าปะเก็นจะสัมผัสกับแผ่นยึด และขันตัวกรองอีก 1/2 รอบ
สตาร์ทเครื่องยนต์ และปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานประมาณ 2 นาทีเพื่อไล่อากาศออกจากระบบ ดับเครื่องยนต์และตรวจสอบการรั่วไหล
ใบมีดหรือใบมีดล่างที่สึกหรือเสียหายอาจจะแตกออกได้ และชิ้นส่วนอาจกระเด็นไปโดนตัวคุณหรือผู้อื่น จนอาจทำให้บาดเจ็บรุนแรงหรือเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
ตรวจสอบเป็นระยะว่าใบมีดหรือใบมีดล่างสึกหรอหรือเสียหายหรือไม่
ใช้ความระมัดระวังขณะที่ตรวจสอบใบมีด สวมใส่ถุงมือและใช้ความระมัดระวังขณะบำรุงรักษาใบมีด ให้เปลี่ยนหรือลับใบมีดเท่านั้น ห้ามยืดหรือเชื่อมใบมีดเด็ดขาด
ในอุปกรณ์ที่มีชุดตัดหญ้าหลายชุด ให้ใช้ความระมัดระวังขณะหมุนชุดตัดหญ้า เนื่องจากอาจทำให้ใบมีดพวงในชุดตัดหญ้าอื่นๆ หมุนได้
ระยะการซ่อมบำรุง | ขั้นตอนการบำรุงรักษา |
---|---|
ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน |
|
ตรวจสอบการสัมผัสกันของใบมีดพวงและใบมีดล่าง แม้ว่าคุณภาพการตัดก่อนหน้านี้จะอยู่ในระดับยอมรับได้ โดยต้องมีการสัมผัสกันเล็กน้อยตามแนวความยาวทั้งหมดของใบมีดพวงและใบมีดล่าง (โปรดดูการปรับใบมีดพวงกับใบมีดล่างในคู่มือผู้ใช้ของชุดตัดหญ้า)
การสัมผัสกับชุดตัดหญ้าหรือชิ้นส่วนเคลื่อนไหวอื่นๆ อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บ
เก็บนิ้ว มือ และเสื้อผ้าออกห่างจากชุดตัดหญ้าและชิ้นส่วนเคลื่อนไหวอื่นๆ
อย่าพยายามหมุนชุดตัดหญ้าด้วยมือหรือเท้าขณะที่เครื่องยนต์ทำงานอยู่โดยเด็ดขาด
Note: การลับคมมีคำแนะนำและขั้นตอนเพิ่มเติมในข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับเครื่องตัดหญ้าแบบใบมีดพวงของ Toro (พร้อมแนวทางการลับคม), แบบฟอร์ม 09168SL
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา
ทำการปรับใบมีดพวงกับใบมีดล่างในขั้นแรกให้เหมาะกับการลับคม โปรดดูคู่มือผู้ใช้ของชุดตัดหญ้า
ยกฝาคอนโซลที่ยึดไว้ด้วยแม่เหล็กขึ้นมา (รูป 93) เพื่อให้เห็นท่อร่วมเครื่องตัดหญ้า
หมุนคันโยกลับคมไปที่ตำแหน่ง R (ลับคม) (รูป 94)
การเปลี่ยนความเร็วเครื่องยนต์ขณะลับคมอาจทำให้ชุดตัดหญ้าหยุดทำงานได้
ห้ามเปลี่ยนความเร็วเครื่องยนต์ขณะลับคมโดยเด็ดขาด
ลับคมด้วยความเร็วเครื่องยนต์ที่เดินรอบเบาเท่านั้น
Note: ระบบจะบายพาสสวิตช์ที่นั่งเมื่อปุ่มควบคุมการลับคมอยู่ในตำแหน่งลับคม ดังนั้น คุณไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่บนที่นั่ง แต่ยังต้องเข้าเบรกมือเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้
สตาร์ทเครื่องยนต์และปล่อยให้เดินรอบเบา
เลื่อนสวิตช์ขับชุดตัดหญ้าไปที่ตำแหน่งใช้งาน (Engage)
ใช้แปรงด้ามยาวทากากเพชรลับคมบนใบมีดพวง
การสัมผัสกับชุดตัดหญ้าขณะกำลังเคลื่อนไหวอาจทำให้บาดเจ็บได้
เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ ต้องอยู่ให้ห่างจากชุดตัดหญ้าก่อนดำเนินการต่อ
Important: ห้ามใช้แปรงด้ามสั้น
หากคุณจำเป็นต้องปรับชุดตัดหญ้าขณะลัมคม ให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้:
เลื่อนสวิตช์ขับชุดตัดหญ้าไปที่ตำแหน่งปลด (Disengage)
ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก
ปรับชุดตัดหญ้า
ทำซ้ำขั้นตอน 1 ถึง 3
ทำซ้ำขั้นตอนที่ 3 กับชุดตัดหญ้าอื่นๆ ที่ต้องการลับคม
กดสวิตช์ควบคุมชุดตัดหญ้าไปที่ตำแหน่งปลด (Disengage)
ดับเครื่องยนต์
ขยับคันโยกลับคมไปที่ตำแหน่ง F (ตัดหญ้า) (รูป 95)
Important: หากคุณไม่ดันคันโยกลับคมกลับไปยังตำแหน่ง F (ตัดหญ้า) หลังจากลับคม ชุดตัดหญ้าจะไม่ยกขึ้นหรือทำงานไม่ถูกต้อง
ประกอบฝาครอบเข้ากับแผงควบคุม
ล้างกากเพชรลับคมทั้งหมดออกจากชุดตัดหญ้า
เพื่อให้คมใบมีดคมมากขึ้น ใช้ตะไบขัดด้านหน้าใบมีดล่างหลังจากลับใบมีด
Note: การทำแบบนี้จะช่วยลบเสี้ยนและขอบที่ไม่เรียบที่อาจเกิดขึ้นบนขอบคมของใบมีด
ล้างอุปกรณ์ตามที่จำเป็นโดยใช้น้ำเปล่าหรือน้ำผสมน้ำยาทำความสะอาดอ่อน ๆ คุณอาจใช้ผ้าขี้ริ้วล้างอุปกรณ์ได้
Important: อย่าใช้น้ำกร่อยหรือน้ำหมุนเวียนล้างอุปกรณ์
Important: อย่าใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันในการล้างอุปกรณ์ เครื่องฉีดน้ำแรงดันอาจสร้างความเสียหายให้ระบบไฟฟ้า ทำให้สติกเกอร์ที่สำคัญหลุดหาย หรือล้างจาระบีที่จำเป็นบริเวณจุดเสียดสีออกไป หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมากเกินไปใกล้กับแผงควบคุม เครื่องยนต์ และแบตเตอรี่
Important: ห้ามล้างอุปกรณ์ขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน การทำเช่นนี้อาจทำให้เครื่องยนต์ภายในชำรุดเสียหาย
ก่อนออกจากตำแหน่งใช้งาน ให้ปฏิบัติตามดังนี้
จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ
ปลดและลดชุดตัดหญ้าลง
ดึงเบรกมือ
ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก
รอให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง
รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์
อย่าจัดเก็บอุปกรณ์หรือภาชนะบรรจุน้ำมันในที่ที่มีเปลวไฟ ประกายไฟ หรือไฟนำร่อง เช่น บนเครื่องทำน้ำร้อน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ ลดชุดตัดหญ้าลงมา ดึงเบรกมือ ดับเครื่องยนต์ และดึงกุญแจออกออก
ทำความสะอาดรถลากพ่วง ชุดตัดหญ้า และเครื่องยนต์ให้หมดจด
ตรวจสอบแรงดันลมยาง โปรดดู การตรวจสอบแรงดันลมยาง
ตรวจสอบตัวยึดทั้งหมดว่าหลวมหรือไม่ และขันให้แน่นตามความจำเป็น
อัดจาระบีหรือทาน้ำมันที่จุดอัดจาระบีและจุดหมุนทั้งหมด เช็ดน้ำมันหล่อลื่นที่เกินมาออก
ขัดเบาๆ และทาสีซ่อมแซมสีบนบริเวณที่มีรอยขูด แตก หรือเป็นสนิม ซ่อมแซมรอยบุ๋มในตัวถังโลหะ
ซ่อมบำรุงแบตเตอรี่และสายไฟดังนี้ โปรดดู ความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า
ถอดขั้วแบตเตอรี่จากเสาแบตเตอรี่
ทำความสะอาดแบตเตอรี่ ขั้ว และเสาแบตเตอรี่ด้วยแปรงลวดและส่วนผสมเบกกิ้งโซดา
เคลือบขั้วสายไฟและเสาแบตเตอรี่ด้วยจาระบีแบบสกินโอเวอร์ Grafo 112X (หมายเลขชิ้นส่วน Toro 505-47) หรือปิโตรเลียมเจลลี่เพื่อป้องกันการสึกกร่อน
ชาร์จแบตเตอรี่อย่างช้าๆ ทุกๆ 60 วันนาน 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เกิดตะกั่วซัลเฟต
ระบายน้ำมันเครื่องออกจากอ่างน้ำมันและปิดจุกระบาย
ถอดตัวกรองน้ำมันทิ้งไป ติดตั้งตัวกรองน้ำมันชิ้นใหม่
เติมน้ำมันมอเตอร์ที่กำหนดลงในเครื่องยนต์
สตาร์ทเครื่องยนต์และให้เดินรอบเบาประมาณ 2 นาที
ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก
ล้างถังเชื้อเพลิงด้วยน้ำมันใหม่และสะอาด
ยึดข้อต่อระบบเชื้อเพลิงทั้งหมดให้แน่น
ทำความสะอาดและซ่อมบำรุงระบบกรองอากาศอย่างละเอียด
ผนึกช่องอากาศเข้าและช่องอากาศออกด้วยเทปทนฝนและแดด
ตรวจสอบการป้องกันน้ำแข็งตัว และเติมส่วนผสมน้ำกับสารป้องกันน้ำแข็งตัวเอทิลีนไกลคอลในสัดส่วน 50/50 ตามที่จำเป็น โดยพิจารณาจากอุณหภูมิต่ำสุดที่คาดการณ์ในพื้นที่ของคุณ
หากคุณจัดเก็บอุปกรณ์ไว้นานกว่า 30 วัน ให้ถอดแบตเตอรี่ออกมาชาร์จให้เต็ม เก็บแบตเตอรี่บนชั้นหรือในเครื่อง แต่หากเก็บไว้ในอุปกรณ์ ให้ถอดสายไฟออก จัดเก็บแบตเตอรี่ในสถานที่เย็น เพื่อไม่ให้ประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่คลายเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เย็นจัด ให้ชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม ความถ่วงจำเพาะของแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มคือ 1.265 ถึง 1.299
โมดูลควบคุมแบบมาตรฐาน (Standard Control Module หรือ SCM) คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่บรรจุมาในกล่องและออกแบบมาให้ใช้งานกับอุปกรณ์ได้ทุกแบบ โมดูลใช้ส่วนประกอบแบบโซลิดสเตตและแบบกลไก เพื่อตรวจสอบติดตามและควบคุมฟีเจอร์ทางไฟฟ้ามาตรฐานที่จำเป็นต่อการใช้งานผลิตภัณฑ์อย่างปลอดภัย
โมดูลจะตรวจสอบอินพุตประเภทต่างๆ เช่น เกียร์ว่าง, เบรกมือ, PTO, การสตาร์ท, การลับคม และอุณหภูมิสูง รวมทั้งจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับเอาต์พุตต่างๆ เช่น PTO, สตาร์ทเตอร์ และโซเลนอยด์ ETR (จ่ายกระแสไฟฟ้าเพื่อทำงาน)
โมดูลแบ่งออกเป็นส่วนอินพุตกับเอาต์พุต ซึ่งจำแนกด้วยไฟ LED สีเขียวบนแผ่นวงจรพิมพ์
อินพุตของวงจรสตาร์ทจะใช้กำลังไฟฟ้า 12 VDC ส่วนอินพุตอื่นๆ ทั้งหมดจะได้รับกระแสไฟฟ้าเมื่อวงจรต่อเข้ากับกราวด์ อินพุตแต่ละประเภทจะมีไฟ LED ของตัวเอง ซึ่งจะส่องสว่างขึ้นเมื่อวงจรนั้นได้รับกระแสไฟฟ้า ดังนั้น คุณจึงสามารถใช้ LED อินพุตในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับวงจรสวิตช์และอินพุตได้
วงจรเอาต์พุตจะได้รับกระแสไฟฟ้าตามเงื่อนไขอินพุตที่เหมาะสม เอาต์พุตแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ PTO, ETR และสตาร์ท ไฟ LED เอาต์พุตแสดงให้เห็นเงื่อนไขที่บ่งชี้ว่ามีแรงดันไฟฟ้าที่เทอร์มินัลเอาต์พุต 1 ใน 3
วงจรเอาต์พุตนำมาใช้พิจารณาความถูกต้องสมบูรณ์ของอุปกรณ์เอาต์พุตไม่ได้ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาทางไฟฟ้าจึงต้องอาศัยการตรวจสอบ LED เอาต์พุตและอุปกรณ์แบบดั้งเดิม รวมถึงการทดสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของชุดสายไฟร่วมด้วย ให้วัดความต้านทานของส่วนประกอบที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับไฟฟ้า ความต้านทานผ่านชุดสายไฟ (ไม่ได้เชื่อมต่อกับ SCM) หรือใช้วิธี “ลองจ่ายกระแสไฟฟ้า” ไปยังส่วนประกอบที่ต้องการตรวจสอบชั่วคราว
SCM ไม่ต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ภายนอกหรืออุปกรณ์แบบพกพา ตั้งโปรแกรมใหม่ไม่ได้ และไม่บันทึกข้อมูลการแก้ไขปัญหาความผิดปกติที่เกิดขึ้นเป็นช่วงๆ
สติกเกอร์บน SCM แสดงเป็นสัญลักษณ์เท่านั้น โดยสัญลักษณ์เอาต์พุต LED จะอยู่ในช่องเอาต์พุต ส่วนไฟ LED อื่นๆ ที่เหลือเป็นอินพุต โปรดดูคำอธิบายสัญลักษณ์จากแผนภาพต่อไปนี้
ต่อไปนี้คือขั้นตอนการแก้ไขปัญหาลอจิกสำหรับอุปกรณ์ SCM
ประเมินหาความผิดปกติของเอาต์พุตที่คุณกำลังจะแก้ไข (PTO, สตาร์ท หรือ ETR)
เลื่อนสวิตช์กุญแจไปยังตำแหน่งเปิด ไฟ LED สีแดงที่แสดงสถานะของกระแสไฟฟ้าจะต้องสว่างขึ้นมา
เปิดสวิตช์อินพุตทั้งหมดเพื่อให้ไฟ LED ทุกดวงเปลี่ยนสถานะ
วางอุปกรณ์อินพุตไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อให้ได้เอาต์พุตที่เหมาะสม ใช้ตารางลอจิกต่อไปนี้ในการประเมินเงื่อนไขอินพุตที่เหมาะสม
หาก LED เอาต์พุตสว่างขึ้นโดยที่ไม่มีฟังก์ชันการทำงานของเอาต์พุตที่เหมาะสม ให้ตรวจสอบชุดสายไฟ ขั้วต่อ และส่วนประกอบฝั่งเอาต์พุต แล้วซ่อมแซมตามความจำเป็น
หาก LED เอาต์พุตไม่สว่างขึ้น ให้เช็คฟิวส์ทั้งคู่
หาก LED เอาต์พุตไม่สว่างขึ้น แต่อินพุตอยู่ในเงื่อนไขที่เหมาะสมแล้ว ให้ติดตั้ง SCM เครื่องใหม่ และดูว่าความผิดปกติหายไปหรือไม่
แต่ละแถว (แนวขวาง) ในตารางลอจิกด้านล่างแสดงข้อกำหนดอินพุตและเอาต์พุตสำหรับแต่ละฟังก์ชันของผลิตภัณฑ์ ส่วนคอลัมน์ด้านซ้ายมือคือฟังก์ชันของผลิตภัณฑ์ สัญลักษณ์แสดงเงื่อนไขของวงจร เช่น มีการจ่ายกระแสไฟฟ้า ต่อกับกราวด์ และไม่ต่อกับกราวด์
อินพุต | เอาต์พุต | ||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ฟังก์ชัน | กำลัง เปิด | เกียร์ว่าง | สตาร์ท เปิด | เบรก เปิด | PTO เปิด | อยู่บนที่นั่ง | อุณหภูมิสูง | การลับคม | สตาร์ท | ETR | PTO |
สตาร์ท | — | — | + | O | O | — | O | O | + | + | O |
ใช้งาน (ปิด) | — | — | O | O | O | O | O | O | O | + | O |
ใช้งาน (เปิด) | — | O | O | — | O | — | O | O | O | + | O |
ตัดหญ้า | — | O | O | — | — | — | O | O | O | + | + |
การลับคม | — | — | O | O | — | O | O | — | O | + | + |
อุณหภูมิสูง | — | O | — | O | O | O |
(–) แสดงว่าวงจรต่อเข้ากับกราวด์—LED เปิด
(O) แสดงว่าวงจรไม่ได้ต่อเข้ากับกราวด์หรือไม่มีการจ่ายกระแสไฟฟ้า —LED ปิด
(+) แสดงว่าวงจรมีการจ่ายกระแสไฟฟ้า (คลัตช์คอยล์, โซเลนอยด์ หรืออินพุตสตาร์ท)—LED เปิด
หากเว้นว่างไว้แสดงว่าวงจรนั้นไม่เกี่ยวข้องกับลอจิกดังกล่าว
ในการแก้ไขปัญหา ให้บิดกุญแจโดยไม่สตาร์ทเครื่องยนต์ ระบุฟังก์ชันที่ผิดปกติและตรวจสอบตารางลอจิก ตรวจสอบเงื่อนไขของ LED อินพุตแต่ละดวง เพื่อให้แน่ใจว่าตรงกับตารางลอจิก
หาก LED อินพุตถูกต้อง ให้ตรวจสอบ LED เอาต์พุต หาก LED เอาต์พุตสว่าง แต่ไม่มีการจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์ ให้วัดแรงดันไฟฟ้าที่อุปกรณ์เอาต์พุต ความต่อเนื่องทางไฟฟ้าของอุปกรณ์ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับวงจรไฟฟ้า และแรงดันไฟฟ้าที่อาจจะมีอยู่ในวงจรกราวด์ (กราวด์ลอย) การซ่อมแซมจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัญหาที่คุณตรวจพบ