รถลากพ่วง Greensmaster® Flex™ 1018 และ 1021

ทำตามขั้นตอนการบำรุงรักษาประจำวัน โปรดดู รายการตรวจสอบสำหรับการบำรุงรักษารายวัน

ตรวสอบระดับน้ำมันเครื่องก่อนใช้งานทุกครั้งและหลังใช้งานทุกๆ 8 ชั่วโมง โปรดดูการตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง

ความจุถังเชื้อเพลิง: 2.0 ลิตร (0.59 แกลลอนสหรัฐ)

น้ำมันเชื้อเพลิงที่แนะนำ: น้ำมันเบนซินไม่ผสมตะกั่วที่มีอัตราออกเทน 87 ขึ้นไป (วิธีประมาณค่า (R+M)/2)

เอทานอล: ใช้น้ำมันเบนซินที่มีเอทานอลสูงสุด 10% (แก๊สโซฮอล) หรือ MTBE (เมทิลเทอร์เทียรีบิวทิลอีเธอร์) 15% โดยปริมาตร เอทานอลกับ MTBE ไม่เหมือนกัน ไม่อนุญาตให้ใช้น้ำมันเบนซินที่มีเอทานอล 15% (E15) โดยปริมาตร

• ห้ามใช้น้ำมันเบนซินที่มีเอทานอลมากกว่า 10% โดยปริมาตร เช่น E15 (มีเอทานอล 15%), E20 (มีเอทานอล 20%) หรือ E85 (มีเอทานอลไม่เกิน 85%)

• ห้ามใช้น้ำมันเบนซินผสมเมทานอล

• ห้ามจัดเก็บเชื้อเพลิงในถังเชื้อเพลิงหรือภาชนะใส่เชื้อเพลิงข้ามฤดูหนาว ยกเว้นมีการใช้น้ำยารักษาสภาพเชื้อเพลิง

• ห้ามเติมน้ำมันลงในน้ำมันเบนซิน

• เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ใช้เฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใหม่และสะอาดเท่านั้น (อายุไม่ถึง 30 วัน)

• การใช้น้ำมันเบนซินที่ไม่ผ่านการรับรองอาจทำให้การทำงานมีปัญหาและ/หรือเครื่องยนต์เสียหาย ซึ่งอาจไม่ได้รับความคุ้มครองในการรับประกัน

1. เช็ดทำความสะอาดรอบๆ ฝาถังเชื้อเพลิงและเปิดฝาออก (รูป 14) เติมน้ำมันจนระดับน้ำมันถึงด้านล่างสุดของคอช่องเติม โปรดดูคู่มือผู้ใช้ของเครื่องยนต์

   Important: อย่าเติมน้ำมันเชื้อเพลิงมากเกินไป

   

   รูป 14

   1. ฝาถังน้ำมัน

2. ปิดฝาถังเชื้อเพลิงและเช็ดน้ำมันที่หก

อัตราเล็มหญ้ากำหนดโดยการตั้งค่าอุปกรณ์ดังต่อไปนี้:

• ความเร็วใบมีดพวง: คุณสามารถปรับความเร็วใบมีดพวงเป็นความเร็วสูงหรือต่ำได้ โปรดดู การปรับความเร็วใบมีดพวง

• ตำแหน่งรอกขับใบมีดพวง: คุณสามารถกำหนดตำแหน่งรอกขับใบมีดพวงได้ 2 ตำแหน่ง โปรดดูคู่มือผู้ใช้ของชุดตัดหญ้า

หากต้องการกำหนดความเร็วใบมีดพวงและตำแหน่งรอกขับใบมีดพวงเพื่อให้ได้อัตราเล็มหญ้าที่เหมาะสม โปรดดูตารางต่อไปนี้

อัตราเล็มหญ้า

ใช้ปุ่มควบคุมความเร็วใบมีดพวง (รูป 15) ปรับความเร็วใบมีดพวง

• ความเร็วสูง: หมุนปุ่มจนกระทั่งตัวอักษร “H” บนปุ่มหันไปทางด้านหน้าของอุปกรณ์

• ความเร็วต่ำ: หมุนปุ่มจนกระทั่งตัวอักษร “L” บนปุ่มหันไปทางด้านหน้าของอุปกรณ์

รูป 15

1. ปุ่มควบคุมความเร็วใบมีดพวง (ในตำแหน่งความเร็วสูง)

ใช้ตัวปรับความสูงมือจับ (ตัวปรับความสูงมือจับ) เพื่อปรับระดับความสูงของมือจับไปยังตำแหน่งที่ใช้งานได้สะดวก

1. ปล่อยคานคลัตช์ ใช้คันโยกลิ้นเร่งลดความเร็วเครื่องยนต์ แล้วดับเครื่องยนต์

2. ดันขาตั้งไปที่ตำแหน่งซ่อมบำรุงล้อเคลื่อนย้าย โปรดดูขาตั้ง

3. ถอดล้อเคลื่อนย้ายโดยการดันคลิปล็อกล้อออกมาจากเพลา (รูป 16)

   

   รูป 16

   1. เพลา
   2. คลิปล็อกล้อ

4. ค่อยๆ นำอุปกรณ์ลงมาจากขาตั้งด้วยความระมัดระวังโดยดันอุปกรณ์ไปด้านหน้าช้าๆ หรือยกส่วนรองรับมือจับด้านล่าง วิธีนี้จะทำให้ขาตั้งดีดกลับไปยังตำแหน่งจัดเก็บ โปรดดู ขาตั้ง

ใช้คันปรับปริมาณอากาศช่วยสตาร์ทเครื่องยนต์เย็น ดันคันปรับไปที่ตำแหน่งปรับปริมาณอากาศเมื่อต้องสตาร์ทเครื่องยนต์เย็น หลังจากเครื่องยนต์สตาร์ท ให้ดันคันปรับไปที่ตำแหน่งใช้งาน

รูป 17

1. คันปรับปริมาณอากาศ—ตำแหน่งปรับปริมาณอากาศ
2. คันปรับปริมาณอากาศ—ตำแหน่งใช้งาน

ใช้วาล์วตัดการจ่ายน้ำมันเพื่อควบคุมการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังเครื่องยนต์ โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

• หากต้องการเปิดวาล์วเชื้อเพลิง ให้บิดคันตัดการจ่ายน้ำมันไปทางมือจับสตาร์ทแบบดึง (รูป 18)

• หากต้องการปิดวาล์วเชื้อเพลิง ให้บิดคันตัดการจ่ายน้ำมันออกห่างจากมือจับสตาร์ทแบบดึง (รูป 18)

  

  รูป 18

  1. คันตัดการจ่ายน้ำมัน—ตำแหน่งปิด
  2. คันตัดการจ่ายน้ำมัน—ตำแหน่งเปิด

Note: หากต้องการดูภาพประกอบและคำอธิบายการควบคุมระบบต่างๆ ที่กล่าวถึงในหัวข้อนี้ โปรดดู การควบคุม

Note: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสายไฟของหัวเทียนเชื่อมต่อกับหัวเทียน

1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคันควบคุมการขับเคลื่อนอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง

2. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าวาล์วตัดการจ่ายน้ำมันเปิดอยู่ โปรดดู การเปิดและปิดวาล์วตัดการจ่ายน้ำมัน

3. กดสวิตช์เปิด/ปิดไปที่ตำแหน่งเปิด

4. ใช้คันโยกลิ้นเร่งเพิ่มความเร็วเครื่องยนต์

5. ดันคันปรับปริมาณอากาศไปยังกึ่งกลางระหว่างตำแหน่งปรับปริมาณอากาศกับตำแหน่งใช้งานเมื่อต้องสตาร์ทเครื่องยนต์เย็น โปรดดู การใช้คันปรับปริมาณอากาศ

   Note: การปรับปริมาณอากาศไม่จำเป็น ถ้าสตาร์ทเครื่องยนต์อุ่น

6. ดึงมือจับสตาร์ทแบบดึงออกมาเพื่อตรวจเช็คว่าใช้งานได้ จากนั้นดึงเร็วๆ เพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์

   Important: อย่าดึงเชือกจนสุดหรือปล่อยมือจับสตาร์ทเมื่อเชือกดึงออกมา เพราะเชือกอาจขาด หรือชุดดึงกลับอาจเสียหาย

7. ดันคันปรับปริมาณอากาศไปยังตำแหน่งใช้งานเมื่อเครื่องยนต์อุ่นขึ้น

Important: เศษหญ้าที่ถูกตัดออกมาทำหน้าที่เป็นเสมือนน้ำยาหล่อลื่นขณะตัดหญ้า การใช้ชุดตัดหญ้าโดยไม่มีเศษหญ้านานเกินไปอาจทำให้ชุดตัดหญ้าเสียหายได้

• ตัดหญ้าสนามกรีนในทิศทางไปกลับข้ามสนามกรีน

• หลีกเลี่ยงการตัดหญ้าเป็นวงกลมหรือเลี้ยวอุปกรณ์ในสนามกรีนเพื่อป้องกันไม่ให้ครูดกับสนาม

• เลี้ยวอุปกรณ์ด้านนอกสนามกรีนโดยยกใบมีดพวง (กดมือจับลง) และเลี้ยวเป็นวงแคบโดยใช้ดรัมขับเคลื่อนเป็นแกนหมุน (รูป 19)

  

  รูป 19

• ตัดหญ้าด้วยจังหวะการเดินตามปกติ การเดินตัดหญ้าเร็วๆ ประหยัดเวลาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และทำให้คุณภาพการตัดด้อยลง

• ใช้แถบจัดแนวบนตะกร้าช่วย เพื่อให้ตัดหญ้าในสนามกรีนเป็นแนวตรง และรักษาระยะห่างระหว่างอุปกรณ์กับแนวตัดก่อนหน้าให้เท่ากันตลอด (รูป 20)

  

  รูป 20

  1. แถบจัดแนว

1. ปล่อยคานคลัตช์

2. ปรับคันโยกลิ้นเร่งไปยังตำแหน่งช้า

3. กดสวิตช์เปิด/ปิดไปที่ตำแหน่งปิด

4. ปิดวาล์วตัดการจ่ายน้ำมันก่อนจัดเก็บหรือเคลื่อนย้ายอุปกรณ์

1. ขับอุปกรณ์ออกไปนอกสนามกรีน กดมือจับลงเพื่อยกชุดตัดหญ้าขึ้น ปล่อยคานคลัตช์ หยุดใช้งานชุดตัดหญ้า และดับเครื่องยนต์

2. ถอดตะกร้าหญ้าออกมา แล้วเทเศษหญ้าทิ้ง

3. ติดตั้งตะกร้าหญ้าเข้ากับอุปกรณ์ แล้วเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ไปจัดเก็บ

หลังจากตัดหญ้าเสร็จ ให้เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ออกจากพื้นที่ทำงาน โปรดดู การเคลื่อนย้ายอุปกรณ์โดยใช้ล้อเคลื่อนย้ายการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์โดยใช้รถพ่วง

1. ดันขาตั้งไปที่ตำแหน่งซ่อมบำรุงล้อเคลื่อนย้าย โปรดดูขาตั้ง

2. เลื่อนล้อเข้าไปบนเพลา (รูป 21)

   

   รูป 21

   1. เพลา
   2. คลิปล็อกล้อ

3. ดันคลิปล็อกล้อ (รูป 21) ออกจากตรงกลางของล้อ เพื่อให้ล้อเลื่อนออกมาบนเพลา

4. หมุนล้อไปมาจนกระทั่งเลื่อนหลุดออกมาจากเพลา และคลิปล็อกล้อล็อกเข้ากับร่องบนแกนเพลา

5. ทำซ้ำขั้นตอนเดียวกันนี้ที่ฝั่งหนึ่งของอุปกรณ์

6. ค่อยๆ ลดอุปกรณ์ลงจากขาตั้งด้วยความระมัดระวัง

คุณสามารถตัดการทำงานของดรัมออกจากระบบส่งกำลังได้เพื่อบังคับเลี้ยวอุปกรณ์ โดยให้ตัดการทำงานของระบบส่งกำลังเมื่อต้องการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์โดยไม่สตาร์ทเครื่องยนต์ (เช่น เมื่อทำงานบำรุงรักษาในพื้นที่ปิด)

ก่อนใช้งานอุปกรณ์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณใช้งานระบบส่งกำลังอยู่

1. หาตำแหน่งของคันควบคุมการขับเคลื่อนบนกระปุกเกียร์ (รูป 19)

   

   รูป 22

   1. คันควบคุมการขับเคลื่อน—ตำแหน่งหยุดใช้งาน
   2. กระปุกเกียร์
   3. คันควบคุมการขับเคลื่อน—ตำแหน่งใช้งาน

2. ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อใช้งานและหยุดใช้งาน+ระบบส่งกำลัง

   • หยุดใช้งาน: หมุนคันควบคุมการขับเคลื่อนไปยังตำแหน่งหยุดใช้งาน

   • ใช้งาน: หมุนคันควบคุมการขับเคลื่อนไปยังตำแหน่งใช้งาน

ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ก่อนซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือปรับอุปกรณ์

1. จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ

2. ดับเครื่องยนต์

3. เข้าเบรกจอด

4. รอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวหยุดนิ่งและเครื่องยนต์เย็น ก่อนซ่อมบำรุง จัดเก็บ หรือซ่อมแซม

5. ถอดสายไฟหัวเทียน (รูป 23)

   

   รูป 23

   1. สายไฟหัวเทียน

ก่อนสตาร์ท ให้เติมน้ำมันเครื่องที่มีความหนืดเหมาะสมประมาณ 0.56 ลิตร (19 ออนซ์ของเหลว) ลงในห้องข้อเหวี่ยง เครื่องยนต์ใช้น้ำมันคุณภาพสูงที่มีค่ามาตรฐาน SJ ขึ้นไปตามการจัดอันดับของ American Petroleum Institute (API) เลือกน้ำมันที่มีความหนืด (น้ำหนัก) เหมาะสม โดยพิจารณาตามอุณหภูมิแวดล้อม รูป 24 ให้คำแนะนำเกี่ยวกับอุณหภูมิ/ความหนืดของน้ำมัน

รูป 24

Note: น้ำมันเกรดรวม (5W-20, 10W-30 และ 10W-40) ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าปกติ ดังนั้น ควรตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องให้บ่อยขึ้นเมื่อคุณใช้น้ำมันประเภทนี้

Important: อย่าเดินเครื่องยนต์โดยไม่มีชุดตัวกรองอากาศ เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายอย่างรุนแรง

1. ดับเครื่องยนต์ และรอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง โปรดดู การดับเครื่องยนต์

2. ถอดน็อตหางปลาที่ยึดฝาครอบกรองอากาศออก (รูป 27)

3. ถอดฝาครอบกรองอากาศออก

   Note: ระวังอย่าให้ฝุ่นหรือสิ่งสกปรกจากฝาครอบกรองอากาศร่วงเข้าไปในฐาน

4. ถอดไส้กรองโฟมและไส้กรองกระดาษออกจากฐาน

5. ถอดไส้กรองโฟมออกจากไส้กรองกระดาษ

6. ตรวจสภาพไส้กรองโฟมและไส้กรองกระดาษ เปลี่ยนใหม่ถ้าพบว่าเสียหายหรือสกปรกเกินไป

   

   รูป 27

   1. น็อตหางปลา
   2. ฝาครอบกรองอากาศ
   3. ไส้กรองโฟม
   4. ไส้กรองกระดาษ
   5. ปะเก็นและท่ออากาศ

7. ทำความสะอาดไส้กรองกระดาษ โดยการเคาะเบาๆ เพื่อให้สิ่งสกปรกหลุดออกมา

   Note: อย่าพยายามใช้แปรงปัดฝุ่นออกจากไส้กรองกระดาษ เพราะแรงปัดจะดันฝุ่นเข้าไปในเส้นใย เปลี่ยนไส้กรองเป็นอันใหม่ หากเคาะแล้วฝุ่นไม่หลุดออกมา

8. ทำความสะอาดไส้กรองโฟมด้วยน้ำสบู่อุ่นๆ หรือในสารละลายที่ไม่ติดไฟ

   Note: ห้ามใช้น้ำมันเบนซินทำความสะอาดไส้กรองโฟม เพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้หรือระเบิดได้

9. ล้างและผึ่งไส้กรองโฟมให้แห้งสนิท

10. เช็ดสิ่งสกปรกออกจากฐานและฝาครอบด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ

    Note: ระวังอย่าให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกร่วงลงไปในท่ออากาศที่ต่อเข้ากับคาร์บูเรเตอร์

11. ติดตั้งตัวกรองอากาศ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวกรองอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ขันน็อตหางปลา

12. ปิดฝาครอบและขันน็อตหางปลาตัวบนเพื่อยึดไว้

ใช้หัวเทียน NGK BPR6ES หรือเทียบเท่า

1. ดับเครื่องยนต์ และรอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง โปรดดู การดับเครื่องยนต์

2. ทำความสะอาดบริเวณรอบๆ หัวเทียน

3. ถอดหัวเทียนออกจากหัวกระบอกสูบ

   Important: เปลี่ยนหัวเทียนที่แตกร้าว สกปรก หรือเสื่อมสภาพ ห้ามพ่นทราย ขูด หรือทำความสะอาดอิเล็กโทรด เพราะเศษผงที่หลุดรอดเข้าไปในกระบอกสูบอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้

4. ระยะห่างเขี้ยวหัวเทียนต้องอยู่ที่ 0.7 ถึง 0.8 มม. (0.028 ถึง 0.031 นิ้ว)

   

   รูป 28

   1. ฉนวนอิเล็กโทรดแกนกลาง
   2. อิเล็กโทรดข้าง
   3. ระยะห่างเขี้ยว

5. ใส่หัวเทียนด้วยความระมัดระวังโดยใช้มือ (เพื่อป้องกันไม่ให้เกลียวทำมุมขัดกัน) จนกระทั่งแน่น

6. ขันหัวเกลียวเพิ่มอีก 1/2 รอบ ถ้าเป็นหัวเทียนอันใหม่ แต่ถ้าเป็นหัวเทียนเก่า ให้ขันเพิ่มเพียง 1/8 ถึง 1/4 รอบ

   Important: หากหัวเทียนหลวมอาจจะร้อนมากและทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ แต่หากขันหัวเทียนแน่นเกินไปก็อาจทำให้เกลียวในหัวกระบอกสูบเสียหายได้เช่นกัน

7. ต่อสายไฟหัวเทียนเข้ากับหัวเทียน

ปรับสายควบคุมการขับเคลื่อนจนได้ระยะห่าง 1.1 มม. (0.045 นิ้ว) ระหว่างจานคลัตช์กับแผ่นอัดคลัตช์

1. ถอดฝาครอบคลัตช์ออกเพื่อเข้าถึงจานคลัตช์กับแผ่นอัดคลัตช์ (รูป 29)

   

   รูป 29

   1. ฝาครอบคลัตช์
   2. สลักเกลียว

2. ถอดน็อตสวมทับออกและปรับสายควบคุมการขับเคลื่อน จนได้ระยะห่าง 1.1 มม. (0.045 นิ้ว) ระหว่างจานคลัตช์กับแผ่นอัดคลัตช์ (รูป 30 และ รูป 31)

   

   รูป 30

   1. สายควบคุมการขับเคลื่อน
   2. น็อตสวมทับ
   

   รูป 31

   1. จานคลัตช์
   2. แผ่นอัดคลัตช์
   3. ระยะห่าง 1.1 มม. (0.045 นิ้ว)

ปรับเบรกซ่อมบำรุง/เบรกจอด หากเบรกลื่นระหว่างใช้งาน

1. ปลดเบรกจอด

2. วัดระยะฟรีที่ปลายก้านคันเบรกจอด (รูป 32)

   ระยะฟรีของก้านคันเบรกจอดควรอยู่ระหว่าง 12.7 ถึง 25.4 มม. (0.50 ถึง 1 นิ้ว) หากระยะฟรีแตกต่างจากนี้ ให้ทำตามขั้นตอนที่ 3 เพื่อปรับสายเบรก

   

   รูป 32

   1. ก้านคันเบรกจอด
   2. ระยะฟรีที่เหมาะสมคือ 12.7 ถึง 25.4 มม. (0.50 ถึง 1 นิ้ว)

3. ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อปรับความตึงของสายเบรก

   • หากต้องการเพิ่มความตึงสายเบรก ให้คลายน็อตสวมทับสายเบรกด้านหน้าและขันน็อตสวมทับด้านหลังเพิ่ม (รูป 33) ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2 และปรับความตึง ถ้าจำเป็น

   • หากต้องการลดความตึงสายเบรก ให้คลายน็อตด้านหลังและขันน็อตสวมทับด้านหน้าเพิ่ม (รูป 33) ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2 และปรับความตึง ถ้าจำเป็น

รูป 33

1. น็อตสวมทับด้านหน้า
2. น็อตสวมทับด้านหลัง
3. สายเบรก

หากต้องการเพิ่มความตึงของสายควบคุมใบมีดพวง ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. หมุนปุ่มควบคุมความเร็วใบมีดพวงไปยังตำแหน่งความเร็วสูง โปรดดู การปรับความเร็วใบมีดพวง

2. คลายน็อตสวมทับด้านหลัง และขันน็อตสวมทับด้านหน้า (รูป 34)

รูป 34

1. น็อตสวมทับด้านหลัง
2. น็อตสวมทับด้านหน้า
3. สายควบคุมใบมีดพวง

หากต้องการปรับความเร็วเครื่องยนต์รอบเดินเบาและรอบเดินสูง ให้ปรับท่อสายคันเร่งและตัวหยุดสายคันเร่ง โปรดดู การปรับความเร็วเครื่องยนต์รอบเดินเบา และ การปรับความเร็วเครื่องยนต์รอบเดินสูง

1. ดันขาตั้งไปที่ตำแหน่งซ่อมบำรุงชุดตัดหญ้า โปรดดู ขาตั้ง

2. วางชุดตัดหญ้าให้ตรงกับโครง

3. ดันสลักระบบกันสะเทือนลงมาเพื่อยึดชุดตัดหญ้าเข้ากับอุปกรณ์ (รูป 37)

   

   รูป 37

   1. สลัก
   2. ห่วงรัด
   3. ท่อหกเหลี่ยม
   4. เพลาขั้วต่อ

4. เลื่อนห่วงรัดออกจากร่องบนเพลาขั้วต่อของระบบส่งกำลัง แล้วสอดท่อหกเหลี่ยมเข้าไปในเพลาขั้วต่อของชุดตัดหญ้า (รูป 37)

5. ติดตั้งตะกร้าหญ้า

Note: ท่อหกเหลี่ยมจะถูกปลดออก หากคุณใช้งานตัวขับใบมีดพวงเมื่อถอดชุดตัดหญ้าออก

1. ดันขาตั้งไปที่ตำแหน่งซ่อมบำรุงชุดตัดหญ้า โปรดดู ขาตั้ง

2. ถอดตะกร้าหญ้า (ถ้าติดตั้งอยู่)

3. ใส่ห่วงรัด (รูป 38) เข้าไปในร่องบนเพลาขั้วต่อ

   Note: การทำแบบนี้จะช่วยระบายแรงตึงของสปริง

4. เลื่อนท่อหกเหลี่ยมออกจากเพลาขั้วต่อของชุดตัดหญ้า (รูป 38)

   

   รูป 38

   1. ห่วงรัด
   2. ท่อหกเหลี่ยม
   3. เพลาขั้วต่อ
   4. สลัก

5. ดันสลักระบบกันสะเทือนขึ้นเพื่อปลดชุดตัดหญ้าออกจากอุปกรณ์ (รูป 38)

6. ถอดชุดตัดหญ้าออกจากโครงอุปกรณ์

หากต้องการลับคมชุดตัดหญ้า ให้ใช้ชุดลับคม Access (รุ่น 139-4342) โปรดดูคำแนะนำการใช้งานในชุดคำแนะนำในการติดตั้ง ติดต่อตัวแทนจำหน่าย Toro เพื่อซื้อชุด