ผลิตภัณฑ์นี้ได้มาตรฐานตามคำสั่งยุโรปที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หากต้องการรายละเอียด โปรดดูเอกสารรับรองมาตรฐานชิ้นส่วนประกอบ (DOI) ที่ด้านหลังของสิ่งพิมพ์ฉบับนี้
แคลิฟอร์เนีย
คำเตือนข้อเสนอ 65
ไอเสียเครื่องยนต์จากผลิตภัณฑ์นี้มีสารเคมีที่รัฐแคลิฟอร์เนียทราบว่าเป็นสาเหตุการเกิดโรคมะเร็ง ความพิการแต่กำเนิด หรืออันตรายต่อระบบสืบพันธุ์อื่นๆ
แท่นแบตเตอรี่ ขั้วแบตเตอรี่ และส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องมีตะกั่วและสารประกอบตะกั่วเป็นส่วนผสม ซึ่งเป็นสารเคมีที่รัฐแคลิฟอร์เนียทราบว่าเป็นสาเหตุการเกิดโรคมะเร็ง และเป็นอันตรายต่อระบบสืบพันธุ์ ล้างมือหลังจากหยิบจับ
![]() |
ป้ายและคำแนะนำด้านความปลอดภัยมองเห็นได้ชัดเจน และติดอยู่ใกล้กับบริเวณที่มีโอกาสเกิดอันตราย เปลี่ยนป้ายที่เสียหายหรือหายไป |





Important: อุปกรณ์นี้ต้องนำไปใช้ได้กับ ProPass ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์ลากพ่วงตามหลังเท่านั้น
ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:
| ชุดถังไฮดรอลิก | 1 |
| โครงยึดส่วนนำท่ออ่อน | 1 |
การติดตั้งชุดอุปกรณ์โดยไม่ถอดระบบไฮดรอลิกและแหล่งจ่ายไฟภายนอกทั้งหมดออกก่อนอาจทำให้คุณถูกไฟฟ้าช็อต และ/หรือน้ำมันไฮดรอลิกที่มีแรงดัน ซึ่งก่อให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตได้
ก่อนการติดตั้งชุดต้นกำลัง ให้ถอดระบบไฮดรอลิกและแหล่งจ่ายไฟภายนอกทั้งหมดออกก่อน
จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ ลดระดับแม่แรง ปลดอุปกรณ์ออกจากชุดลากจูง และขัดล้อหน้าและล้อหลัง
ทำตามคำแนะนำที่ระบุในคู่มือผู้ใช้งานของอุปกรณ์ ถอด Twin Spinner และยึดท่อกำลังไฮดรอลิกและท่อเดินกลับ
Important: ProPass บางรุ่นมีผนังท้ายแชสซีที่เจาะไว้ล่วงหน้าแล้ว หากอุปกรณ์ของคุณมีผนังท้ายแชสซีที่เจาะไว้ล่วงหน้า โปรดดู การยึดเครื่องยนต์
ถอดสลักยึด 2 ตัวจากผนังท้ายแชสซีออกมาเก็บไว้ เพื่อให้ยึดถังไฮดรอลิกได้
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผนังท้ายแชสซีว่างและสามารถยึดถังไฮดรอลิกได้
แกะชุดถังไฮดรอลิกออกจากลัง
ยกถังไฮดรอลิกจากด้านล่างและวางถังเข้ากับผนังท้ายแชสซี จัดวางถังไว้ตรงกลางให้ด้านซ้ายและด้านขวามีระยะเท่ากัน และควรวางในแนวตั้ง (รูป 1)

ข้อต่อทางเข้าและทางออก รวมถึงโครงยึดส่วนนำท่ออ่อนทั้งหมดจะต้องติดตั้งอย่างเรียบร้อยภายในรูกลมบนผนังท้ายแชสซี (รูป 2)

ถังไฮดรอลิกจะต้องวางเสมอกันในแนวระนาบ
ใช้ข้อรัดตัว C หรืออุปกรณ์ที่คล้ายกัน รัดถังไฮดรอลิกให้แน่นอยู่กับที่บนผนังท้ายแชสซีไว้ชั่วคราว
ถังไฮดรอลิกจะต้องวางเสมอกันในแนวระนาบ
ขีดทำเครื่องหมายตำแหน่งของรูยึดถังไฮดรอลิกบนผนังท้ายแชสซี
คลายข้อรัดและถอดถังไฮดรอลิก
เจาะรอยตรงตำแหน่งที่ทำเครื่องหมายไว้
เจาะรูขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 7/16 นิ้วบนผนังท้ายแชสซีตรงตำแหน่งที่ทำเครื่องหมายและเจาะรอยไว้แต่ละจุด
ลบคมแต่ละรูให้เรียบร้อย
ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:
| ชุดเครื่องยนต์ | 1 |
| สลักเกลียว (½ x 5 นิ้ว) | 2 |
| แบตเตอรี่ | 1 |
| ส่วนกดยึดแบตเตอรี่ | 1 |
| แถบยึดแบตเตอรี่ | 1 |
| สลักเกลียวแบตเตอรี่ | 2 |
| ตัวคั่นสลักเกลียวแบตเตอรี่ | 2 |
| แหวน | 2 |
| น็อตมีบ่า | 2 |
ท่อเหล็กต่อพ่วงต้องสะอาด ไม่มีฝุ่นหรือสิ่งสกปรก
แกะชุดเครื่องยนต์ออกจากบรรจุภัณฑ์
คลายสลักเกลียวและน็อต 2 ชุดที่ทำหน้าที่ยึดโครงยึดเครื่องยนต์เข้ากับเพลทยึดเครื่องยนต์ แต่ไม่ต้องถอดออก (รูป 3)

ถอดน็อต 2 ตัวที่ทำหน้าที่ยึดแถบกดยึดแบตเตอรี่ให้อยู่กับที่ออก และวางน็อต แหวน และหลอดสลักเกลียวไว้อีกทางหนึ่ง (รูป 4)

ถอดแบตเตอรี่ออกจากตำแหน่งบนชุดอุปกรณ์ และวางตัวกรองน้ำมันเกียร์บนเพลทฐาน
เปลี่ยนแบตเตอรี่ โปรดดู การชาร์จแบตเตอรี่
ให้ใครสักคนมาช่วยคุณวางชุดเครื่องยนต์บนท่อเหล็กต่อพ่วง
โครงยึดเครื่องยนต์จะต้องคร่อมท่อเหล็กต่อพ่วง (รูป 5) และส่วนท้ายของเพลทยึดเครื่องยนต์จะต้องอยู่ห่างจากตัวรับท่อเหล็กต่อพ่วงประมาณ 25 มม. (1 นิ้ว) (รูป 6)


สอดสลักเกลียว (½ x 5 นิ้ว) 2 ตัวผ่านรูของโครงยึดเครื่องยนต์ โดยแหวนเรียบจะต้องแตะกับผิวหน้าด้านนอกแต่ละหน้าของโครงยึดเครื่องยนต์ ส่วนสลักเกลียวจะต้องสอดทะลุผ่านใต้ท่อเหล็กต่อพ่วง ใช้มือขันน็อต (½ นิ้ว) 2 ตัวดังที่แสดงใน รูป 7

ปรับโครงยึดเครื่องยนต์ให้ชิดติดกับเหล็กต่อพ่วง ขันสลักเกลียว 2 ตัวที่คลายออกในขั้นตอนที่ 3 จนแน่น
ตรวจสอบให้เพลทยึดเครื่องยนต์วางตั้งตรงและขันสลักเกลียว (½ x 5 นิ้ว) 2 ตัวจนสุดผ่านรูล่างของโครงยึดเครื่องยนต์
วางแบตเตอรี่ลงบนถาดวางแบตเตอรี่ และจัดวางขั้วตามที่แสดงใน รูป 8
วางส่วนกดยึดแบตเตอรี่ลงบนแบตเตอรี่ (รูป 8)
วางแถบยึดแบตเตอรี่ครอบด้านล่างของท่อเหล็กต่อพ่วง (รูป 8)
ที่ด้านขวา สอดสลักเกลียวแบตเตอรี่ผ่านแหวน แถบยึดแบตเตอรี่ เพลทยึดแบตเตอรี่ ถาดวางแบตเตอรี่ ตัวคั่นสลักเกลียวแบตเตอรี่ และส่วนกดยึด ติดตั้งน็อตมีบ่าไว้หลวม ๆ (รูป 8)
Note: สลักเกลียวต้องติดตั้งจากด้านล่าง
ที่ด้านซ้าย สอดสลักเกลียวแบตเตอรี่ผ่านแหวน แถบยึดแบตเตอรี่ เพลทยึดแบตเตอรี่ ถาดวางแบตเตอรี่ ตัวคั่นสลักเกลียวแบตเตอรี่ และส่วนกดยึด ติดตั้งน็อตมีบ่าไว้หลวม ๆ (รูป 8)
ทุกอย่างต้องจัดวางให้อยู่ตรงกลาง แล้วจึงขันน็อต

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:
| ส่วนนำท่ออ่อน | 1 |
| ท่อเดินกลับไฮดรอลิก (ท่ออ่อน #3) | 1 |
| ท่อดูดไฮดรอลิก (ท่ออ่อน #4) | 1 |
| สลักเกลียว (¼ x ¾ นิ้ว) | 4 |
| น็อตล็อก (¼ นิ้ว.) | 4 |
| สลักเกลียว (⅜ x 1 นิ้ว) | 4 |
| น็อตล็อก (⅜ นิ้ว) | 4 |
| แหวนเรียบ | 4 |
แกะส่วนนำท่ออ่อน ท่อเดินกลับไฮดรอลิก (ท่ออ่อน #3) ท่อดูดไฮดรอลิก (ท่ออ่อน #4) สลักเกลียว ¼ x ¾ นิ้ว) 4 ตัว และน็อตล็อก (¼ นิ้ว) 4 ตัวออกจากบรรจุภัณฑ์
Note: ถอดท่ออ่อนที่ยึดอยู่กับส่วนนำท่ออ่อน ท่อเดินกลับไฮดรอลิก และท่อดูดไฮดรอลิกเพื่อให้สะดวกสำหรับการจัดส่ง
ใช้สลักเกลียว (¼ x ¾ นิ้ว) และน็อตล็อกมีบ่า 2 ชุด ยึดส่วนนำท่ออ่อนเข้ากับโครงยึดบนถังไฮดรอลิก (รูป 9)

Note: ถอดสลักเกลียวยึด 2 ตัวออกจากผนังท้ายแชสซี ยึดถังด้วยสลักเกลียวที่ถอดออกมา
แกะสลักเกลียว (⅜ x 1 นิ้ว) และน็อตล็อกไนลอน 4 ชุดออกมาจากบรรจุภัณฑ์ ยกถังไฮดรอลิกจากด้านล่าง สอดส่วนนำท่ออ่อนและท่ออ่อนไฮดรอลิก #3 และ #4 ผ่านรูขนาดใหญ่ตรงกลางบนผนังท้ายแชสซี และวางถังไฮดรอลิกชิดกับผนังท้ายแชสซี รัดหรือใช้สลักเกลียวยึดถังไฮดรอลิกไว้ชั่วคราว
Note: ส่วนนำท่ออ่อนควรสอดผ่านรูกลางที่ด้านหน้าของแชสซี ต้องใช้ 2 คนช่วยกัน
ติดตั้งท่อเดินกลับไฮดรอลิก (#3) และท่อดูดไฮดรอลิก (#4) เข้ากับข้อต่อที่เหมาะสมบนถังไฮดรอลิก
Note: ท่ออ่อน #3 และท่ออ่อน #4 มีข้อต่อไม่เหมือนกัน ท่ออ่อนแต่ละชุดจะต้องติดตั้งเข้ากับข้อต่อที่ถูกต้องในถังไฮดรอลิกเท่านั้น
Note: ขณะยึดท่อ ต้องตรวจสอบให้มีระยะห่างเพียงพอสำหรับล้อด้วย
ส่วนนำท่ออ่อนควรวางอยู่บนแถบที่ยื่นออกมาจากขาแนวตั้งของถาดวางแบตเตอรี่ (รูป 10) หากรูในส่วนนำท่ออ่อนไม่ตรงกับรูบนแถบของถาดวางแบตเตอรี่ อาจปรับความยาวของส่วนนำท่ออ่อนได้โดยการคลายสลักเกลียวที่ยึดส่วนนำท่ออ่อนเข้ากับโครงยึดถังไฮดรอลิก และเลื่อนส่วนนำท่ออ่อนไปข้างหน้าหรือข้างหลังตามที่จำเป็น

ยึดส่วนนำท่ออ่อนเข้ากับแถบของถาดวางแบตเตอรี่โดยใช้สลักเกลียว (¼ x ¾ นิ้ว) และน็อตล็อกมีบ่า 2 ชุด (รูป 10)
ยึดถัดไฮดรอลิกเข้ากับผนังท้ายแชสซีโดยใช้สลักเกลียวยึดที่ถอดออกมาก่อนหน้านี้ รวมทั้งสลักเกลียว (⅜ x 1 นิ้ว) น็อตล็อกไนลอน และแหวนเรียบจากในชุด จากนั้นขัดอุปกรณ์ยึดให้แน่น
เชื่อมต่อท่ออ่อนไฮดรอลิก #3 เข้ากับทางออกตัวกรอง (รูป 11)

เชื่อมต่อท่ออ่อนไฮดรอลิก #4 เข้ากับด้านดูดของปั๊มไฮดรอลิก (รูป 12)

ในเวอร์ชัน SH (รุ่น 44701) ให้ถอดอุปกรณ์ยึดที่ทำหน้าที่ยึดฝาครอบเข้ากับส่วนหน้าของอุปกรณ์ออก แล้ววางฝาครอบไว้ทางหนึ่ง (รูป 13)

หาตำแหน่งของขั้วต่อแรงดันและขั้วต่อเดินกลับบนโมเดลฐานอุปกรณ์ โปรดดู รูป 14 สำหรับเวอร์ชัน SH และ รูป 15 สำหรับเวอร์ชัน EH


หากมีท่อแรงดันและท่อเดินกลับติดตั้งไว้อยู่แล้วตามตำแหน่งที่แสดงใน รูป 14 และ รูป 15 ให้ถอดออกมา
Note: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่ออ่อนไม่สัมผัสกับชิ้นส่วนที่ร้อน คม หรือเคลื่อนไหว พยายามเว้นระยะห่างจากท่อไอเสียให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
เชื่อมต่อท่อไฮดรอลิกเข้ากับแผงควบคุมไฮดรอลิก โปรดดู รูป 14 และ รูป 16 สำหรับเวอร์ชัน SH และ รูป 15 และ รูป 17 สำหรับเวอร์ชัน EH


ขันขั้วต่อและอุปกรณ์ยึดไฮดรอลิกทั้งหมดให้แน่น
ติดตั้งชุด Twin Spinner กลับเข้าที่
เชื่อมต่อสายไฟสีดำและสายไฟสีดำที่เดินสายไว้แล้วกับขั้วลบของแบตเตอรี่ และเชื่อมต่อสายไฟสีขาวและสายไฟสีแดงที่เดินสายไว้แล้วกับขั้วบวกของแบตเตอรี่
เสียบชุดสายไฟกลางเข้ากับขั้วต่อชุดสายไฟบนอุปกรณ์ (รูป 18 หรือ รูป 19)


เติมน้ำมันที่มีความหนืดเหมาะสมประมาณ 1 ลิตร (34 ออนซ์ของเหลว) ก่อนสตาร์ทเครื่อง โปรดดู การซ่อมบำรุงน้ำมันเครื่อง
Important: เครื่องยนต์จัดส่งจากโรงงานโดยไม่มีน้ำมัน ดังนั้นการสตาร์ทอุปกรณ์ก่อนเติมน้ำมันจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้
ตรวจสอบระดับน้ำมันก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรก โปรดดู การซ่อมบำรุงน้ำมันเครื่อง
เติมน้ำมันไฮดรอลิกที่เหมาะสมลงในถังไฮดรอลิก โปรดดู การซ่อมบำรุงระบบไฮดรอลิก
Important: ระบบไฮดรอลิกจะยังเติมไม่เต็มจนกว่าระบบจะทำงาน ควรตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิกและเติมน้ำมันตามที่จำเป็นเพื่อให้ได้ระดับน้ำมันที่ถูกต้องหลังจากใช้ระบบไฮดรอลิกครั้งแรก
ต้องปิดระบบควบคุมทั้งหมดขณะทำงานกับชุดต้นกำลัง
Important: เครื่องยนต์จัดส่งมาโดยไม่มีน้ำมัน โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมในคู่มือสำหรับเจ้าของเครื่องยนต์
เครื่องยนต์จัดส่งจากโรงงานโดยไม่มีน้ำมัน และต้องเติมน้ำมันประมาณ 1 ลิตร (34 ออนซ์ของเหลว) ก่อนสตาร์ท
ตรวจสอบระดับน้ำมันก่อนการสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรกและตรวจสอบทุกวันหลังจากนั้น
เครื่องยนต์ต้องใช้น้ำมันคุณภาพสูงที่ได้รับการจัด “ประเภทการใช้งาน” จากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน หรือ APl เป็น SJ, SL หรือเทียบเท่า ความหนืดของน้ำมันหรือน้ำหนักต้องเลือกตามอุณหภูมิโดยรอบ รูป 20 แสดงอุณหภูมิ/ความหนืดที่แนะนำ

จอดอุปกรณ์ให้เครื่องยนต์อยู่ในแนวระนาบ
ทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ ฝาช่องเติมน้ำมัน/ก้านวัด
เปิดฝาช่องเติมน้ำมัน/ก้านวัดโดยการหมุนทวนเข็มนาฬิกา
เช็ดก้านวัดให้สะอาดและสอดลงในช่องเติม โดยไม่ต้องขันเข้ากับช่องเติม
ดึงก้านวัดออกและตรวจสอบระดับน้ำมัน
หากระดับอยู่ใกล้กับหรือใต้ขีดล่างบนก้านวัด เติมน้ำมันให้พอถึงระดับขีดบน
Important: อย่าเติมน้ำมันในห้องข้อเหวี่ยงมากเกินไป
ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องอีกครั้ง
ปิดฝาช่องเติมน้ำมัน/ก้านวัด และเช็ดน้ำมันที่หก
Important: ตรวจสอบให้น้ำมันเครื่องอยู่ในระดับที่เหมาะสม หากระดับน้ำมันเครื่องไม่ถูกต้อง เครื่องยนต์จะกระตุก แต่ไม่สตาร์ท
อุปกรณ์จัดส่งจากโรงงานโดยไม่มีน้ำมันไฮดรอลิก ดังนั้น คุณต้องเติมน้ำมันไฮดรอลิกคุณภาพสูง 32.9 ลิตร (8.7 แกลลอนสหรัฐ) ตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิกก่อนการสตาร์ทอุปกรณ์ครั้งแรก และตรวจสอบทุกวันหลังจากนั้น น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำคือดังนี้:
| น้ำมันรถแทรกเตอร์สำหรับระบบส่งกำลัง/ไฮดรอลิกพรีเมียมของ Toro (มีจำหน่ายทั้งขนาดถัง 5 แกลลอนและถังเหล็ก 55 แกลลอน ดูหมายเลขอะไหล่ในแคตตาล็อกอะไหล่หรือสอบถามตัวแทนจำหน่าย Toro) |
น้ำมันทางเลือก: หากหาซื้อน้ำมันของ Toro ไม่ได้ คุณสามารถใช้น้ำมันไฮดรอลิกสำหรับรถแทรกเตอร์อเนกประสงค์ (UTHF) ชนิดปิโตรเลียมที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดทั้งหมดต่อไปนี้และตรงตามมาตรฐานอุตสาหกรรม เราไม่แนะนำให้ใช้น้ำมันสังเคราะห์ ปรึกษาตัวแทนจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นเพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
Important: ระบบไฮดรอลิกจะยังเติมไม่เต็มจนกว่าระบบจะทำงาน ควรตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิกและเติมน้ำมันตามที่จำเป็นเพื่อให้ได้ระดับน้ำมันที่ถูกต้องหลังจากใช้ระบบไฮดรอลิกครั้งแรก
Note: Toro จะไม่รับผิดชอบความเสียหายจากการใช้น้ำมันเปลี่ยนทดแทนที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นควรใช้ผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงน่าเชื่อถือเท่านั้น
| คุณสมบัติวัสดุ: | |||
| ความหนืด, ASTM D445 | cSt ที่ 40° C 55 ถึง 62cSt ที่ 100° C 9.1 ถึง 9.8 | ||
| ดัชนีความหนืด ASTM D2270 | 140 ถึง 152 | ||
| จุดไหลเท, ASTM D97 | -35° - 46° F | ||
| ข้อมูลจำเพาะของอุตสาหกรรม: | |||
| API GL-4, AGCO Powerfluid 821 XL, Ford New Holland FNHA-2-C-201.00, Kubota UDT, John Deere J20C, Vickers 35VQ25 และ Volvo WB-101/BM | |||
Note: น้ำมันไฮดรอลิกส่วนใหญ่เกือบจะไม่มีสี ทำให้การมองหาจุดรั่วได้ยาก สีย้อมน้ำมันระบบไฮดรอลิกสีแดงมีจัดจำหน่ายเป็นขวดขนาด 20 มล. (2/3 ออนซ์ของเหลว) ซึ่งขวดหนึ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับน้ำมันไฮดรอลิก 15 ถึง 22 ลิตร (4 ถึง 6 แกลลอนสหรัฐ) สามารถแจ้งหมายเลขสั่งซื้ออะไหล่ 44-2500 กับตัวแทนจำหน่าย Toro ที่ได้รับอนุญาต
โปรดใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งเมื่อจัดการกับน้ำมัน น้ำมันเป็นวัตถุติดไฟได้และละอองน้ำมันอาจระเบิดได้
ดับบุหรี่ ซิการ์ ไปป์ และแหล่งจุดไฟอื่นๆ ให้หมด
ใช้เฉพาะภาชนะบรรจุน้ำมันที่ผ่านการรับรองเท่านั้น
อย่าเปิดฝาถังเชื้อเพลิงหรือเติมน้ำมันเชื้อเพลิงในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงานหรือร้อนอยู่
อย่าเติมหรือระบายน้ำมันในพื้นที่อับ
อย่าจัดเก็บอุปกรณ์หรือภาชนะบรรจุน้ำมันในที่ที่มีเปลวไฟ ประกายไฟ หรือไฟนำร่อง เช่น บนเครื่องทำน้ำร้อน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
หากน้ำมันหก อย่าพยายามสตาร์ทเครื่องยนต์ หลีกเลี่ยงการสร้างแหล่งจุดไฟจนกว่าละอองน้ำมันจะระเหยไป
ความจุถังน้ำมัน: 6.1 ลิตร (1.6 แกลลอนสหรัฐ)
น้ำมันเชื้อเพลิงที่แนะนำ:
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ใช้น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วที่ใหม่และสะอาด (อายุไม่เกิน 30 วัน) และมีค่าออกเทน 87 ขึ้นไป (วิธีการคิด (R+M)/2)
เอทานอล: น้ำมันเบนซินที่มีส่วนผสมของเอทานอลไม่เกิน 10% (แก๊สโซฮอล) หรือ MTBE (เมทิลเทอเทียรีบิวทิลอีเธอร์) 15% โดยปริมาตร เอทานอลและ MTBE ไม่เหมือนกัน อุปกรณ์นี้รุ่นนี้ไม่รับรองให้ใช้น้ำมันเบนซินที่มีส่วนผสมของเอทานอล 15% (E15) โดยปริมาตร ห้ามใช้น้ำมันเบนซินที่มีส่วนผสมของเอทานอลมากกว่า 10% โดยปริมาตร เช่น E15 (มีเอทานอล 15%), E20 (มีเอทานอล 20%), E85 (มีเอทานอล 85%) การใช้น้ำมันเบนซินที่ไม่ได้รับการรับรองอาจส่งผลให้เกิดปัญหาด้านสมรรถนะของอุปกรณ์และ/หรือทำให้เครื่องยนต์เสียหาย ซึ่งการรับประกันอาจจะไม่คุ้มครอง
ห้ามใช้น้ำมันเบนซินที่มีส่วนผสมของเมทานอล
ห้ามเก็บเชื้อเพลิงไว้ในภาชนะหรือถังเชื้อเพลิงในช่วงฤดูหนาว เว้นแต่มีการใส่สารคงสภาพเชื้อเพลิง
ห้ามผสมน้ำมันเครื่องกับน้ำมันเบนซิน
ขั้นตอนการชาร์จแบตเตอรี่ทำให้เกิดก๊าซที่อาจระเบิดได้
ห้ามสูบบุหรี่ใกล้แบตเตอรี่และ อย่านำประกายไฟและเปลวไฟเข้าใกล้แบตเตอรี่โดยเด็ดขาด
ขั้วแบตเตอรี่หรือเครื่องมือโลหะอาจลัดวงจรกับส่วนประกอบโลหะของรถลากพ่วงหรืออุปกรณ์ ทำให้เกิดประกายไฟได้ ประกายไฟอาจทำให้แบตเตอรี่ปล่อยก๊าซที่ทำให้ระเบิด ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้
เมื่อถอดหรือติดตั้งแบตเตอรี่ อย่าให้ขั้วแบตเตอรี่สัมผัสกับส่วนโลหะของอุปกรณ์
อย่าให้เครื่องมือโลหะลัดวงจรระหว่างขั้วแบตเตอรี่กับส่วนโลหะใดๆ
การเดินสายไฟแบตเตอรี่ไม่ถูกต้องอาจทำให้อุปกรณ์และสายไฟเสียหาย โดยทำให้เกิดประกายไฟ ประกายไฟอาจทำให้แบตเตอรี่ปล่อยก๊าซที่ทำให้ระเบิด ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้
ถอดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ (สีดำ) ก่อนถอดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) เสมอ
ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) ก่อนต่อสายไฟขั้วลบ (สีดำ) เสมอ
ยกแบตเตอรี่ออกจากถาดวางแบตเตอรี่:
ถอดแถบกดยึดแบตเตอรี่ที่ยึดแบตเตอรี่เข้ากับถาดวางออก
ถอดสลักเกลียวและน็อตที่ยึดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ (สีดำ) เข้ากับขั้วลบ (–) ออก และถอดสายไฟขั้วลบออก
ถอดสลักเกลียวและน็อตที่ยึดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) เข้ากับแบตเตอรี่ขั้วบวก (+) ออก และถอดสายไฟขั้วบวกออก
ทำความสะอาดด้านบนของแบตเตอรี่
ต่อเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ 3-4 แอมป์เข้ากับเสาแบตเตอรี่ ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยกำลัง 3 ถึง 4 แอมป์เป็นเวลา 4 ถึง 8 ชั่วโมง
เมื่อชาร์จแบตเตอรี่แล้ว ถอดเครื่องชาร์จออกจากเต้ารับไฟฟ้าและเสาแบตเตอรี่
วางแบตเตอรี่บนถาดวางแบตเตอรี่
ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) เข้ากับแบตเตอรี่ขั้วบวก (+) ด้วยสลักเกลียวและน็อตที่ถอดออกมาก่อนหน้านี้ จากนั้นเลื่อนบูตยางครอบขั้วบวกเพื่อป้องกันการลัดวงจร
ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ (สีดำ) เข้ากับขั้วลบ (–) ด้วยสลักเกลียวและน็อตที่ถอดออกมาก่อนหน้านี้
เคลือบขั้วสายไฟและเสาแบตเตอรี่ด้วยน้ำยาเคลือบ Grafo 112X (หมายเลขอะไหล่ Toro 505-47)
ต่อแถบกดยึดแบตเตอรี่เพื่อยึดแบตเตอรี่เข้ากับถาดวาง
สายไฟแบตเตอรี่ต้องยึดกับขั้วแน่นหนา เพื่อให้ขั้วไฟฟ้าสัมผัสกันดี
การเดินสายไฟแบตเตอรี่ไม่ถูกต้องอาจทำให้อุปกรณ์และสายไฟเสียหาย โดยทำให้เกิดประกายไฟ ประกายไฟอาจทำให้แบตเตอรี่ปล่อยก๊าซที่ทำให้ระเบิด ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้
ถอดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ (สีดำ) ก่อนถอดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) เสมอ
ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) ก่อนต่อสายไฟขั้วลบ (สีดำ) เสมอ
หากขั้วสึกกร่อน ให้ถอดสายไฟ (สายขั้วลบ (-) ออกก่อน) และขูดข้อรัดและขั้วออกแยกกัน ต่อสายไฟ (สายขั้วบวก (+) ก่อน) และเคลือบขั้วด้วยปิโตรเลียมเจลลี่
ขั้วแบตเตอรี่หรือเครื่องมือโลหะอาจลัดวงจรกับส่วนประกอบรถลากพ่วงที่เป็นโลหะ และทำให้เกิดประกายไฟได้ ประกายไฟอาจทำให้แบตเตอรี่ปล่อยก๊าซที่ทำให้ระเบิด ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้
เมื่อถอดหรือติดตั้งแบตเตอรี่ อย่าให้ขั้วแบตเตอรี่สัมผัสกับส่วนโลหะของอุปกรณ์
อย่าให้เครื่องมือโลหะลัดวงจรระหว่างขั้วแบตเตอรี่สัมผัสกับส่วนโลหะของอุปกรณ์
ตรวจสอบว่าข้อรัดสายไฟแบตเตอรี่แน่นหนาดี และขันข้อรัดแบตเตอรี่ที่หลวมอยู่ให้แน่น
ตรวจหาการสึกหรอบนข้อรัดสายไฟแบตเตอรี่และขั้วแบตเตอรี่ หากพบว่าขั้วสึกหรอ ให้ทำดังนี้:
ถอดสลักเกลียวและน็อตที่ยึดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ (สีดำ) เข้ากับขั้วลบ (–) ออก และถอดสายไฟขั้วลบออก
ถอดสลักเกลียวและน็อตที่ยึดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) เข้ากับแบตเตอรี่ขั้วบวก (+) ออก และถอดสายไฟขั้วบวกออก
ทำความสะอาดข้อรัดสายไฟและขั้วแบตเตอรี่
ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) เข้ากับแบตเตอรี่ขั้วบวก (+) ด้วยสลักเกลียวและน็อตที่ถอดออกมาก่อนหน้านี้ จากนั้นเลื่อนบูตยางครอบขั้วบวกเพื่อป้องกันการลัดวงจร
ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ (สีดำ) เข้ากับขั้วลบ (–) ของแบตเตอรี่ด้วยสลักเกลียวและน็อตที่ถอดออกมาก่อนหน้านี้
เคลือบขั้วสายไฟและเสาแบตเตอรี่ด้วยน้ำยาเคลือบ Grafo 112X (หมายเลขอะไหล่ Toro 505-47)
เชื่อมต่อเหล็กต่อพ่วงเครวิสเข้ากับรถลาก ใช้หมุดต่อพ่วงความแข็งแรงสูงที่ผ่านการรับรองสำหรับรถลาก
เปิดวาล์วเชื้อเพลิง ปรับคันโยกลิ้นเร่งไว้ที่ครึ่งหนึ่ง ดึงโช้ก และสตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทแล้ว ให้ปลดโช้ก และเปิดลิ้นเร่งจนสุด
ทดสอบการทำงานของอุปกรณ์ ตรวจดูว่าไม่มีน้ำมันไฮดรอลิกรั่วไหลและทำการปรับเพิ่มเติม
หลังจากทดสอบระบบไฮดรอลิกแล้ว ตรวจสอบน้ำมันไฮดรอลิกและเติมเพิ่ม ถ้าจำเป็น
Note: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีชิ้นส่วนและสายใด ๆ ลากอยู่บนพื้นขณะใช้งาน