ผลิตภัณฑ์นี้ได้มาตรฐานตามคำสั่งยุโรปที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หากต้องการรายละเอียด โปรดดูเอกสารรับรองมาตรฐานชิ้นส่วนประกอบ (DOI) ที่ด้านหลังของสิ่งพิมพ์ฉบับนี้

คำเตือน

แคลิฟอร์เนีย

คำเตือนข้อเสนอ 65

ไอเสียเครื่องยนต์จากผลิตภัณฑ์นี้มีสารเคมีที่รัฐแคลิฟอร์เนียทราบว่าเป็นสาเหตุการเกิดโรคมะเร็ง ความพิการแต่กำเนิด หรืออันตรายต่อระบบสืบพันธุ์อื่นๆ

แท่นแบตเตอรี่ ขั้วแบตเตอรี่ และส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องมีตะกั่วและสารประกอบตะกั่วเป็นส่วนผสม ซึ่งเป็นสารเคมีที่รัฐแคลิฟอร์เนียทราบว่าเป็นสาเหตุการเกิดโรคมะเร็ง และเป็นอันตรายต่อระบบสืบพันธุ์ ล้างมือหลังจากหยิบจับ

ความปลอดภัย

สติกเกอร์ความปลอดภัยและคำแนะนำ

Graphic

ป้ายและคำแนะนำด้านความปลอดภัยมองเห็นได้ชัดเจน และติดอยู่ใกล้กับบริเวณที่มีโอกาสเกิดอันตราย เปลี่ยนป้ายที่เสียหายหรือหายไป

decal115-2047
decal119-6844
decal119-6807
decal119-6829
decal133-8062

การติดตั้ง

Important: อุปกรณ์นี้ต้องนำไปใช้ได้กับ ProPass ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์ลากพ่วงตามหลังเท่านั้น

การเตรียมอุปกรณ์

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

ชุดถังไฮดรอลิก1
โครงยึดส่วนนำท่ออ่อน1

ข้อควรระวัง

การติดตั้งชุดอุปกรณ์โดยไม่ถอดระบบไฮดรอลิกและแหล่งจ่ายไฟภายนอกทั้งหมดออกก่อนอาจทำให้คุณถูกไฟฟ้าช็อต และ/หรือน้ำมันไฮดรอลิกที่มีแรงดัน ซึ่งก่อให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตได้

ก่อนการติดตั้งชุดต้นกำลัง ให้ถอดระบบไฮดรอลิกและแหล่งจ่ายไฟภายนอกทั้งหมดออกก่อน

  1. จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ ลดระดับแม่แรง ปลดอุปกรณ์ออกจากชุดลากจูง และขัดล้อหน้าและล้อหลัง

  2. ทำตามคำแนะนำที่ระบุในคู่มือผู้ใช้งานของอุปกรณ์ ถอด Twin Spinner และยึดท่อกำลังไฮดรอลิกและท่อเดินกลับ

    Important: ProPass บางรุ่นมีผนังท้ายแชสซีที่เจาะไว้ล่วงหน้าแล้ว หากอุปกรณ์ของคุณมีผนังท้ายแชสซีที่เจาะไว้ล่วงหน้า โปรดดู การยึดเครื่องยนต์

  3. ถอดสลักยึด 2 ตัวจากผนังท้ายแชสซีออกมาเก็บไว้ เพื่อให้ยึดถังไฮดรอลิกได้

  4. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผนังท้ายแชสซีว่างและสามารถยึดถังไฮดรอลิกได้

  5. แกะชุดถังไฮดรอลิกออกจากลัง

  6. ยกถังไฮดรอลิกจากด้านล่างและวางถังเข้ากับผนังท้ายแชสซี จัดวางถังไว้ตรงกลางให้ด้านซ้ายและด้านขวามีระยะเท่ากัน และควรวางในแนวตั้ง (รูป 1)

    g013856
  7. ข้อต่อทางเข้าและทางออก รวมถึงโครงยึดส่วนนำท่ออ่อนทั้งหมดจะต้องติดตั้งอย่างเรียบร้อยภายในรูกลมบนผนังท้ายแชสซี (รูป 2)

    g013857
  8. ถังไฮดรอลิกจะต้องวางเสมอกันในแนวระนาบ

  9. ใช้ข้อรัดตัว C หรืออุปกรณ์ที่คล้ายกัน รัดถังไฮดรอลิกให้แน่นอยู่กับที่บนผนังท้ายแชสซีไว้ชั่วคราว

  10. ถังไฮดรอลิกจะต้องวางเสมอกันในแนวระนาบ

  11. ขีดทำเครื่องหมายตำแหน่งของรูยึดถังไฮดรอลิกบนผนังท้ายแชสซี

  12. คลายข้อรัดและถอดถังไฮดรอลิก

  13. เจาะรอยตรงตำแหน่งที่ทำเครื่องหมายไว้

  14. เจาะรูขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 7/16 นิ้วบนผนังท้ายแชสซีตรงตำแหน่งที่ทำเครื่องหมายและเจาะรอยไว้แต่ละจุด

  15. ลบคมแต่ละรูให้เรียบร้อย

การยึดเครื่องยนต์

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

ชุดเครื่องยนต์1
สลักเกลียว (½ x 5 นิ้ว)2
แบตเตอรี่1
ส่วนกดยึดแบตเตอรี่1
แถบยึดแบตเตอรี่1
สลักเกลียวแบตเตอรี่2
ตัวคั่นสลักเกลียวแบตเตอรี่2
แหวน2
น็อตมีบ่า2
  1. ท่อเหล็กต่อพ่วงต้องสะอาด ไม่มีฝุ่นหรือสิ่งสกปรก

  2. แกะชุดเครื่องยนต์ออกจากบรรจุภัณฑ์

  3. คลายสลักเกลียวและน็อต 2 ชุดที่ทำหน้าที่ยึดโครงยึดเครื่องยนต์เข้ากับเพลทยึดเครื่องยนต์ แต่ไม่ต้องถอดออก (รูป 3)

    g013858
  4. ถอดน็อต 2 ตัวที่ทำหน้าที่ยึดแถบกดยึดแบตเตอรี่ให้อยู่กับที่ออก และวางน็อต แหวน และหลอดสลักเกลียวไว้อีกทางหนึ่ง (รูป 4)

    g347903
  5. ถอดแบตเตอรี่ออกจากตำแหน่งบนชุดอุปกรณ์ และวางตัวกรองน้ำมันเกียร์บนเพลทฐาน

  6. เปลี่ยนแบตเตอรี่ โปรดดู การชาร์จแบตเตอรี่

  7. ให้ใครสักคนมาช่วยคุณวางชุดเครื่องยนต์บนท่อเหล็กต่อพ่วง

    โครงยึดเครื่องยนต์จะต้องคร่อมท่อเหล็กต่อพ่วง (รูป 5) และส่วนท้ายของเพลทยึดเครื่องยนต์จะต้องอยู่ห่างจากตัวรับท่อเหล็กต่อพ่วงประมาณ 25 มม. (1 นิ้ว) (รูป 6)

    g013911
    g013859
  8. สอดสลักเกลียว (½ x 5 นิ้ว) 2 ตัวผ่านรูของโครงยึดเครื่องยนต์ โดยแหวนเรียบจะต้องแตะกับผิวหน้าด้านนอกแต่ละหน้าของโครงยึดเครื่องยนต์ ส่วนสลักเกลียวจะต้องสอดทะลุผ่านใต้ท่อเหล็กต่อพ่วง ใช้มือขันน็อต (½ นิ้ว) 2 ตัวดังที่แสดงใน รูป 7

    g013860
  9. ปรับโครงยึดเครื่องยนต์ให้ชิดติดกับเหล็กต่อพ่วง ขันสลักเกลียว 2 ตัวที่คลายออกในขั้นตอนที่ 3 จนแน่น

  10. ตรวจสอบให้เพลทยึดเครื่องยนต์วางตั้งตรงและขันสลักเกลียว (½ x 5 นิ้ว) 2 ตัวจนสุดผ่านรูล่างของโครงยึดเครื่องยนต์

  11. วางแบตเตอรี่ลงบนถาดวางแบตเตอรี่ และจัดวางขั้วตามที่แสดงใน รูป 8

  12. วางส่วนกดยึดแบตเตอรี่ลงบนแบตเตอรี่ (รูป 8)

  13. วางแถบยึดแบตเตอรี่ครอบด้านล่างของท่อเหล็กต่อพ่วง (รูป 8)

  14. ที่ด้านขวา สอดสลักเกลียวแบตเตอรี่ผ่านแหวน แถบยึดแบตเตอรี่ เพลทยึดแบตเตอรี่ ถาดวางแบตเตอรี่ ตัวคั่นสลักเกลียวแบตเตอรี่ และส่วนกดยึด ติดตั้งน็อตมีบ่าไว้หลวม ๆ (รูป 8)

    Note: สลักเกลียวต้องติดตั้งจากด้านล่าง

  15. ที่ด้านซ้าย สอดสลักเกลียวแบตเตอรี่ผ่านแหวน แถบยึดแบตเตอรี่ เพลทยึดแบตเตอรี่ ถาดวางแบตเตอรี่ ตัวคั่นสลักเกลียวแบตเตอรี่ และส่วนกดยึด ติดตั้งน็อตมีบ่าไว้หลวม ๆ (รูป 8)

  16. ทุกอย่างต้องจัดวางให้อยู่ตรงกลาง แล้วจึงขันน็อต

    g013862

การติดตั้งระบบไฮดรอลิก

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

ส่วนนำท่ออ่อน1
ท่อเดินกลับไฮดรอลิก (ท่ออ่อน #3)1
ท่อดูดไฮดรอลิก (ท่ออ่อน #4)1
สลักเกลียว (¼ x ¾ นิ้ว)4
น็อตล็อก (¼ นิ้ว.)4
สลักเกลียว (⅜ x 1 นิ้ว)4
น็อตล็อก (⅜ นิ้ว)4
แหวนเรียบ4
  1. แกะส่วนนำท่ออ่อน ท่อเดินกลับไฮดรอลิก (ท่ออ่อน #3) ท่อดูดไฮดรอลิก (ท่ออ่อน #4) สลักเกลียว ¼ x ¾ นิ้ว) 4 ตัว และน็อตล็อก (¼ นิ้ว) 4 ตัวออกจากบรรจุภัณฑ์

    Note: ถอดท่ออ่อนที่ยึดอยู่กับส่วนนำท่ออ่อน ท่อเดินกลับไฮดรอลิก และท่อดูดไฮดรอลิกเพื่อให้สะดวกสำหรับการจัดส่ง

  2. ใช้สลักเกลียว (¼ x ¾ นิ้ว) และน็อตล็อกมีบ่า 2 ชุด ยึดส่วนนำท่ออ่อนเข้ากับโครงยึดบนถังไฮดรอลิก (รูป 9)

    g013863

    Note: ถอดสลักเกลียวยึด 2 ตัวออกจากผนังท้ายแชสซี ยึดถังด้วยสลักเกลียวที่ถอดออกมา

  3. แกะสลักเกลียว (⅜ x 1 นิ้ว) และน็อตล็อกไนลอน 4 ชุดออกมาจากบรรจุภัณฑ์ ยกถังไฮดรอลิกจากด้านล่าง สอดส่วนนำท่ออ่อนและท่ออ่อนไฮดรอลิก #3 และ #4 ผ่านรูขนาดใหญ่ตรงกลางบนผนังท้ายแชสซี และวางถังไฮดรอลิกชิดกับผนังท้ายแชสซี รัดหรือใช้สลักเกลียวยึดถังไฮดรอลิกไว้ชั่วคราว

    Note: ส่วนนำท่ออ่อนควรสอดผ่านรูกลางที่ด้านหน้าของแชสซี ต้องใช้ 2 คนช่วยกัน

  4. ติดตั้งท่อเดินกลับไฮดรอลิก (#3) และท่อดูดไฮดรอลิก (#4) เข้ากับข้อต่อที่เหมาะสมบนถังไฮดรอลิก

    Note: ท่ออ่อน #3 และท่ออ่อน #4 มีข้อต่อไม่เหมือนกัน ท่ออ่อนแต่ละชุดจะต้องติดตั้งเข้ากับข้อต่อที่ถูกต้องในถังไฮดรอลิกเท่านั้น

    Note: ขณะยึดท่อ ต้องตรวจสอบให้มีระยะห่างเพียงพอสำหรับล้อด้วย

  5. ส่วนนำท่ออ่อนควรวางอยู่บนแถบที่ยื่นออกมาจากขาแนวตั้งของถาดวางแบตเตอรี่ (รูป 10) หากรูในส่วนนำท่ออ่อนไม่ตรงกับรูบนแถบของถาดวางแบตเตอรี่ อาจปรับความยาวของส่วนนำท่ออ่อนได้โดยการคลายสลักเกลียวที่ยึดส่วนนำท่ออ่อนเข้ากับโครงยึดถังไฮดรอลิก และเลื่อนส่วนนำท่ออ่อนไปข้างหน้าหรือข้างหลังตามที่จำเป็น

    g013864
  6. ยึดส่วนนำท่ออ่อนเข้ากับแถบของถาดวางแบตเตอรี่โดยใช้สลักเกลียว (¼ x ¾ นิ้ว) และน็อตล็อกมีบ่า 2 ชุด (รูป 10)

  7. ยึดถัดไฮดรอลิกเข้ากับผนังท้ายแชสซีโดยใช้สลักเกลียวยึดที่ถอดออกมาก่อนหน้านี้ รวมทั้งสลักเกลียว (⅜ x 1 นิ้ว) น็อตล็อกไนลอน และแหวนเรียบจากในชุด จากนั้นขัดอุปกรณ์ยึดให้แน่น

  8. เชื่อมต่อท่ออ่อนไฮดรอลิก #3 เข้ากับทางออกตัวกรอง (รูป 11)

    g013865
  9. เชื่อมต่อท่ออ่อนไฮดรอลิก #4 เข้ากับด้านดูดของปั๊มไฮดรอลิก (รูป 12)

    g013908
  10. ในเวอร์ชัน SH (รุ่น 44701) ให้ถอดอุปกรณ์ยึดที่ทำหน้าที่ยึดฝาครอบเข้ากับส่วนหน้าของอุปกรณ์ออก แล้ววางฝาครอบไว้ทางหนึ่ง (รูป 13)

    g013845
  11. หาตำแหน่งของขั้วต่อแรงดันและขั้วต่อเดินกลับบนโมเดลฐานอุปกรณ์ โปรดดู รูป 14 สำหรับเวอร์ชัน SH และ รูป 15 สำหรับเวอร์ชัน EH

    g014215
    g462021
  12. หากมีท่อแรงดันและท่อเดินกลับติดตั้งไว้อยู่แล้วตามตำแหน่งที่แสดงใน รูป 14 และ รูป 15 ให้ถอดออกมา

    Note: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่ออ่อนไม่สัมผัสกับชิ้นส่วนที่ร้อน คม หรือเคลื่อนไหว พยายามเว้นระยะห่างจากท่อไอเสียให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

  13. เชื่อมต่อท่อไฮดรอลิกเข้ากับแผงควบคุมไฮดรอลิก โปรดดู รูป 14 และ รูป 16 สำหรับเวอร์ชัน SH และ รูป 15 และ รูป 17 สำหรับเวอร์ชัน EH

    g013867
    g462022
  14. ขันขั้วต่อและอุปกรณ์ยึดไฮดรอลิกทั้งหมดให้แน่น

การติดตั้งในขั้นสุดท้าย

  1. ติดตั้งชุด Twin Spinner กลับเข้าที่

  2. เชื่อมต่อสายไฟสีดำและสายไฟสีดำที่เดินสายไว้แล้วกับขั้วลบของแบตเตอรี่ และเชื่อมต่อสายไฟสีขาวและสายไฟสีแดงที่เดินสายไว้แล้วกับขั้วบวกของแบตเตอรี่

  3. เสียบชุดสายไฟกลางเข้ากับขั้วต่อชุดสายไฟบนอุปกรณ์ (รูป 18 หรือ รูป 19)

    g013946
    g013948
  4. เติมน้ำมันที่มีความหนืดเหมาะสมประมาณ 1 ลิตร (34 ออนซ์ของเหลว) ก่อนสตาร์ทเครื่อง โปรดดู การซ่อมบำรุงน้ำมันเครื่อง

    Important: เครื่องยนต์จัดส่งจากโรงงานโดยไม่มีน้ำมัน ดังนั้นการสตาร์ทอุปกรณ์ก่อนเติมน้ำมันจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้

  5. ตรวจสอบระดับน้ำมันก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรก โปรดดู การซ่อมบำรุงน้ำมันเครื่อง

  6. เติมน้ำมันไฮดรอลิกที่เหมาะสมลงในถังไฮดรอลิก โปรดดู การซ่อมบำรุงระบบไฮดรอลิก

    Important: ระบบไฮดรอลิกจะยังเติมไม่เต็มจนกว่าระบบจะทำงาน ควรตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิกและเติมน้ำมันตามที่จำเป็นเพื่อให้ได้ระดับน้ำมันที่ถูกต้องหลังจากใช้ระบบไฮดรอลิกครั้งแรก

การปฏิบัติงาน

ข้อควรระวัง

ต้องปิดระบบควบคุมทั้งหมดขณะทำงานกับชุดต้นกำลัง

การซ่อมบำรุงน้ำมันเครื่อง

Important: เครื่องยนต์จัดส่งมาโดยไม่มีน้ำมัน โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมในคู่มือสำหรับเจ้าของเครื่องยนต์

เครื่องยนต์จัดส่งจากโรงงานโดยไม่มีน้ำมัน และต้องเติมน้ำมันประมาณ 1 ลิตร (34 ออนซ์ของเหลว) ก่อนสตาร์ท

ตรวจสอบระดับน้ำมันก่อนการสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรกและตรวจสอบทุกวันหลังจากนั้น

เครื่องยนต์ต้องใช้น้ำมันคุณภาพสูงที่ได้รับการจัด “ประเภทการใช้งาน” จากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน หรือ APl เป็น SJ, SL หรือเทียบเท่า ความหนืดของน้ำมันหรือน้ำหนักต้องเลือกตามอุณหภูมิโดยรอบ รูป 20 แสดงอุณหภูมิ/ความหนืดที่แนะนำ

g018667
  1. จอดอุปกรณ์ให้เครื่องยนต์อยู่ในแนวระนาบ

  2. ทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ ฝาช่องเติมน้ำมัน/ก้านวัด

  3. เปิดฝาช่องเติมน้ำมัน/ก้านวัดโดยการหมุนทวนเข็มนาฬิกา

  4. เช็ดก้านวัดให้สะอาดและสอดลงในช่องเติม โดยไม่ต้องขันเข้ากับช่องเติม

  5. ดึงก้านวัดออกและตรวจสอบระดับน้ำมัน

  6. หากระดับอยู่ใกล้กับหรือใต้ขีดล่างบนก้านวัด เติมน้ำมันให้พอถึงระดับขีดบน

    Important: อย่าเติมน้ำมันในห้องข้อเหวี่ยงมากเกินไป

  7. ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องอีกครั้ง

  8. ปิดฝาช่องเติมน้ำมัน/ก้านวัด และเช็ดน้ำมันที่หก

Important: ตรวจสอบให้น้ำมันเครื่องอยู่ในระดับที่เหมาะสม หากระดับน้ำมันเครื่องไม่ถูกต้อง เครื่องยนต์จะกระตุก แต่ไม่สตาร์ท

การซ่อมบำรุงระบบไฮดรอลิก

อุปกรณ์จัดส่งจากโรงงานโดยไม่มีน้ำมันไฮดรอลิก ดังนั้น คุณต้องเติมน้ำมันไฮดรอลิกคุณภาพสูง 32.9 ลิตร (8.7 แกลลอนสหรัฐ) ตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิกก่อนการสตาร์ทอุปกรณ์ครั้งแรก และตรวจสอบทุกวันหลังจากนั้น น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำคือดังนี้:

 น้ำมันรถแทรกเตอร์สำหรับระบบส่งกำลัง/ไฮดรอลิกพรีเมียมของ Toro (มีจำหน่ายทั้งขนาดถัง 5 แกลลอนและถังเหล็ก 55 แกลลอน ดูหมายเลขอะไหล่ในแคตตาล็อกอะไหล่หรือสอบถามตัวแทนจำหน่าย Toro)

น้ำมันทางเลือก: หากหาซื้อน้ำมันของ Toro ไม่ได้ คุณสามารถใช้น้ำมันไฮดรอลิกสำหรับรถแทรกเตอร์อเนกประสงค์ (UTHF) ชนิดปิโตรเลียมที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดทั้งหมดต่อไปนี้และตรงตามมาตรฐานอุตสาหกรรม เราไม่แนะนำให้ใช้น้ำมันสังเคราะห์ ปรึกษาตัวแทนจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นเพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

Important: ระบบไฮดรอลิกจะยังเติมไม่เต็มจนกว่าระบบจะทำงาน ควรตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิกและเติมน้ำมันตามที่จำเป็นเพื่อให้ได้ระดับน้ำมันที่ถูกต้องหลังจากใช้ระบบไฮดรอลิกครั้งแรก

Note: Toro จะไม่รับผิดชอบความเสียหายจากการใช้น้ำมันเปลี่ยนทดแทนที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นควรใช้ผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงน่าเชื่อถือเท่านั้น

 คุณสมบัติวัสดุ:
  ความหนืด, ASTM D445cSt ที่ 40° C 55 ถึง 62cSt ที่ 100° C 9.1 ถึง 9.8
  ดัชนีความหนืด ASTM D2270140 ถึง 152
  จุดไหลเท, ASTM D97-35° - 46° F
 ข้อมูลจำเพาะของอุตสาหกรรม:
  API GL-4, AGCO Powerfluid 821 XL, Ford New Holland FNHA-2-C-201.00, Kubota UDT, John Deere J20C, Vickers 35VQ25 และ Volvo WB-101/BM

Note: น้ำมันไฮดรอลิกส่วนใหญ่เกือบจะไม่มีสี ทำให้การมองหาจุดรั่วได้ยาก สีย้อมน้ำมันระบบไฮดรอลิกสีแดงมีจัดจำหน่ายเป็นขวดขนาด 20 มล. (2/3 ออนซ์ของเหลว) ซึ่งขวดหนึ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับน้ำมันไฮดรอลิก 15 ถึง 22 ลิตร (4 ถึง 6 แกลลอนสหรัฐ) สามารถแจ้งหมายเลขสั่งซื้ออะไหล่ 44-2500 กับตัวแทนจำหน่าย Toro ที่ได้รับอนุญาต

ความปลอดภัยด้านเชื้อเพลิง

  • โปรดใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งเมื่อจัดการกับน้ำมัน น้ำมันเป็นวัตถุติดไฟได้และละอองน้ำมันอาจระเบิดได้

  • ดับบุหรี่ ซิการ์ ไปป์ และแหล่งจุดไฟอื่นๆ ให้หมด

  • ใช้เฉพาะภาชนะบรรจุน้ำมันที่ผ่านการรับรองเท่านั้น

  • อย่าเปิดฝาถังเชื้อเพลิงหรือเติมน้ำมันเชื้อเพลิงในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงานหรือร้อนอยู่

  • อย่าเติมหรือระบายน้ำมันในพื้นที่อับ

  • อย่าจัดเก็บอุปกรณ์หรือภาชนะบรรจุน้ำมันในที่ที่มีเปลวไฟ ประกายไฟ หรือไฟนำร่อง เช่น บนเครื่องทำน้ำร้อน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ

  • หากน้ำมันหก อย่าพยายามสตาร์ทเครื่องยนต์ หลีกเลี่ยงการสร้างแหล่งจุดไฟจนกว่าละอองน้ำมันจะระเหยไป

การเติมน้ำมัน

ความจุถังน้ำมัน: 6.1 ลิตร (1.6 แกลลอนสหรัฐ)

น้ำมันเชื้อเพลิงที่แนะนำ:

  • เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ใช้น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วที่ใหม่และสะอาด (อายุไม่เกิน 30 วัน) และมีค่าออกเทน 87 ขึ้นไป (วิธีการคิด (R+M)/2)

  • เอทานอล: น้ำมันเบนซินที่มีส่วนผสมของเอทานอลไม่เกิน 10% (แก๊สโซฮอล) หรือ MTBE (เมทิลเทอเทียรีบิวทิลอีเธอร์) 15% โดยปริมาตร เอทานอลและ MTBE ไม่เหมือนกัน อุปกรณ์นี้รุ่นนี้ไม่รับรองให้ใช้น้ำมันเบนซินที่มีส่วนผสมของเอทานอล 15% (E15) โดยปริมาตร ห้ามใช้น้ำมันเบนซินที่มีส่วนผสมของเอทานอลมากกว่า 10% โดยปริมาตร เช่น E15 (มีเอทานอล 15%), E20 (มีเอทานอล 20%), E85 (มีเอทานอล 85%) การใช้น้ำมันเบนซินที่ไม่ได้รับการรับรองอาจส่งผลให้เกิดปัญหาด้านสมรรถนะของอุปกรณ์และ/หรือทำให้เครื่องยนต์เสียหาย ซึ่งการรับประกันอาจจะไม่คุ้มครอง

  • ห้ามใช้น้ำมันเบนซินที่มีส่วนผสมของเมทานอล

  • ห้ามเก็บเชื้อเพลิงไว้ในภาชนะหรือถังเชื้อเพลิงในช่วงฤดูหนาว เว้นแต่มีการใส่สารคงสภาพเชื้อเพลิง

  • ห้ามผสมน้ำมันเครื่องกับน้ำมันเบนซิน

การชาร์จแบตเตอรี่

คำเตือน

ขั้นตอนการชาร์จแบตเตอรี่ทำให้เกิดก๊าซที่อาจระเบิดได้

ห้ามสูบบุหรี่ใกล้แบตเตอรี่และ อย่านำประกายไฟและเปลวไฟเข้าใกล้แบตเตอรี่โดยเด็ดขาด

คำเตือน

ขั้วแบตเตอรี่หรือเครื่องมือโลหะอาจลัดวงจรกับส่วนประกอบโลหะของรถลากพ่วงหรืออุปกรณ์ ทำให้เกิดประกายไฟได้ ประกายไฟอาจทำให้แบตเตอรี่ปล่อยก๊าซที่ทำให้ระเบิด ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้

  • เมื่อถอดหรือติดตั้งแบตเตอรี่ อย่าให้ขั้วแบตเตอรี่สัมผัสกับส่วนโลหะของอุปกรณ์

  • อย่าให้เครื่องมือโลหะลัดวงจรระหว่างขั้วแบตเตอรี่กับส่วนโลหะใดๆ

คำเตือน

การเดินสายไฟแบตเตอรี่ไม่ถูกต้องอาจทำให้อุปกรณ์และสายไฟเสียหาย โดยทำให้เกิดประกายไฟ ประกายไฟอาจทำให้แบตเตอรี่ปล่อยก๊าซที่ทำให้ระเบิด ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้

  • ถอดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ (สีดำ) ก่อนถอดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) เสมอ

  • ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) ก่อนต่อสายไฟขั้วลบ (สีดำ) เสมอ

  1. ยกแบตเตอรี่ออกจากถาดวางแบตเตอรี่:

    1. ถอดแถบกดยึดแบตเตอรี่ที่ยึดแบตเตอรี่เข้ากับถาดวางออก

    2. ถอดสลักเกลียวและน็อตที่ยึดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ (สีดำ) เข้ากับขั้วลบ (–) ออก และถอดสายไฟขั้วลบออก

    3. ถอดสลักเกลียวและน็อตที่ยึดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) เข้ากับแบตเตอรี่ขั้วบวก (+) ออก และถอดสายไฟขั้วบวกออก

  2. ทำความสะอาดด้านบนของแบตเตอรี่

  3. ต่อเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ 3-4 แอมป์เข้ากับเสาแบตเตอรี่ ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยกำลัง 3 ถึง 4 แอมป์เป็นเวลา 4 ถึง 8 ชั่วโมง

  4. เมื่อชาร์จแบตเตอรี่แล้ว ถอดเครื่องชาร์จออกจากเต้ารับไฟฟ้าและเสาแบตเตอรี่

  5. วางแบตเตอรี่บนถาดวางแบตเตอรี่

  6. ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) เข้ากับแบตเตอรี่ขั้วบวก (+) ด้วยสลักเกลียวและน็อตที่ถอดออกมาก่อนหน้านี้ จากนั้นเลื่อนบูตยางครอบขั้วบวกเพื่อป้องกันการลัดวงจร

  7. ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ (สีดำ) เข้ากับขั้วลบ (–) ด้วยสลักเกลียวและน็อตที่ถอดออกมาก่อนหน้านี้

  8. เคลือบขั้วสายไฟและเสาแบตเตอรี่ด้วยน้ำยาเคลือบ Grafo 112X (หมายเลขอะไหล่ Toro 505-47)

  9. ต่อแถบกดยึดแบตเตอรี่เพื่อยึดแบตเตอรี่เข้ากับถาดวาง

การซ่อมบำรุงแบตเตอรี่

สายไฟแบตเตอรี่ต้องยึดกับขั้วแน่นหนา เพื่อให้ขั้วไฟฟ้าสัมผัสกันดี

คำเตือน

การเดินสายไฟแบตเตอรี่ไม่ถูกต้องอาจทำให้อุปกรณ์และสายไฟเสียหาย โดยทำให้เกิดประกายไฟ ประกายไฟอาจทำให้แบตเตอรี่ปล่อยก๊าซที่ทำให้ระเบิด ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้

  • ถอดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ (สีดำ) ก่อนถอดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) เสมอ

  • ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) ก่อนต่อสายไฟขั้วลบ (สีดำ) เสมอ

หากขั้วสึกกร่อน ให้ถอดสายไฟ (สายขั้วลบ (-) ออกก่อน) และขูดข้อรัดและขั้วออกแยกกัน ต่อสายไฟ (สายขั้วบวก (+) ก่อน) และเคลือบขั้วด้วยปิโตรเลียมเจลลี่

คำเตือน

ขั้วแบตเตอรี่หรือเครื่องมือโลหะอาจลัดวงจรกับส่วนประกอบรถลากพ่วงที่เป็นโลหะ และทำให้เกิดประกายไฟได้ ประกายไฟอาจทำให้แบตเตอรี่ปล่อยก๊าซที่ทำให้ระเบิด ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้

  • เมื่อถอดหรือติดตั้งแบตเตอรี่ อย่าให้ขั้วแบตเตอรี่สัมผัสกับส่วนโลหะของอุปกรณ์

  • อย่าให้เครื่องมือโลหะลัดวงจรระหว่างขั้วแบตเตอรี่สัมผัสกับส่วนโลหะของอุปกรณ์

  1. ตรวจสอบว่าข้อรัดสายไฟแบตเตอรี่แน่นหนาดี และขันข้อรัดแบตเตอรี่ที่หลวมอยู่ให้แน่น

  2. ตรวจหาการสึกหรอบนข้อรัดสายไฟแบตเตอรี่และขั้วแบตเตอรี่ หากพบว่าขั้วสึกหรอ ให้ทำดังนี้:

    1. ถอดสลักเกลียวและน็อตที่ยึดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ (สีดำ) เข้ากับขั้วลบ (–) ออก และถอดสายไฟขั้วลบออก

    2. ถอดสลักเกลียวและน็อตที่ยึดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) เข้ากับแบตเตอรี่ขั้วบวก (+) ออก และถอดสายไฟขั้วบวกออก

    3. ทำความสะอาดข้อรัดสายไฟและขั้วแบตเตอรี่

    4. ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) เข้ากับแบตเตอรี่ขั้วบวก (+) ด้วยสลักเกลียวและน็อตที่ถอดออกมาก่อนหน้านี้ จากนั้นเลื่อนบูตยางครอบขั้วบวกเพื่อป้องกันการลัดวงจร

    5. ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ (สีดำ) เข้ากับขั้วลบ (–) ของแบตเตอรี่ด้วยสลักเกลียวและน็อตที่ถอดออกมาก่อนหน้านี้

    6. เคลือบขั้วสายไฟและเสาแบตเตอรี่ด้วยน้ำยาเคลือบ Grafo 112X (หมายเลขอะไหล่ Toro 505-47)

เคล็ดลับการปฏิบัติงาน

  • เชื่อมต่อเหล็กต่อพ่วงเครวิสเข้ากับรถลาก ใช้หมุดต่อพ่วงความแข็งแรงสูงที่ผ่านการรับรองสำหรับรถลาก

  • เปิดวาล์วเชื้อเพลิง ปรับคันโยกลิ้นเร่งไว้ที่ครึ่งหนึ่ง ดึงโช้ก และสตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทแล้ว ให้ปลดโช้ก และเปิดลิ้นเร่งจนสุด

  • ทดสอบการทำงานของอุปกรณ์ ตรวจดูว่าไม่มีน้ำมันไฮดรอลิกรั่วไหลและทำการปรับเพิ่มเติม

  • หลังจากทดสอบระบบไฮดรอลิกแล้ว ตรวจสอบน้ำมันไฮดรอลิกและเติมเพิ่ม ถ้าจำเป็น

    Note: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีชิ้นส่วนและสายใด ๆ ลากอยู่บนพื้นขณะใช้งาน