ข้อมูลเบื้องต้น

อุปกรณ์นี้คือเครื่องตัดหญ้าใบมีดพวงแบบนั่งขับ ซึ่งออกแบบมาสำหรับผู้ให้บริการมืออาชีพที่ต้องการนำไปใช้งานเชิงพาณิชย์ เหมาะสำหรับใช้ตัดหญ้าบนสนามที่มีการดูแลรักษาเป็นอย่างดีเป็นหลัก การใช้งานผลิตภัณฑ์นี้นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อาจเป็นอันตรายต่อคุณและคนรอบข้างได้

กรุณาอ่านเอกสารนี้อย่างละเอียดเพื่อศึกษาวิธีควบคุมและบำรุงรักษาผลิตภัณฑ์อย่างเหมาะสม และเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บและความเสียหายต่อผลิตภัณฑ์ คุณมีหน้าที่ใช้งานผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้องและปลอดภัย

โปรดเข้าไปที่เว็บไซต์ www.Toro.com เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงเคล็ดลับเพื่อความปลอดภัย เอกสารการฝึกอบรม ข้อมูลอุปกรณ์เสริม ความช่วยเหลือเพื่อค้นหาตัวแทนจำหน่าย หรือลงทะเบียนผลิตภัณฑ์

หากคุณต้องการการซ่อมบำรุง อะไหล่แท้ของ Toro หรือข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อตัวแทนบริการที่ได้รับอนุญาตหรือฝ่ายบริการลูกค้าของ Toro และเตรียมหมายเลขรุ่นและหมายเลขซีเรียลของผลิตภัณฑ์ไว้ให้พร้อม รูป 1 ระบุตำแหน่งของหมายเลขรุ่นและหมายเลขซีเรียลบนผลิตภัณฑ์ จดบันทึกหมายเลขในช่องว่างที่กำหนดให้

Important: นอกจากนี้ คุณสามารถใช้มือถือสแกนรหัส QR บนป้ายหมายเลขซีเรียลได้ (ถ้ามี) เพื่อเข้าถึงข้อมูลการรับประกัน อะไหล่ และข้อมูลผลิตภัณฑ์อื่นๆ

g419553

คู่มือฉบับนี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และระบุข้อความความปลอดภัยที่แสดงด้วยสัญลักษณ์เตือนอันตราย (รูป 2) ซึ่งบ่งบอกอันตรายที่อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บร้ายแรงหรือเสียชีวิตหากคุณไม่ปฏิบัติตามข้อควรระวังที่แนะนำ

g000502

คู่มือฉบับนี้ใช้คำ 2 คำในการเน้นข้อมูล สำคัญ เพื่อให้คุณใส่ใจศึกษาข้อมูลพิเศษเกี่ยวกับกลไกและ หมายเหตุ เพื่อเน้นข้อมูลทั่วไปที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ

ผลิตภัณฑ์นี้ได้มาตรฐานตามคำสั่งยุโรปที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หากต้องการรายละเอียด โปรดดูเอกสารรับรองมาตรฐาน (DOC) เฉพาะของผลิตภัณฑ์

การใช้งานหรือการควบคุมอุปกรณ์นี้บนที่ดินที่ปกคลุมด้วยป่า พุ่มไม้ หรือหญ้าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายทรัพยากรสาธารณะแห่งแคลิฟอร์เนีย มาตรา 4442 หรือ 4443 ยกเว้นกรณีที่อุปกรณ์ติดตั้งเครื่องดักสะเก็ดไฟตามคำจำกัดความในมาตรา 4442 โดยต้องบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพดี หรือเป็นอุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมา ติดตั้ง และบำรุงรักษาเพื่อให้ป้องกันการเกิดเพลิงไหม้

คู่มือเจ้าของเครื่องยนต์ที่แนบมาจัดทำขึ้นมาเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (EPA) ของสหรัฐอเมริกาและกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนียว่าด้วยการควบคุมการปล่อยมลพิษของระบบไอเสีย การบำรุงรักษา และการรับประกัน อะไหล่ทดแทนสามารถสั่งซื้อได้จากผู้ผลิตเครื่องยนต์

คำเตือน

แคลิฟอร์เนีย

คำเตือนข้อเสนอ 65

ไอเสียจากเครื่องยนต์ดีเซลและองค์ประกอบบางส่วนของไอเสียมีสิ่งที่รัฐแคลิฟอร์เนียทราบว่าเป็นสาเหตุการเกิดโรคมะเร็ง ความพิการแต่กำเนิด และอันตรายต่อระบบสืบพันธุ์อื่นๆ

แท่นแบตเตอรี่ ขั้วแบตเตอรี่ และส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องมีตะกั่วและสารประกอบตะกั่วเป็นส่วนผสม ซึ่งเป็นสารเคมีที่รัฐแคลิฟอร์เนียทราบว่าเป็นสาเหตุการเกิดโรคมะเร็ง และเป็นอันตรายต่อระบบสืบพันธุ์ ล้างมือหลังจากหยิบจับ

การใช้ผลิตภัณฑ์นี้อาจทำให้ต้องสัมผัสกับสารเคมีที่รัฐแคลิฟอร์เนียทราบว่าเป็นสาเหตุการเกิดโรคมะเร็ง ความพิการแต่กำเนิด หรืออันตรายต่อระบบสืบพันธุ์อื่นๆ

ความปลอดภัย

ความปลอดภัยทั่วไป

อุปกรณ์นี้อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บแก่มือและเท้า รวมถึงเกิดอันตรายจากวัตถุกระเด็นได้

  • อ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาของคู่มือผู้ใช้ฉบับนี้ก่อนจะสตาร์ทเครื่อง

  • โปรดมีสมาธิขณะควบคุมอุปกรณ์ อย่าทำกิจกรรมที่ทำให้เสียสมาธิ มิฉะนั้นอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บหรือเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินได้

  • อย่านำมือหรือเท้าเข้าใกล้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวของเครื่องจักร

  • หากไม่ได้ติดตั้งแผงกั้นและอุปกรณ์นิรภัยอื่นๆ ทั้งหมด หรือแผงกั้นและอุปกรณ์นิรภัยทำงานผิดปกติ กรุณาอย่าใช้เครื่อง

  • กันคนโดยรอบและเด็กๆ ออกจากพื้นที่ทำงาน ห้ามเด็กใช้งานอุปกรณ์โดยเด็ดขาด

  • ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก และรอให้รถหยุดนิ่งก่อนจะลุกออกจากที่นั่งคนขับ รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์

การใช้งานหรือบำรุงรักษาอย่างไม่ถูกต้องอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้ เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการบาดเจ็บ ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัยและสังเกตสัญลักษณ์เตือนอันตราย Graphicได้แก่ ข้อควรระวัง คำเตือน หรืออันตราย ซึ่งเป็นคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยส่วนบุคคล การไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้อาจส่งผลให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้

สติกเกอร์ความปลอดภัยและคำแนะนำ

Graphic

สติกเกอร์และคำแนะนำด้านความปลอดภัยมองเห็นได้ชัดเจน และติดอยู่ใกล้กับบริเวณที่มีโอกาสเกิดอันตราย เปลี่ยนสติกเกอร์ที่เสียหายหรือหายไป

decalbatterysymbols
decal93-6696
decal93-7272
decal106-6754
decal106-6755
decal110-9642
decal120-4158
decal127-2470
decal133-8062
decal136-2159
decal136-3702
decal136-3732
decal137-8127
decal145-2498
decal145-2549
decal147-0287
decal133-2930

เครื่องจักร CE

decal133-2931
decal145-2572
decal136-3731

การตั้งค่า

Note: ดูด้านซ้ายและขวาของอุปกรณ์จากตำแหน่งปกติในการควบคุมเครื่อง

การเตรียมอุปกรณ์

  1. จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ ลดชุดตัดหญ้าลงมา และเข้าเบรกจอด

  2. ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก และรอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง

  3. ตรวจสอบแรงดันลมยางก่อนใช้งาน โปรดดู การตรวจสอบแรงดันลมยาง

    Note: ลมยางจะแข็งกว่าปกติเพื่อให้สะดวกสำหรับการขนส่ง ปรับแรงดันลมยางก่อนใช้งานอุปกรณ์

  4. ตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิก โปรดดู การตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิก

  5. อัดจาระบีอุปกรณ์ โปรดดู การอัดจาระบีแบริ่งและบุชชิ่ง

    Important: หากไม่อัดจาระบีอุปกรณ์อย่างเหมาะสมจะส่งผลให้ชิ้นส่วนสำคัญสึกหรอก่อนเวลาอันควร

  6. เปิดฝากระโปรงอุปกรณ์และตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ โปรดดู การตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น

  7. ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง จากนั้นปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง

    Note: เครื่องยนต์เติมน้ำมันในห้องข้อเหวี่ยงมาให้แล้วจากโรงงาน แต่ควรตรวจสอบระดับน้ำมันก่อนและหลังสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรก

การปรับตำแหน่งแขนควบคุม

คุณสามารถปรับตำแหน่งแขนควบคุมได้เพื่อความสบาย

  1. คลายสลักเกลียว 2 ตัวที่ยึดแขนควบคุมเข้ากับโครงยึด (รูป 3)

    g004152
  2. หมุนแขนควบคุมไปยังตำแหน่งที่ต้องการและขันสลักเกลียวทั้ง 2 ตัว

การติดตั้งชุดตัดหญ้า

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

ชุดตัดหญ้า5

การเตรียมอุปกรณ์

ข้อควรระวัง

หากคุณไม่ตัดไฟชุดตัดหญ้า อาจมีคนมาสตาร์ทชุดตัดหญ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ส่งผลให้มือและเท้าได้รับบาดเจ็บรุนแรงได้

ควรถอดขั้วต่อตัดไฟทุกครั้งก่อนการทำงานกับชุดตัดหญ้า (รูป 43)

  1. ปลดสลักของฐานเบาะที่นั่ง (A ในรูป รูป 4)

  2. ยกเบาะที่นั่งและฐานขึ้น (B ในรูป รูป 4)

  3. ใช้ก้านค้ำพยุงเบาะเอาไว้ (C ในรูป รูป 4)

    g419565
  4. ถอดจัมเปอร์ปลดการเชื่อมต่อแบตเตอรี่ของระบบ 48 VDC (รูป 5)

    g419579
  5. ที่แขนยกแต่ละข้างของชุดตัดหญ้า ถอดหมุดสแนปเปอร์ที่ยึดฝาครอบเข้ากับก้ามปูหมุน และเปิดฝาออก (รูป 6)

    Important: เก็บฝาครอบไว้เพื่อนำกลับมาใช้ในภายหลัง

    g003975

การเตรียมชุดตัดหญ้า

  1. นำชุดตัดหญ้าออกจากลัง

  2. ประกอบและปรับตามที่ขั้นตอนที่อธิบายไว้ในคู่มือผู้ใช้ของชุดตัดหญ้า

  3. ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการติดตั้งน้ำหนักถ่วง (รูป 7) เข้ากับปลายของชุดตัดหญ้าด้านที่ถูกต้องตามที่อธิบายไว้ในคู่มือผู้ใช้ของชุดตัดหญ้า

    g027133
  4. ทาเพลาโครงส่วนบรรทุกด้วยจาระบีที่สะอาด (รูป 8)

    g375263
  5. ทำซ้ำขั้นตอน 1 ถึง 4 สำหรับชุดตัดหญ้าอื่น ๆ

การจัดวางสปริงชดเชยสภาพสนาม

ชุดตัดหญ้า 2 และ 4
g378839
  1. หากติดตั้งปิ๊นตัวอาร์ไว้ที่รูท้ายของก้านสปริงชดเชยสภาพสนาม ให้ถอดปิ๊นตัวอาร์ออกและสอดลงในรูปข้างโครงยึด (รูป 10)

    g375689
  2. ถอดน็อตล็อกติดจาน (3/8 นิ้ว) 2 ตัวและสลักเกลียวหัวมน (3/8 x 1-1/4 นิ้ว) 2 ตัวที่ยึดโครงยึดตัวชดเชยสภาพสนามเข้ากับโครงของชุดตัดหญ้า (รูป 11)

    g375690
  3. ถอดน็อตล็อกติดจาน (3/8 นิ้ว) ที่ยึดสกรูหัวจมของสปริงชดเชยสภาพสนามเข้ากับหูด้านขวาของโครงส่วนบรรทุก และถอดสปริงชดเชยสภาพออกจากชุดตัดหญ้า (รูป 12)

    Note: อย่าถอดน็อตจานจักรออกจากสกรูหัวจม

    g375691
  4. ประกอบสกรูหัวจมของสปริงชดเชยสภาพสนามเข้ากับหูขวาของโครงส่วนบรรทุก (รูป 13) ด้วยน็อตล็อกติดจาน (3/8 นิ้ว)

    g375694
  5. เรียงรูบนโครงยึดตัวชดเชยสภาพสนามให้ตรงกับรูในโครงชุดตัดหญ้า (รูป 14)

    Note: ห่วงรองรับของตะขอนำทางท่อจะต้องตรงกับแนวกลางของอุปกรณ์

    g378789
  6. ประกอบโครงยึดตัวชดเชยสภาพสนามเข้ากับโครงชุดตัดหญ้าด้วยสลักเกลียวหัวมน (3/8 x 1-1/4 นิ้ว) 2 ตัวและน็อตล็อกติดจาน (3/8 นิ้ว) 2 ตัว

  7. ขันน็อตล็อกและสลักเกลียวจนได้แรงบิด 37 ถึง 45 นิวตันเมตร (27 ถึง 33 ฟุตปอนด์)

  8. ทำซ้ำขั้นตอน 1 ถึง 7 สำหรับชุดตัดหญ้าอื่น ๆ

การติดตั้งชุดตัดหญ้าส่วนหน้าเข้ากับแขนยก

  1. เลื่อนชุดตัดหญ้าเข้าใต้แขนยก (รูป 15)

    g375274
  2. ประกอบก้ามปูหมุนเข้ากับเพลาโครงส่วนบรรทุก

  3. ประกอบฝาครอบเข้ากับก้ามปูหมุน และเรียงรูบนเพลาโครงส่วนบรรทุก ก้ามปูหมุน และฝาครอบให้ตรงกัน

  4. ยึดฝาครอบและเพลาโครงส่วนบรรทุกเข้ากับก้ามปูหมุนด้วยหมุดสแนปเปอร์

  5. ล็อกองศาการหมุนของชุดตัดหญ้าสำหรับการตัดหญ้าบนเนิน โปรดดู ล็อกองศาการหมุนของชุดตัดหญ้าสำหรับการตัดหญ้าบนเนิน

การติดตั้งชุดตัดหญ้าส่วนท้ายเข้ากับแขนยก

ชุดตัดหญ้าปรับที่ 1.2 ซม. (3/4 นิ้ว) หรือความสูงในการตัดที่สูงขึ้น
  1. เลื่อนชุดตัดหญ้าเข้าใต้แขนยก (รูป 16)

    g375252
  2. ประกอบก้ามปูหมุนเข้ากับเพลาโครงส่วนบรรทุก

  3. ประกอบฝาครอบเข้ากับก้ามปูหมุน และเรียงรูบนเพลาโครงส่วนบรรทุก ก้ามปูหมุน และฝาครอบให้ตรงกัน

  4. ยึดเพลาแขนหมุนและฝาครอบเข้ากับเพลาโครงส่วนบรรทุกด้วยหมุดสแนปเปอร์

  5. ล็อกองศาการหมุนของชุดตัดหญ้าสำหรับการตัดหญ้าบนเนิน โปรดดู ล็อกองศาการหมุนของชุดตัดหญ้าสำหรับการตัดหญ้าบนเนิน

  6. ทำซ้ำขั้นตอน 1 และ 2 สำหรับชุดตัดหญ้าส่วนท้ายอื่น ๆ

การติดตั้งชุดตัดหญ้าส่วนท้ายเข้ากับแขนยก

ชุดตัดหญ้าปรับที่ 1.2 ซม. (3/4 นิ้ว) หรือความสูงในการตัดที่ต่ำลง
  1. ถอดสลักปิ๊นและแหวนรองที่ยึดก้ามปูหมุนเข้ากับแขนยกออก และเลื่อนเพลาออกจากแขนยก (รูป 17)

    g375236
  2. ประกอบก้ามปูหมุนเข้ากับเพลาโครงส่วนบรรทุก (รูป 18)

    g375237
  3. ประกอบฝาครอบเข้ากับก้ามปูหมุน และเรียงรูบนเพลาโครงส่วนบรรทุก ก้ามปูหมุน และฝาครอบให้ตรงกัน

  4. ยึดก้ามปูหมุนและฝาครอบเข้ากับเพลาโครงส่วนบรรทุกด้วยหมุดสแนปเปอร์

  5. ล็อกองศาการหมุนของชุดตัดหญ้าสำหรับการตัดหญ้าบนเนิน โปรดดู ล็อกองศาการหมุนของชุดตัดหญ้าสำหรับการตัดหญ้าบนเนิน

  6. เลื่อนชุดตัดหญ้าเข้าใต้แขนยก (รูป 19)

    g375239
  7. สอดก้ามปูหมุนเข้ากับแขนยก และยึดเพลาเข้ากับแขนให้แน่นด้วยสลักปิ๊นและแหวนรอง

  8. ทำซ้ำขั้นตอน 1 ถึง 7 สำหรับชุดตัดหญ้าส่วนท้ายอื่น ๆ

ล็อกองศาการหมุนของชุดตัดหญ้าสำหรับการตัดหญ้าบนเนิน

ล็อกองศาการหมุนของชุดตัดหญ้าเพื่อป้องกันไม่ให้ชุดตัดหญ้าหมุนลงเนินขณะตัดหญ้าบนเนินลาดชัน ใช้รูในก้ามปูหมุน (รูป 20) ล็อกชุดตัดหญ้า ใช้ช่องสำหรับชุดตัดหญ้าควบคุมทิศทาง

g375251

การติดตั้งโซ่แขนยกของชุดตัดหญ้า

ยึดโซ่ของแขนยกเข้ากับโครงยึดโซ่ด้วยหมุดสแนปเปอร์ (รูป 21)

Note: ใช้ข้อโซ่ตามจำนวนที่อธิบายในคู่มือผู้ใช้ของชุดตัดหญ้า

g003948

การประกอบมอเตอร์ใบมีดพวงเข้ากับชุดตัดหญ้า

  1. ทาร่องเพลาของมอเตอร์ใบมีดพวงด้วยจาระบีที่สะอาด

  2. ทาน้ำมันที่โอริงของมอเตอร์ใบมีดพวง และติดตั้งเข้ากับหน้าแปลนมอเตอร์

  3. วางมอเตอร์ให้ตรงกับชุดตัดหญ้าเพื่อให้หน้าแปลนมอเตอร์ดันสลักตามทิศทางของเข็มนาฬิกา (รูป 22)

    Important: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสายไฟมอเตอร์ใบมีดพวงไม่บิด งอ หรือเสี่ยงต่อการถูกหนีบ

    g027140
  4. หมุนมอเตอร์ทวนเข็มนาฬิกาจนกว่าหน้าแปลนจะล้อมรอบสลักเกลียว

  5. ขันสลักเกลียวยึดจนได้แรงบิด 19 ถึง 25 นิวตันเมตร (14 ถึง 18 ฟุตปอนด์)

  6. ทำซ้ำขั้นตอน 1 ถึง 5 สำหรับชุดตัดหญ้าอื่น ๆ

การติดตั้งชุดเก็บรายละเอียด

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

ชุดเก็บรายละเอียด (จำหน่ายแยก)1

Important: ยึดมอเตอร์เข้ากับชุดตัดหญ้าก่อนแล้วค่อยติดตั้งชุดเก็บรายละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าเดินสายไฟถูกต้องและสายไฟไม่บิดงอใช้แผนผังต่อไปนี้เพื่อกำหนดตำแหน่งชุดตัดหญ้าและมอเตอร์ใบมีดพวง

g316995
  1. ที่มุมซ้ายด้านหน้าของโครง (ตำแหน่งชุดตัดหญ้า #4) ให้ถอดน็อตติดจานเสริมบนสลักเกลียวที่ยึดโครงยึดฝากั้นเข้ากับอุปกรณ์ (รูป 24)

  2. คลายน็อตบนข้อต่อท่อชุดเก็บรายละเอียด สอดท่อเข้าในช่องบนโครงยึดฝากั้นและขันน็อตให้แน่น

    Note: ขณะขันน็อต ให้ใช้บล็อกขันน็อตเพื่อป้องกันไม่ให้ท่อบิดหรืองอ

  3. สอดแผงขั้วต่อเข้าไปในสลักเกลียวยึดฝากั้นโดยวางขั้วต่อตามที่แสดงใน รูป 24

  4. ยึดแผงขั้วต่อเข้ากับสลักเกลียวยึดตัวหนึ่งด้วยน็อตติดจานที่ถอดออกมาก่อนหน้านี้

  5. มองหาตำแหน่งชุดสายไฟบนอุปกรณ์ และต่อขั้วต่อสายไฟเข้ากับขั้วต่อสายไฟของชุดเก็บรายละเอียด

    g316962
  6. ทำซ้ำขั้นตอนเดิมกับฝากั้นอีก 4 ตำแหน่งดังที่แสดงใน รูป 25 ถึง รูป 28

    Important: แผงขั้วต่อจะอยู่ในตำแหน่งแตกต่างกันในตำแหน่งที่เหลือ เพื่อให้ท่อลอดผ่านโครงยึดฝากั้นและต่อกับชุดตัดหญ้าได้โดยไม่บิดหรืองอ

    g316994
    g316976
    g316996
    g316998

การใช้ขาตั้งชุดตัดหญ้า

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

ขาตั้งชุดตัดหญ้า1

เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องเอียงชุดตัดหญ้าเพื่อดูใบมีดล่าง/ใบมีดพวง ให้ค้ำส่วนท้ายของชุดตัดหญ้าด้วยขาตั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้น็อตบนปลายด้านหลังของสกรูปรับเบดบาร์ไม่วางอยู่บนพื้น (รูป 29)

g003985

ยึดขาตั้งเข้ากับโครงยึดโซ่ด้วยหมุดสแนปเปอร์ (รูป 30)

g004144

การติดตั้งจัมเปอร์ปลดการเชื่อมต่อ 48 V และการปิดฐานเบาะที่นั่ง

  1. ทาจาระบีซิลิโคนสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าบนพื้นผิวสัมผัสของจัมเปอร์ปลดการเชื่อมต่อ (รูป 31)

    g419579
  2. เสียบจัมเปอร์ปลดการเชื่อมต่อแบตเตอรี่เข้ากับขั้วต่อระบบ 48 V

  3. ปิดเบาะที่นั่งลงบนฐานเบาะ (A ในรูป รูป 32)

  4. ใส่สลักฐานเบาะที่นั่ง (B ในรูป รูป 32)

    g419732

การติดตั้งล็อกฝากระโปรง CE

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

ล็อกฝากระโปรง ซีล และน็อตสวมทับ1
แหวน1
  1. ปลดสลักและยกฝากระโปรงของอุปกรณ์ขึ้น

  2. ถอดแหวนยางออกจากรูที่ด้านซ้ายของฝากระโปรง (รูป 33)

    g027072
  3. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าซีลประกอบเข้ากับล็อกฝากระโปรงดีแล้ว (รูป 34)

    g375326
  4. ถอดน็อตออกจากล็อก

  5. จากด้านนอกฝากระโปรง สอดปลายตะขอของสลักผ่านรูในฝากระโปรง

    Note: ซีลวางเรียงเข้ากับด้านนอกของกระโปรง

  6. ภายในฝากระโปรง ยึดล็อกเข้ากับฝากระโปรงให้แน่นด้วยแหวนรองและน็อต

  7. ปิดฝากระโปรง และใช้กุญแจสลักฝากระโปรงที่ให้มาตรวจสอบว่าตะขอของล็อกเกี่ยวเข้ากับที่เกี่ยวของโครงเมื่อล็อกแล้ว

การติดสติกเกอร์ CE

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

เครื่องหมาย CE1
สติกเกอร์ปีที่ผลิต1
สติกเกอร์คำเตือน1

การติดสติกเกอร์ CE

  1. ใช้แอลกอฮอล์และผ้าขี้ริ้วสะอาดทำความสะอาดบริเวณฝากระโปรงข้างล็อกฝากระโปรง และรอให้ฝากระโปรงแห้ง (รูป 35)

    g419590
  2. แกะสติกเกอร์ CE ออกจากกระดาษรอง

  3. ติดสติกเกอร์เข้ากับฝากระโปรง

การติดสติกเกอร์ปีที่ผลิต

  1. ใช้แอลกอฮอล์และผ้าขี้ริ้วสะอาดทำความสะอาดบริเวณโครงยึดพื้นข้างป้ายซีเรียล และปล่อยให้โครงยึดแห้ง (รูป 36)

    g375339
  2. แกะสติกเกอร์สติกเกอร์ปีที่ผลิตออกจากกระดาษรอง

  3. ติดสติกเกอร์เข้ากับโครงยึดพื้น

การติดสติกเกอร์คำเตือน CE

  1. ใช้แอลกอฮอล์และผ้าขี้ริ้วสะอาดเช็ดพื้นผิวของสติกเกอร์คำเตือนและปล่อยให้สติกเกอร์แห้ง (รูป 37)

    g383678
  2. แกะสติกเกอร์คำเตือน CE ออกจากกระดาษรอง

  3. ติดสติกเกอร์คำเตือน CE ทับสติกเกอร์ของเดิม

ภาพรวมผลิตภัณฑ์

g260768
g419708
g383839

แป้นขับเคลื่อน

แป้นขับเคลื่อน (รูป 40) ควบคุมการเดินหน้าและถอยหลัง เหยียบส่วนบนของแป้นเพื่อเดินหน้าและเหยียบส่วนล่างเพื่อถอยหลัง ความเร็วขับเคลื่อนบนพื้นจะขึ้นอยู่กับว่าคุณเหยียบแป้นมากน้อยเพียงใด

หากต้องการใช้ความเร็วขับเคลื่อนบนพื้นสูงสุด ตั้งค่าความเร็วสูงสุด แล้วเหยียบแป้นไปด้านหน้าขณะอยู่ในโหมดเคลื่อนย้าย

หากต้องการดับเครื่องอุปกรณ์ ลดแรงเหยียบบนแป้นขับเคลื่อนลง และปล่อยให้แป้นคืนกลับมาที่ตำแหน่งกลาง (เกียร์ว่าง)

Note: อุปกรณ์จะกลับมาใช้เกียร์ว่างอย่างรวดเร็วเมื่อคุณยกเท้าออกจากแป้นขับเคลื่อน

สวิตช์ความเร็วเครื่องยนต์

สวิตช์ความเร็วเครื่องยนต์ (รูป 39) มี 2 โหมด สำหรับใช้ปรับเปลี่ยนความเร็วเครื่องยนต์ การแตะสวิตช์ครู่หนึ่งจะเป็นการเปลี่ยนความเร็วเครื่องยนต์ทีละ 100 รอบต่อนาที หากคุณกดสวิตช์ค้างไว้ เครื่องยนต์จะเปลี่ยนเป็นการเดินรอบสูงหรือเดินรอบเบาโดยอัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับว่าคุณกดที่ปลายด้านใดของสวิตช์

สวิตช์ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

สวิตช์ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ มี 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ปิด, เปิด และใช้งาน

เปิดระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติโดยการกดสวิตช์ไปยังตำแหน่งตรงกลาง

หากต้องการใช้งานระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ กดสวิตช์ไปด้านหน้าเป็นระยะเวลาสั้นๆ เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติทำงาน หน้าจอระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติจะปรากฏใน InfoCenter ใช้ปุ่มบน InfoCenter ปรับความเร็วของระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ โดยปรับเพิ่มได้ครั้งละ 0.8 กม./ชม. (0.5 ไมล์ต่อชั่วโมง)

แป้นปรับพวงมาลัย

หากต้องการเอียงพวงมาลัยเข้าหาตัวคุณ ให้เหยียบแป้นปรับพวงมาลัย (รูป 40) แล้วดึงคอพวงมาลัยเข้าหาตัวจนได้ตำแหน่งที่สบาย จากนั้นปล่อยแป้นเหยียบ

สวิตช์กุญแจ

สวิตช์กุญแจ (รูป 39) มี 3 ตำแหน่ง: ปิด, เปิด/อุ่นเครื่อง และ สตาร์ท

สวิตช์เกียร์ฝาก (PTO)

เมื่อเปิดสวิตช์ PTO อุปกรณ์จะอยู่ในโหมดตัดหญ้า ที่ให้คุณขับอุปกรณ์ด้วยความเร็วสูงสุด 13 กม./ชม. (8 ไมล์ต่อชั่วโมง) หากไม่ได้จำกัดความเร็วสูงสุดเอาไว้

เมื่อไม่ได้เปิดสวิตช์ PTO (รูป 41) อุปกรณ์จะอยู่ในโหมดเคลื่อนย้าย ที่ให้คุณขับอุปกรณ์ด้วยความเร็วสูงสุด 16 กม./ชม. (10 ไมล์ต่อชั่วโมง) หากไม่ได้จำกัดความเร็วสูงสุดเอาไว้

Note: ตั้งค่าความเร็วสูงสุดในแต่ละโหมดด้วยเมนูที่ได้รับการป้องกันใน InfoCenter

g424477

เบรกจอด

เข้าเบรกจอด (รูป 39) โดยการกดสวิตช์ไปด้านหน้าบนแผงควบคุม ไฟสีแดงบนสวิตช์จะสว่างขึ้นมาเมื่อระบบพร้อมใช้งาน หากต้องการปลดเบรกจอด ให้กดสวิตช์มาด้านหลัง

การเปิดสวิตช์เบรกจอดจะทำให้อุปกรณ์ชะลอความเร็วลงโดยอัตโนมัติไม่ว่าจะเหยียบแป้นขับเคลื่อนอยู่หรือไม่ก็ตาม หลังจากนั้น เข้าเบรกจอดทันทีที่อุปกรณ์หยุดนิ่ง

หลังจากเครื่องยนต์ดับลงและอุปกรณ์จอดสนิทแล้ว เบรกจอดจะทำงาน ไม่ว่าสวิตช์เบรกจอดจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม

คันควบคุมการยก/ลดชุดตัดหญ้า

คันควบคุมอันนี้ (รูป 39) ใช้ยกชุดตัดหญ้าขึ้นและลง

ดันควบคุมไปด้านหน้าหากต้องการยกชุดตัดหญ้าลง เมื่อสวิตช์ PTO เปิดใช้งาน อุปกรณ์จะอยู่ในโหมดตัดหญ้า ส่วนชุดตัดหญ้าจะเริ่มหมุนเมื่อลดระดับลงมา

Note: คุณต้องลดระดับชุดตัดหญ้าลงหลังจากเปิดใช้งานสวิตช์ PTO แล้วเท่านั้น เพื่อให้ชุดตัดหญ้าเริ่มทำงาน หากลดระดับชุดตัดหญ้าลงมาก่อนเปิดใช้งานสวิตช์ PTO ชุดตัดหญ้าจะไม่หมุน

หากต้องการยกชุดตัดหญ้าขึ้นจนสุด ให้ดึงคันควบคุมมาด้านหลัง เมื่อยกชุดตัดหญ้าขึ้นและปลดการทำงานของสวิตช์ PTO อุปกรณ์จะเข้าสู่โหมดเคลื่อนย้าย

หากต้องการยกชุดตัดหญ้าขึ้นเพียงเล็กน้อยให้อยู่ในตำแหน่งเลี้ยวกลับ ดึงคันบังคับมาด้านหลังเป็นระยะเวลาสั้นๆ

InfoCenter

จอแสดงผล LCD InfoCenter แสดงข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ เช่น สถานะการทำงาน การวินิจฉัยต่างๆ และข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์ (รูป 39)

ระบบจะแสดงหน้าจอแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปุ่มที่คุณเลือก วัตถุประสงค์ของแต่ละปุ่มอาจเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับความต้องการในขณะนั้น

สวิตช์ไฟหน้า

หมุนสวิตช์ขึ้นเพื่อเปิดไฟหน้า (รูป 39)

จุดต่อไฟฟ้า

จุดต่อไฟฟ้าเป็นจุดจ่ายไฟฟ้า 12 โวลต์สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (รูป 42)

g419730

การตัดไฟฟ้าชุดตัดหญ้า

ก่อนติดตั้ง ถอด หรือทำงานกับชุดตัดหญ้า ให้ตัดไฟของชุดตัดหญ้าออกจากแหล่งจ่ายไฟ โดยถอดขั้วต่อตัดไฟฟ้าชุดตัดหญ้า (รูป 43) ซึ่งอยู่ใต้ที่นั่งออก และก่อนใช้อุปกรณ์ จึงค่อยเสียบขั้วต่อกลับเข้าไปอีกครั้ง

g027134

ข้อควรระวัง

หากคุณไม่ตัดไฟชุดตัดหญ้า อาจมีคนมาสตาร์ทชุดตัดหญ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ส่งผลให้มือและเท้าได้รับบาดเจ็บรุนแรงได้

ถอดขั้วต่อตัดไฟชุดตัดหญ้าทุกครั้งก่อนการทำงานกับชุดตัดหญ้า

ส่วนควบคุมเบาะที่นั่ง

g419753

ลูกบิดปรับน้ำหนัก

หมุนลูกบิดปรับน้ำหนักจนกว่าน้ำหนักของคุณจะแสดงในช่องมองของเกจน้ำหนัก

ลูกบิดปรับความสูง

หมุนลูกบิดปรับความสูงเพื่อปรับความสูงของเบาะที่นั่ง

คันปรับตำแหน่งเบาะที่นั่ง

ดึงคันปรับตำแหน่งเบาะที่นั่ง (รูป 44) เพื่อขยับเบาะที่นั่งไปข้างหน้าและถอยหลัง ปล่อยคันปรับเพื่อล็อกตำแหน่งเบาะที่นั่ง

Note: ข้อมูลจำเพาะและการออกแบบอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ

ความกว้างในการขนส่ง228 ซม. (90 นิ้ว)
ความกว้างในการตัด254 ซม. (100 นิ้ว)
ยาว282 ซม. (111 นิ้ว)
ความสูงเมื่อมี ROPS160 ซม. (63 นิ้ว)
น้ำหนัก*1360 กก. (2,999 ปอนด์)
เครื่องยนต์Kubota 26.5 กิโลวัตต์ (24.8 แรงม้า)
ความจุถังเชื้อเพลิง53 ลิตร (14 แกลลอนสหรัฐ)
ความเร็วในการขนส่ง0 ถึง 16 กม./ชม. (0 ถึง 10 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ความเร็วในการตัดหญ้า0 ถึง 13 กม./ชม. (0 ถึง 8 ไมล์ต่อชั่วโมง)

*น้ำหนักรวมของเหลวและชุดตัดหญ้าขนาด 12.7 ซม. (5 นิ้ว) 8 ใบมีด

อุปกรณ์ต่อพ่วง/อุปกรณ์เสริม

เราจัดจำหน่ายอุปกรณ์ต่อพ่วงและอุปกรณ์เสริมที่ Toro รับรองมากมายสำหรับใช้กับเครื่องตัดหญ้ารุ่นนี้เพื่อเสริมประสิทธิภาพและขยายความสามารถของเครื่องตัดหญ้า โปรดติดต่อตัวแทนบริการหรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต หรือเข้าไปที่ www.Toro.com เพื่อดูรายการอุปกรณ์ต่อพ่วงและอุปกรณ์เสริมที่รับรองทั้งหมด

เพื่อสมรรถนะสูงสุดและความปลอดภัยในการใช้งานอย่างต่อเนื่อง โปรดใช้เฉพาะอะไหล่ทดแทนและอุปกรณ์เสริมของแท้จาก Toro อะไหล่ทดแทนและอุปกรณ์เสริมที่ผลิตโดยผู้ผลิตรายอื่นอาจเป็นอันตราย และการใช้งานดังกล่าวอาจทำให้การรับประกันผลิตภัณฑ์เป็นโมฆะ

การปฏิบัติงาน

Note: ดูด้านซ้ายและขวาของอุปกรณ์จากตำแหน่งปกติในการควบคุมเครื่อง

ก่อนการปฏิบัติงาน

ความปลอดภัยก่อนการใช้งาน

ความปลอดภัยทั่วไป

  • ห้ามเด็กหรือผู้ที่ไม่ได้รับการฝึกฝนใช้หรือบำรุงรักษาอุปกรณ์โดยเด็ดขาด กฎหมายท้องถิ่นอาจจำกัดอายุของผู้ขับขี่ เจ้าของเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการฝึกอบรมให้กับผู้ควบคุมและช่างซ่อมบำรุง

  • ทำความคุ้นเคยกับการใช้งานอุปกรณ์อย่างปลอดภัย ระบบควบคุมของผู้ขับขี่ และป้ายความปลอดภัย

  • ก่อนออกจากตำแหน่งใช้งาน ให้ปฏิบัติตามดังนี้

    • จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ

    • ปลดและลดชุดตัดหญ้าลง

    • เข้าเบรกจอด

    • ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

    • รอให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง

    • รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์

  • เรียนรู้วิธีหยุดและดับเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว

  • หากไม่ได้ติดตั้งแผงกั้นและอุปกรณ์นิรภัยอื่นๆ ทั้งหมด หรือแผงกั้นและอุปกรณ์นิรภัยทำงานผิดปกติ กรุณาอย่าใช้เครื่อง

  • ก่อนตัดหญ้า ตรวจสอบอุปกรณ์ให้แน่ใจเสมอว่าชุดตัดหญ้าอยู่ในสภาพดีและทำงานได้ตามปกติ

  • ตรวจสอบพื้นที่บริเวณที่ต้องการใช้อุปกรณ์และจัดเก็บวัตถุต่างๆ ที่อาจกระเด็นออกให้หมด

  • ผลิตภัณฑ์นี้สร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ดังนั้น หากคุณฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทางการแพทย์ไว้ในร่างกาย โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์นี้

ความปลอดภัยด้านเชื้อเพลิง

  • โปรดใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งเมื่อจัดการกับน้ำมัน น้ำมันเป็นวัตถุติดไฟได้และละอองน้ำมันอาจระเบิดได้

  • ดับบุหรี่ ซิการ์ ไปป์ และแหล่งจุดไฟอื่นๆ ให้หมด

  • ใช้เฉพาะภาชนะบรรจุน้ำมันที่ผ่านการรับรองเท่านั้น

  • อย่าเปิดฝาถังเชื้อเพลิงหรือเติมถังเชื้อเพลิงในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงานหรือร้อนอยู่

  • อย่าเติมหรือระบายน้ำมันในพื้นที่อับ

  • อย่าจัดเก็บอุปกรณ์หรือภาชนะบรรจุน้ำมันในที่ที่มีเปลวไฟ ประกายไฟ หรือไฟนำร่อง เช่น บนเครื่องทำน้ำร้อน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ

  • หากน้ำมันหก อย่าพยายามสตาร์ทเครื่องยนต์ หลีกเลี่ยงการสร้างแหล่งจุดไฟจนกว่าละอองน้ำมันจะระเหยไป

การบำรุงรักษาประจำวัน

ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์แต่ละวัน ให้ทำตามขั้นตอนการใช้แต่ละครั้ง/ขั้นตอนประจำวันที่ระบุใน รายการตรวจสอบสำหรับการบำรุงรักษารายวัน

ข้อมูลจำเพาะเกี่ยวกับเชื้อเพลิง

ใช้เฉพาะน้ำมันดีเซลหรือไบโอดีเซลที่สะอาดและใหม่ ซึ่งมีค่าซัลเฟอร์ต่ำ (น้อยกว่า 500 ส่วนต่อมิลลิลิตร) หรือต่ำพิเศษ (น้อยกว่า 15 ส่วนต่อมิลลิลิตร) เท่านั้น อัตราซีเทนขั้นต่ำควรเท่ากับ 40 ซื้อน้ำมันในปริมาณที่คุณจะใช้ได้ภายใน 180 วันเพื่อรับรองว่าน้ำมันใหม่

ใช้น้ำมันดีเซลเกรดฤดูร้อน (หมายเลข 2-D) ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า -7°C (20°F) และเกรดฤดูหนาว (หมายเลข 1-D หรือหมายเลข 1-D/2-D ผสม) ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่านั้น การใช้น้ำมันเกรดฤดูหนาวที่อุณหภูมิต่ำทำให้น้ำมันมีจุดวาบไฟและจุดไหลเทในอากาศหนาวต่ำลง ช่วยให้สตาร์ทเครื่องยนต์ง่ายขึ้น และลดตัวกรองเชื้อเพลิงอุดตัน

การใช้น้ำมันเกรดฤดูร้อนที่อุณหภูมิสูงกว่า -7°C (20°F) ทำให้ปั๊มเชื้อเพลิงมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น และช่วยเพิ่มกำลังเครื่องยนต์เมื่อเทียบกับน้ำมันเกรดฤดูหนาว

Important: ห้ามใช้น้ำมันก๊าดหรือน้ำมันเบนซินแทนน้ำมันดีเซลโดยเด็ดขาด การไม่ปฏิบัติตามข้อควรระวังนี้อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้

ใช้ไบโอดีเซลได้

อุปกรณ์นี้สามารถใช้น้ำมันผสมไบโอดีเซลได้สูงสุดถึง B20 (ไบโอดีเซล 20%, ปิโตรดีเซล 80%) ส่วนของปิโตรดีเซลควรมีซัลเฟอร์ระดับต่ำหรือต่ำพิเศษ ปฏิบัติตามข้อควรระวังดังต่อไปนี้:

  • ส่วนของไบโอดีเซลในเชื้อเพลิงต้องตรงตามข้อกำหนด ASTM D6751 หรือ EN14214

  • ส่วนประกอบเชื้อเพลิงผสมควรเป็นไปตาม ASTM D975 หรือ EN590

  • สีของอุปกรณ์อาจเสียหายได้หากสัมผัสโดนน้ำมันผสมไบโอดีเซล

  • ใช้น้ำมัน B5 (ไบโอดีเซลสัดส่วน 5%) หรือสัดส่วนผสมที่น้อยกว่านี้ในสภาพอากาศหนาวเย็น

  • ตรวจสอบซีล ท่อ ปะเก็นที่สัมผัสกับน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากชิ้นส่วนเหล่านี้อาจเสื่อมสภาพเมื่อเวลาผ่านไป

  • ตัวกรองเชื้อเพลิงอาจจะอุดตันหลังจากเปลี่ยนไปใช้น้ำมันผสมไบโอดีเซล

  • ติดต่อตัวแทนจำหน่ายหากคุณต้องการขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไบโอดีเซล

ความจุถังเชื้อเพลิง

53 ลิตร (14 แกลลอนสหรัฐ)

การเติมน้ำมัน

  1. จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ ลดชุดตัดหญ้าลงมา ดับเครื่องยนต์ และดึงกุญแจออก

  2. ใช้ผ้าขี้ริ้วสะอาด ทำความสะอาดบริเวณรอบฝาถังน้ำมัน

  3. เปิดฝาถังน้ำมันออก (รูป 45)

    g021210
  4. เติมน้ำมันลงในถังเชื้อเพลิงจนกระทั่งระดับน้ำมันอยู่ใต้ช่องเติมน้ำมันดีเซล

  5. ปิดฝาถังน้ำมันให้แน่นหลังจากเติมน้ำมันแล้ว

    Note: ถ้าทำได้ ให้เติมน้ำมันหลังใช้งานทุกครั้ง วิธีนี้จะช่วยลดการควบแน่นสะสมภายในถังน้ำมันได้

การตรวจสอบสวิตช์อินเทอร์ล็อก

ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบสวิตช์อินเทอร์ล็อก
  • ข้อควรระวัง

    หากสวิตช์อินเทอร์ล็อกนิรภัยขาดหรือชำรุด อุปกรณ์อาจทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้

    • อย่าแก้ไขดัดแปลงสวิตช์อินเทอร์ล็อก

    • ตรวจสอบการทำงานของสวิตช์อินเทอร์ล็อกเป็นประจำทุกวัน และเปลี่ยนสวิตช์ที่เสียหายก่อนการใช้งานอุปกรณ์

    Important: หากการตรวจสอบสวิตช์อินเทอร์ล็อกของอุปกรณ์ล้มเหลว โปรดติดต่อตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Toro

    การเตรียมอุปกรณ์

    1. ขับอุปกรณ์ช้าๆ ไปยังพื้นที่เปิดโล่ง

    2. ลดชุดตัดหญ้าลงมา ดับเครื่องยนต์ และเข้าเบรกจอด

    การตรวจสอบอินเทอร์ล็อกสตาร์ทของแป้นขับเคลื่อน

    1. นั่งลงบนที่นั่งคนขับ

    2. เข้าเบรกจอด

    3. กดสวิตช์ PTO ไปที่ตำแหน่งปลด

    4. เหยียบแป้นขับเคลื่อน

    5. บิดสวิตช์กุญแจไปที่ตำแหน่งสตาร์ท

      Note: เครื่องยนต์ไม่ควรสตาร์ทขณะที่เหยียบแป้นขับเคลื่อน

    การตรวจสอบอินเทอร์ล็อกสตาร์ทของ PTO

    1. นั่งลงบนที่นั่งคนขับ

    2. ดึงสวิตช์ PTO ไปที่ตำแหน่งใช้งาน

    3. บิดสวิตช์กุญแจไปที่ตำแหน่งสตาร์ท

      Note: เครื่องยนต์ไม่ควรสตาร์ทขณะที่สวิตช์ PTO อยู่ในตำแหน่ง ใช้งาน

    การตรวจสอบอินเทอร์ล็อกวิ่งของ PTO

    1. นั่งลงบนที่นั่งคนขับ

    2. กดสวิตช์ PTO ไปที่ตำแหน่งปลด

    3. สตาร์ทเครื่องยนต์

    4. ดึงสวิตช์ PTO ไปที่ตำแหน่งใช้งาน

    5. ลดระดับชุดตัดหญ้าลงมาเพื่อให้สวิตช์ PTO ทำงาน

    6. ลุกขึ้นจากเบาะที่นั่ง

    Note: PTO ไม่ควรวิ่งเมื่อคุณลุกออกจากเบาะที่นั่งของผู้ปฏิบัติงาน

    Note: ระหว่างทดสอบ ไม่ควรปล่อยให้ชุดตัดหญ้าหมุนนานเกิน 2-3 วินาที เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการสึกหรอโดยไม่จำเป็น

    การตรวจสอบอินเทอร์ล็อกวิ่งของเบรกจอดและแป้นขับเคลื่อน

    1. นั่งลงบนที่นั่งคนขับ

    2. เข้าเบรกจอด

    3. กดสวิตช์ PTO ไปที่ตำแหน่งปลด

    4. สตาร์ทเครื่องยนต์

    5. เหยียบแป้นขับเคลื่อน

      Note: ระหว่างที่เบรกจอดทำงาน ไม่ควรมีการตอบสนองใดๆ เกิดขึ้นกับอุปกรณ์เมื่อคุณเหยียบแป้นขับเคลื่อน และบน InfoCenter ควรมีข้อความแนะนำปรากฏขึ้น

    การตรวจสอบการทำงานโดยอัตโนมัติของเบรกจอด

    1. นั่งลงบนที่นั่งคนขับ

    2. สตาร์ทเครื่องยนต์

    3. ปลดเบรกจอด

    4. ลุกขึ้นจากเบาะที่นั่ง

      Note: ไฟสีแดงบนสวิตช์เบรกจอดควรสว่างขึ้นเมื่อคุณลุกออกจากเบาะที่นั่งคนขับ เพื่อแสดงว่าเบรกจอดกำลังทำงาน

    การตรวจสอบระบบอินเทอร์ล็อกปิดใช้งานการลดระดับชุดตัดหญ้า

    1. นั่งลงบนที่นั่งคนขับ

    2. สตาร์ทเครื่องยนต์

    3. ตรวจสอบว่าชุดตัดหญ้าถูกยกขึ้นและอยู่ในตำแหน่งเคลื่อนย้าย

    4. ลุกขึ้นจากเบาะที่นั่ง

    5. ลดชุดตัดหญ้าลง

      Note: ชุดตัดหญ้าไม่ควรลดระดับลงมาเมื่อคุณลุกออกจากเบาะที่นั่งคนขับ

    การใช้จอแสดงผล LCD InfoCenter

    จอแสดงผล LCD InfoCenter แสดงข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ เช่น สถานะการทำงาน การวินิจฉัยต่างๆ และข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์ (รูป 46) InfoCenter ประกอบด้วยจอแสดงผลหลายหน้าจอ ซึ่งคุณสามารถสลับเปลี่ยนหน้าจอได้ทุกเมื่อ โดยการกดปุ่มปุ่มใดก็ได้ของ InfoCenter จากนั้นเลือกลูกศรทิศทางที่ต้องการ

    g020650
    • ปุ่มซ้าย, ปุ่มเข้าถึงเมนู/ปุ่มถอยหลัง—กดปุ่มนี้เพื่อเข้าสู่เมนู InfoCenter คุณสามารถใช้ปุ่มนี้เพื่อถอยกลับจากเมนูที่ใช้งานอยู่ได้

    • ปุ่มกลาง—กดปุ่มนี้เพื่อเลื่อนเมนูลง

    • ปุ่มขวา—กดปุ่มนี้เพื่อเปิดเมนู ซึ่งลูกศรขวาจะระบุเนื้อหาเพิ่มเติม

    Note: วัตถุประสงค์ของแต่ละปุ่มอาจเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับความต้องการในขณะนั้น แต่ละปุ่มจะติดฉลากไอคอนแสดงฟังก์ชันการทำงานในปัจจุบัน

    คำอธิบายไอคอน InfoCenter

    กำหนดการซ่อมบำรุง[SERVICE DUE]แสดงว่าควรซ่อมบำรุงเมื่อใด
    Graphicมิเตอร์นับชั่วโมง
    Graphicไอคอนข้อมูล
    Graphicเร็ว
    Graphicช้า
    Graphicระดับเชื้อเพลิง
    Graphicหัวเทียนทำงาน 
    Graphicยกชุดตัดหญ้าขึ้น
    Graphicลดชุดตัดหญ้าลง
    Graphicนั่งอยู่ในเบาะที่นั่ง
    Graphicเบรกจอดใช้งานอยู่
    Graphicช่วงสูง (ขนส่ง)
    Graphicเกียร์ว่าง
    Graphicช่วงต่ำ (ตัดหญ้า)
    Graphicอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น (°C หรือ °F)
    Graphicอุณหภูมิ (ร้อน)
    GraphicPTO ทำงานอยู่
    Graphicไม่อนุญาต
    Graphicสตาร์ทเครื่องยนต์
    Graphicดับเครื่องยนต์
    Graphicเครื่องยนต์
    Graphicสวิตช์กุญแจ
    Graphicแบตเตอรี่
    Graphicมอเตอร์/เจเนอเรเตอร์ (ไม่ได้ชาร์จอยู่)
    Graphicมอเตอร์/เจเนอเรเตอร์ (กำลังชาร์จ)
    Graphicใบมีดพวงไฟฟ้า
    Graphicลับคมส่วนหน้า
    Graphicลับคมส่วนหลัง
    Graphicชุดตัดหญ้ากำลังลดระดับลง
    Graphicชุดตัดหญ้ากำลังยกขึ้น
    GraphicPIN รหัสผ่าน
    Graphicแคนบัส
    GraphicInfoCenter
    Graphicไม่ดีหรือล้มเหลว
    Graphicหลอดไฟ
    Graphicเอาต์พุตของส่วนควบคุม TEC หรือสายควบคุมในชุดสายไฟ
    Graphicสวิตช์
    Graphicปลดสวิตช์
    Graphicเปลี่ยนเป็นสถานะที่ระบุ
    Graphicโหมดอุ่นเครื่อง
    สัญลักษณ์มักจะอยู่รวมกันเป็นประโยค ดูตัวอย่างบางส่วนได้จากด้านล่าง 
    Graphicเข้าเกียร์ว่าง
    Graphicการสตาร์ทเครื่องยนต์ถูกปฏิเสธ
    Graphicเครื่องยนต์ดับ
    Graphicน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ร้อนเกินไป 
    Graphicนั่งลงหรือใช้เบรกจอด

    การใช้เมนู

    หากต้องการเข้าถึงระบบเมนู InfoCenter ให้กดปุ่มเข้าถึงเมนูขณะที่อยู่ในหน้าจอหลัก ส่วนนี้พาคุณไปยังเมนูหลัก โปรดดูข้อมูลสรุปเกี่ยวกับตัวเลือกที่มีในเมนูจากตารางด้านล่าง

    Main Menu (เมนูหลัก)
    รายการเมนูคำอธิบาย
    Faults (ความขัดข้อง)เมนูความขัดข้องระบุรายการความขัดข้องของอุปกรณ์ล่าสุด หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมนูความขัดข้องและข้อมูลที่อยู่ในเมนูดังกล่าว โปรดดูคู่มือซ่อมบำรุงหรือติดต่อตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Toro
    Service (ซ่อมบำรุง)เมนูซ่อมบำรุงมีข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ เช่น ตัวนับชั่วโมงการใช้งาน และตัวเลขอื่นๆ ที่คล้ายกัน
    Diagnostics (การวินิจฉัย)เมนูวินิจฉัยแสดงสถานะของสวิตช์ เซ็นเซอร์ และเอาต์พุตการควบคุมของอุปกรณ์แต่ละส่วน คุณสามารถใช้เมนูนี้แก้ไขปัญหาบางอย่างได้ เนื่องจากระบบจะแจ้งว่าการควบคุมอุปกรณ์ส่วนใดที่เปิดและส่วนใดที่ปิดได้อย่างรวดเร็ว
    Settings (การตั้งค่า)เมนูการตั้งค่าช่วยให้คุณปรับแต่งและเปลี่ยนแปลงตัวแปรการกำหนดค่าบนจอแสดงผล InfoCenter
    About (เกี่ยวกับ)เมนูเกี่ยวกับระบุหมายเลขรุ่น หมายเลขซีเรียล และเวอร์ชันซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์
    Service (การซ่อมบำรุง)
    รายการเมนูคำอธิบาย
    Hoursแสดงจำนวนชั่วโมงโดยรวมที่อุปกรณ์ เครื่องยนต์ และ PTO เปิดทำงาน รวมถึงจำนวนชั่วโมงที่มีการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ และเวลาถึงกำหนดซ่อมบำรุง
    Countsแสดงแสดงค่าการนับต่างๆ ของอุปกรณ์
    Diagnostics (การวินิจฉัย)
    รายการเมนูคำอธิบาย
    Cutting Unitsระบุอินพุต ข้อมูลระบุ และเอาต์พุตสำหรับการยกชุดตัดหญ้าขึ้นและลง 
    Hi/Low Rangeระบุอินพุต ข้อมูลระบุ และเอาต์พุตสำหรับการขับขี่ในโหมดเคลื่อนย้าย 
    PTOระบุอินพุต ข้อมูลระบุ และเอาต์พุตสำหรับการใช้วงจร PTO 
    Engine Runระบุอินพุต ข้อมูลระบุ และเอาต์พุตสำหรับการสตาร์ทเครื่องยนต์ 
    Backlapระบุอินพุต ข้อมูลระบุ และเอาต์พุตสำหรับการใช้งานฟังก์ชันลับคม
    Settings (การตั้งค่า)
    รายการเมนูคำอธิบาย
    Units (หน่วยวัด)ควบคุมหน่วยวัดที่ใช้ใน InfoCenter ตัวเลือกในเมนู ได้แก่ อังกฤษหรือเมตริก
    Language (ภาษา)ควบคุมภาษาที่ใช้ใน InfoCenter*
    LCD Backlight (แสงพื้นหลังของจอ LCD)ควบคุมความสว่างของจอ LCD 
    LCD Contrast (คอนทราสต์ของจอ LCD)ควบคุมคอนทราสต์ของจอ LCD 
    Front Backlap Reel Speed (ความเร็วลับคมใบมีดพวงด้านหน้า)ควบคุมความเร็วของใบมีดพวงด้านหน้าในโหมดลับคม 
    Rear Backlap Reel Speed (ความเร็วลับคมใบมีดพวงด้านหลัง)ควบคุมความเร็วของใบมีดพวงด้านหลังในโหมดลับคม 
    Blade Count (จำนวนใบมีด)ควบคุมจำนวนใบมีดบนใบมีดพวงสำหรับความเร็วใบมีดพวง
    Mow Speed (ความเร็วการตัดหญ้า) ควบคุมความเร็วขับเคลื่อนบนพื้นเพื่อการกำหนดความเร็วใบมีดพวง
    Height of cut (HOC) (ความสูงในการตัด (HOC))ควบคุมความสูงในการตัด (HOC) เพื่อกำหนดความเร็วใบมีดพวง
    F Reel RPM (รอบต่อนาทีของใบมีดพวงด้านหน้า)แสดงตำแหน่งความเร็วใบมีดพวงที่คำนวณไว้สำหรับใบมีดพวงด้านหน้า นอกจากนี้ยังสามารถปรับใบมีดพวงแบบแมนวลได้ด้วย 
    R Reel RPM (รอบต่อนาทีของใบมีดพวงด้านหลัง) แสดงตำแหน่งความเร็วใบมีดพวงที่คำนวณไว้สำหรับใบมีดพวงด้านหลัง นอกจากนี้ยังสามารถปรับใบมีดพวงแบบแมนวลได้ด้วย 
    Protected Menus (เมนูที่ได้รับการป้องกัน)อนุญาตให้บุคคลที่ได้รับอนุญาต (หัวหน้างาน/ช่างซ่อมบำรุง) จากบริษัทและมีรหัส PIN เข้าถึงเมนูที่ได้รับการป้องกันได้
    Protect Settings (การตั้งค่าการป้องกัน)อนุญาตให้เปลี่ยนการตั้งค่าในการตั้งค่าที่ได้รับการป้องกัน
    Acceleration (การเร่งความเร็ว) Graphicการตั้งค่าต่ำ กลาง สูง เป็นตัวควบคุมว่าความเร็วในการขับเคลื่อนจะตอบสนองเร็วแค่ไหนเมื่อคุณเหยียบแป้นขับเคลื่อน
    Mow Speed (ความเร็วการตัดหญ้า) Graphicควบคุมความเร็วสูงสุดขณะอยู่ในโหมดตัดหญ้า (ช่วงต่ำ)
    Trans. Speed (ความเร็วการเคลื่อนย้าย) Graphicควบคุมความเร็วสูงสุดขณะอยู่ในโหมดเคลื่อนย้าย (ช่วงสูง)
    Smart Power Graphicเปิดใช้งานระบบ Smart Power
    Turnaround (การเลี้ยว) Graphicเปิดและปิดการเลี้ยว
    Economy Mode (โหมดประหยัด)Graphicเมื่อเปิดใช้งาน โหมดประหยัดจะลดความเร็วเครื่องยนต์ขณะตัดหญ้าเพื่อลดเสียงรบกวนและการใช้เชื้อเพลิง ความเร็วใบมีดพวงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ความเร็วในการตัดหญ้าจะลดลง ถ้าไม่ได้ปรับตัวคั่น
    Clip Control Graphicเปิดและปิดระบบ Clip Control

    * แปลเฉพาะข้อความที่ผู้ใช้อ่านเท่านั้น หน้าจอความขัดข้อง การซ่อมบำรุง และการวินิจฉัยเป็น “หน้าจอซ่อมบำรุง” ชื่อจะเป็นภาษาที่เลือก แต่รายการเมนูเป็นภาษาอังกฤษ

    Graphic ได้รับการป้องกันไว้ภายใต้เมนูที่ได้รับการป้องกัน—ต้องป้อน PIN เพื่อเข้าถึงเท่านั้น

    About (เกี่ยวกับ)
    รายการเมนูคำอธิบาย
    Modelแสดงหมายเลขรุ่นของอุปกรณ์
    SNแสดงหมายเลขซีเรียลของอุปกรณ์ 
    Machine Controller Revisionแสดงรุ่นซอฟต์แวร์ของส่วนควบคุมหลัก
    CU 1CU 2CU 3CU 4CU 5แสดงรุ่นซอฟต์แวร์ของชุดตัดหญ้าแต่ละชุด
    เจเนอเรเตอร์แสดงรุ่นซอฟต์แวร์ของมอเตอร์/เจเนอเรเตอร์
    InfoCenter Revisionแสดงรุ่นซอฟต์แวร์ของ InfoCenter 
    CAN Busแสดงสถานะบัสการสื่อสารของอุปกรณ์ 

    Protected Menus (เมนูที่ได้รับการป้องกัน)

    การกำหนดค่าการทำงานบางอย่างสามารถปรับได้ในเมนูการตั้งค่าของ InfoCenterหากต้องการล็อกการตั้งค่าเหล่านี้ โปรดใช้ Protected Menus (เมนูที่ได้รับการป้องกัน)

    Note: ตอนที่จัดส่งอุปกรณ์ ตัวแทนจำหน่ายของคุณจะตั้งค่ารหัสผ่านเบื้องต้นไว้ให้

    การเข้าถึงเมนูที่ได้รับการป้องกัน

    Note: รหัส PIN ที่เป็นค่าเริ่มต้นมาจากโรงงานสำหรับอุปกรณ์ของคุณอาจเป็น 0000 หรือ 1234หากคุณเปลี่ยนรหัส PIN และลืมรหัส โปรดติดต่อตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Toro เพื่อขอความช่วยเหลือ

    1. จากเมนูหลัก ใช้ปุ่มกลางเลื่อนลงไปที่เมนูการตั้งค่า และกดปุ่มขวา (รูป 47)

      g028523
    2. ในเมนูการตั้งค่า ใช้ปุ่มกลางเลื่อนลงมายังเมนูที่ได้รับการป้องกัน และกดปุ่มขวา (รูป 48A)

      g028522
    3. ป้อนรหัส PIN โดยกดปุ่มกลางจนกว่าเลขหลักแรกที่ถูกต้องจะปรากฏ จากนั้นกดปุ่มขวาเพื่อเลื่อนไปหลักถัดไป (รูป 48B และ รูป 48C) ทำซ้ำขั้นตอนนี้จนป้อนหลักสุดท้ายเสร็จ จากนั้นกดปุ่มขวาอีกหนึ่งครั้ง

    4. กดปุ่มกลางเพื่อป้อนหรัส PIN (รูป 48D)

      รอจนกว่าไฟสถานะสีแดงของ InfoCenter จะสว่างขึ้น

      Note: หาก InfoCenter ยอมรับรหัส PIN เมนูที่ได้รับการป้องกันจะปลดล็อก คำว่า “PIN” ปรากฏขึ้นที่มุมขวาบนของหน้าจอ

    Note: หมุนสวิตช์กุญแจไปยังตำแหน่งปิด จากนั้นหมุนไปที่ตำแหน่งเปิด เพื่อล็อกเมนูที่ได้รับการป้องกัน

    การดูและเปลี่ยนการตั้งค่าเมนูที่ได้รับการป้องกัน

    1. ในเมนูที่ได้รับการป้องกัน เลื่อนลงมายังป้องกันการตั้งค่า

    2. หากต้องการดูและเปลี่ยนการตั้งค่าโดยไม่ต้องป้อนรหัส PIN ให้ใช้ปุ่มขวาเพื่อเปลี่ยนการป้องกันการตั้งค่าเป็น ปิด

    3. หากต้องการดูและเปลี่ยนการตั้งค่าโดยที่ต้องป้อนรหัส PIN ให้ใช้ปุ่มซ้ายเพื่อเปลี่ยนการป้องกันการตั้งค่าเป็น เปิด แล้วตั้งค่ารหัส PIN จากนั้นบิดกุญแจในสวิตช์สตาร์ทไปที่ตำแหน่ง ปิด จากนั้นบิดไปที่ตำแหน่ง เปิด

    การตั้งค่าตัวจับเวลากำหนดการซ่อมบำรุง

    ตัวจับเวลากำหนดการซ่อมบำรุงจะรีเซ็ตชั่วโมงกำหนดการซ่อมบำรุงหลังจากที่บำรุงรักษาตามกำหนดการไปแล้ว

    1. ในเมนูการตั้งค่า ใช้ปุ่มกลางเลื่อนลงมายังเมนูที่ได้รับการป้องกัน และกดปุ่มขวา

    2. ป้อน PIN โปรดดูการเข้าถึงเมนูที่ได้รับการป้องกันในคู่มือผู้ใช้ของอุปกรณ์ของคุณ

    3. ในเมนูซ่อมบำรุง ไปที่เมนูชั่วโมง

    4. เลื่อนลงไปที่สัญลักษณ์ซ่อมบำรุง Graphic

      Note: หากการซ่อมบำรุงถึงกำหนดแล้วตอนนี้ ไอคอนแรกจะแสดง ตอนนี้

    5. ใต้ไอคอนแรกคือรายการรอบการซ่อมบำรุง Graphic (รอบเวลา เช่น 250, 500 เป็นต้น)

      Note: รอบการซ่อมบำรุงเป็นรายการในเมนูที่ได้รับการป้องกัน

    6. ไฮไลต์ที่รอบการซ่อมบำรุงและกดปุ่มขวา

    7. เมื่อหน้าจอใหม่ปรากฏขึ้นมา ให้ยืนยัน รีเซ็ตชั่วโมงซ่อมบำรุง—คุณแน่ใจหรือไม่?

    8. เลือก ใช่(ปุ่มกลาง) หรือ ไม่ (ปุ่มซ้าย)

    9. หากคุณเลือก ใช่ ข้อมูลบนหน้าจอรอบจะถูกล้างออก และย้อนกลับไปเป็นการเลือกชั่วโมงซ่อมบำรุง

    การตั้งค่าจำนวนใบมีด

    1. ในในเมนูการตั้งค่า เลื่อนลงมายังจำนวนใบมีด

    2. กดปุ่มขวาเพื่อเปลี่ยนจำนวนใบมีดพวงระหว่าง 8 หรือ 11 ใบมีด

    การตั้งค่าความสูงในการตัด (HOC)

    1. ในเมนูการตั้งค่า เลื่อนลงมายัง HOC

    2. กดปุ่มขวาเพื่อเลือก HOC

    3. กดปุ่มกลางและปุ่มขวาเพื่อเลือกการตั้งค่าความสูงในการตัดที่ตรงกับการตั้งค่าเบนช์ของชุดตัดหญ้า หากไม่มีการตั้งค่าที่พอดีแสดงขึ้นมา ให้เลือกการตั้งค่า HOC ที่ใกล้เคียงที่สุดจากรายการที่แสดง

    4. กดปุ่มซ้ายเพื่อออกจากเมนู HOC และบันทึกการตั้งค่า

    การตั้งค่าความเร็วใบมีดพวงด้านหน้าและด้านหลัง

    ขณะเปิดใช้งานระบบ Clip Control (ค่าเริ่มต้น) ความเร็วของใบมีดพวงจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามสัดส่วนต่อความเร็วในการขับเคลื่อนที่ผู้ใช้ควบคุม

    ขณะปิดใช้งานระบบ Clip Control ใบมีดพวงจะทำงานด้วยความเร็วคงที่ ซึ่งมีการตั้งค่าให้สัมพันธ์กับความเร็วการตัดหญ้าสูงสุดที่หัวหน้างานกำหนด

    โปรดดู การตั้งค่าความเร็วใบมีดพวง

    การตั้งค่าโหมดประหยัด

    การทำงานในโหมดประหยัดเหมาะกับงานเบาๆ หรือการทำงานที่ไม่ต้องการสร้างเสียบรบกวน เครื่องยนต์จะทำงานด้วยความเร็วลดลง แต่ไม่ใช่กับความเร็วในการขับเคลื่อนและความเร็วใบมีดพวง

    Note: ไม่แนะนำให้ใช้ความเร็วใบมีดพวงเกิน 8.6 กม./ชม. (5.5 ไมล์ต่อชั่วโมง)

    1. จากเมนูหลัก ใช้ปุ่มกลางเลื่อนลงมาที่เมนูการตั้งค่า

    2. กดปุ่มขวาเพื่อเลือก

    3. ในเมนูการตั้งค่า ใช้ปุ่มกลางเลื่อนลงมาที่โหมดประหยัด

    4. กดปุ่มขวาเพื่อเลือกเปิดฟังก์ชัน

    5. กดปุ่มซ้ายเพื่อบันทึกการตั้งค่าและออกจากการตั้งค่า

    การเข้าถึงหน้าจอแสดงผลที่มีการป้องกัน

    จากหน้าจอหลัก กดปุ่มกลางหนึ่งครั้ง เมื่อลูกศรปรากฏขึ้นเหนือปุ่ม ให้กดปุ่มกลางอีกครั้งเพื่อเลื่อนดูหน้าจอแสดงผล

    กดปุ่มกลางอีกครั้งเพื่อเข้าสู่หน้าจอข้อมูล eReel ซึ่งแสดงใบมีดพวงปัจจุบันและความเร็วของชุดตัดหญ้า 5 ชุดแยกกัน

    กดปุ่มกลางอีกครั้งเพื่อเข้าสู่หน้าจอโหมดพลังงานที่แสดงส่วนประกอบ การไหลของพลังงาน และทิศทางขณะทำงาน

    การตั้งค่าความเร็วการตัดหญ้าสูงสุดที่อนุญาต

    ความเร็วที่เลือกจะกำกับด้วยเครื่องหมาย X ในแผนภูมิแท่งความเร็วการขับเคลื่อน พร้อมด้วยการตั้งค่าระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและตัวหยุดแป้นขับเคลื่อน โดยเครื่องหมาย X ในแท่งแผนภูมิเป็นสิ่งที่แสดงว่าหัวหน้างานได้จำกัดความเร็วสูงสุดไว้ (รูป 50 หรือ รูป 52)

    Note: ระบบจะจัดเก็บการตั้งค่านี้ไว้ในหน่วยความจำและนำไปใช้กับความเร็วการขับเคลื่อนจนกว่าคุณจะเปลี่ยนการตั้งค่า

    1. จากเมนูการตั้งค่า เลื่อนลงมายังเมนูความเร็วการตัดหญ้า จากนั้นกดปุ่มขวา

    2. ใช้ปุ่มขวาเพิ่มความเร็วการตัดหญ้าสูงสุดครั้งละ 0.8 กม./ชม.(0.5 ไมล์ต่อชั่วโมง) จนอยู่ระหว่าง 1.6 ถึง 12.9 กม./ชม. (1.0 ถึง 8.0 ไมล์ต่อชั่วโมง)

    3. ใช้ปุ่มกลางลดความเร็วการตัดหญ้าสูงสุดครั้งละ 0.8 กม./ชม.(0.5 ไมล์ต่อชั่วโมง) จนอยู่ระหว่าง 1.6 ถึง 12.9 กม./ชม. (1.0 ถึง 8.0 ไมล์ต่อชั่วโมง)

    4. กดปุ่มซ้ายเพื่อออก

    การตั้งค่าความเร็วการเคลื่อนย้ายสูงสุดที่อนุญาต

    ความเร็วที่เลือกจะกำกับด้วยเครื่องหมาย X ในแผนภูมิแท่งความเร็วการขับเคลื่อน พร้อมด้วยการตั้งค่าระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและตัวหยุดแป้นขับเคลื่อน โดยเครื่องหมาย X ในแท่งแผนภูมิเป็นสิ่งที่แสดงว่าหัวหน้างานได้จำกัดความเร็วสูงสุดไว้ (รูป 50 หรือ รูป 52)

    Note: ระบบจะจัดเก็บการตั้งค่านี้ไว้ในหน่วยความจำและนำไปใช้กับความเร็วการขับเคลื่อนจนกว่าคุณจะเปลี่ยนการตั้งค่า

    1. จากเมนูการตั้งค่า เลื่อนลงมายังเมนูความเร็วการเคลื่อนย้าย จากนั้นกดปุ่มขวา

    2. ใช้ปุ่มขวาเพิ่มความเร็วการเคลื่อนย้ายสูงสุดครั้งละ 0.8 กม./ชม.(0.5 ไมล์ต่อชั่วโมง) จนอยู่ระหว่าง 8.0 ถึง 16.0 กม./ชม. (5.0 ถึง 10.0 ไมล์ต่อชั่วโมง)

    3. ใช้ปุ่มกลางลดความเร็วการเคลื่อนย้ายสูงสุดครั้งละ 0.8 กม./ชม.(0.5 ไมล์ต่อชั่วโมง) จนอยู่ระหว่าง 8.0 ถึง 16.0 กม./ชม. (5.0 ถึง 10.0 ไมล์ต่อชั่วโมง)

    4. กดปุ่มซ้ายเพื่อออก

    การเปิด/ปิด Smart Power

    1. ในเมนูการตั้งค่า เลื่อนลงมายัง Smart Power

    2. กดปุ่มขวาเพื่อเปิดหรือปิด

    3. กดปุ่มซ้ายเพื่อออก

    การตั้งค่าโหมดเร่งความเร็ว

    1. ในเมนูการตั้งค่า เลื่อนลงมายังการเร่งความเร็ว

    2. กดปุ่มขวาเพื่อเลือกความเร็วต่ำปานกลาง หรือสูง

    3. กดปุ่มซ้ายเพื่อออก

    การตรวจสอบระยะเบรกไฮโดรสเตติก

    อุปกรณ์จะเบรกและหยุดโดยอัตโนมัติเมื่อคุณถอนแป้นขับเคลื่อนมาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง

    Note: ค่อยๆ ยกเท้าขึ้นมาจนกระทั่งแป้นขับเคลื่อนกลับมาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง เพื่อให้อุปกรณ์ชะลอความเร็วอย่างนุ่มนวล อย่ายกเท้าขึ้นอย่างกะทันหันและปล่อยให้แป้นขับเคลื่อนดีดตัวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง ยกเว้นคุณต้องการหยุดอุปกรณ์อย่างรวดเร็ว

    อุปกรณ์ควรจอดสนิทภายในระยะทางประมาณ 3.7 ม. (12 ฟุต) เมื่อใช้ความเร็วการเคลื่อนย้ายสูงสุด 16 กม./ชม. (10 ไมล์ต่อชั่วโมง)

    1. บนทางเรียบและแห้ง ทำเครื่องหมายจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของระยะเบรก 3.7 ม. (12 ฟุต)

    2. ขับอุปกรณ์ด้วยความเร็วการเคลื่อนย้ายสูงสุด 16 กม./ชม. (10 ไมล์ต่อชั่วโมง) แล้วค่อยๆ ยกเท้าขึ้นจากแป้นเมื่อขับมาถึงจุดเริ่มต้นของระยะเบรก 3.7 ม. (12 ฟุต)

    3. ตรวจสอบว่าอุปกรณ์หยุดภายในระยะ 0.6 ม. (2 ฟุต) จากเครื่องหมายสิ้นสุดระยะเบรก (3.7 ม. หรือ 12 ฟุต) หรือไม่

    4. หากไม่สามารถจอดอุปกรณ์ภายในระยะ 0.6 ม. (2 ฟุต) จากเครื่องหมายสิ้นสุดระยะเบรกดังกล่าว โปรดติดต่อตัวแทนจำหน่ายของ Toro

    การทำความเข้าใจความเร็วถอยหลัง

    ความเร็วถอยหลังในโหมดเคลื่อนย้าย

    • หากหัวหน้างานตั้งค่าความเร็วการเคลื่อนย้ายสูงสุดเกินกว่า 8.0 กม./ชม. (5.0 ไมล์ต่อชั่วโมง) ความเร็วถอยหลังสูงสุดจะอยู่ที่ 8.0 กม./ชม. (5.0 ไมล์ต่อชั่วโมง)

    • หากหัวหน้างานตั้งค่าความเร็วการเคลื่อนย้ายสูงสุดไว้ที่ 8.0 กม./ชม. (5.0 ไมล์ต่อชั่วโมง) หรือน้อยกว่านี้ ความเร็วถอยหลังสูงสุดจะเท่ากับความเร็วการเคลื่อนย้ายสูงสุดที่หัวหน้างานกำหนดไว้

    ความเร็วถอยหลังในโหมดตัดหญ้า

    • หากหัวหน้างานตั้งค่าความเร็วการตัดหญ้าสูงสุดเกินกว่า 6.4 กม./ชม. (4.0 ไมล์ต่อชั่วโมง) ความเร็วการตัดหญ้าสูงสุดจะอยู่ที่ 6.4 กม./ชม. (4.0 ไมล์ต่อชั่วโมง)

    • หากหัวหน้างานตั้งค่าความเร็วการตัดหญ้าสูงสุดไว้ที่ 6.4 กม./ชม. (4.0 ไมล์ต่อชั่วโมง) หรือน้อยกว่านี้ ความเร็วถอยหลังสูงสุดจะเท่ากับความเร็วการเคลื่อนย้ายสูงสุดที่หัวหน้างานกำหนดไว้

    การทำความเข้าใจความเร็วการเคลื่อนย้ายที่แสดงบนหน้าจอ

    อุปกรณ์จะแสดงความเร็วการเคลื่อนย้ายโดยประมาณเป็นหน่วยกิโลเมตรต่อชั่วโมง (กม./ชม.) หรือไมล์ต่อชั่วโมง

    • อัตราความเร็วขณะใดขณะหนึ่งแสดงอยู่ที่มุมบนซ้ายของหน้าจอระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและตัวหยุดแป้นขับเคลื่อนเสมือน

    • ระบบจะประมาณและปรับเทียบความเร็วการขับเคลื่อนให้เป็นตัวเลขที่ถูกต้องแม่นยำที่สุดที่ความเร็ว 8.0 กม./ชม. (5.0 ไมล์ต่อชั่วโมง) ขณะตัดหญ้า ความเร็วที่แสดงบนหน้าจอจะถูกต้องก็ต่อเมื่ออุปกรณ์ใช้ความเร็วสูงกว่าหรือต่ำกว่าความเร็วบนหน้าจอ 0.8 กม./ชม. (0.5 ไมล์ต่อชั่วโมง) ขณะขับบนทางเรียบและแห้ง

    • โปรดติดต่อตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Toro หากสังเกตเห็นว่าความเร็วของอุปกรณ์เบี่ยงเบนจากความเร็วบนหน้าจอเกินกว่า 2.4 กม./ชม. (1.5 ไมล์ต่อชั่วโมง)

    การทำความเข้าใจระบบ PowerMatch

    อุปกรณ์จะส่งกำลังแรงม้าเพิ่มเติมจากชุดแบตเตอรี่ 48-VDC เพื่อใช้ในยามจำเป็นภายใต้การจัดการของระบบ PowerMatch กำลังแรงม้าเพิ่มเติมจากแบตเตอรี่นี้มีไว้ใช้ชั่วคราวเป็นระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้งานต่อเนื่องหรือติดต่อกันเป็นเวลานานด้วยกำลังแรงม้าสูงสุด PowerMatch ประกอบด้วย 2 กระบวนการ ได้แก่

    การทำความเข้าใจโหมดลดความต้องการพลังงาน

    เมื่อความต้องการกำลังแรงม้าเกินกว่า 24.8 แรงม้าของเครื่องยนต์ เจเนอเรเตอร์จะค่อยๆ ลดการชาร์จแบตเตอรี่ และชุดแบตเตอรี่ 48-VDC จะเริ่มขับใบมีดพวง นี่เป็นหลักการที่เข้าใจง่ายสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ กล่าวคือเจเนเรเตอร์จะลดการดึงพลังงานจากเครื่องยนต์ เพื่อส่งกำลังแรงม้าจากเครื่องยนต์ไปยังระบบไฮดรอลิกส์สำหรับการขับเคลื่อน

    Note: Toro แนะนำให้เปิดโหมดลดพลังงานไว้ในการทำงานส่วนใหญ่ หากต้องการปิดโหมดลดพลังงาน ให้ใช้เมนูที่ได้รับการป้องกันใน InfoCenter

    การทำความเข้าใจโหมดบูสต์พลังงาน

    เมื่ออุปกรณ์จำเป็นต้องใช้กำลังขับเคลื่อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (เช่น ขณะขับขึ้นเนินที่มีความลาดชัน) ชุดแบตเตอรี่ 48-VDC จะส่งกำลังให้กับเจเนอเรเตอร์ในฐานะมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อช่วยเครื่องยนต์ดีเซล นอกจากนี้ ชุดแบตเตอรี่ 48-VDC ยังทำหน้าที่ขับพวงใบมีดของชุดตัดหญ้าด้วย

    Note: Toro แนะนำให้เปิดโหมดบูสต์พลังงานระหว่างการทำงานส่วนใหญ่ หากต้องการปิดโหมดบูสต์พลังงาน ให้ใช้เมนูที่ได้รับการป้องกันใน InfoCenter

    ระหว่างการปฏิบัติงาน

    ความปลอดภัยระหว่างการใช้งาน

    ความปลอดภัยทั่วไป

    • เจ้าของ/ผู้ควบคุมสามารถป้องกันอุบัติเหตุได้ และยังเป็นผู้รับผิดชอบอุบัติเหตุที่อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บหรือความเสียหายต่อทรัพย์สินด้วย

    • สวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันดวงตา กางเกงขายาว รองเท้ากันลื่นที่แน่นหนา และอุปกรณ์ป้องกันการได้ยิน ถ้าผมยาวให้มัดไปข้างหลังและอย่าสวมใส่เสื้อผ้าหลวมหรือเครื่องประดับที่หย่อน

    • อย่าใช้งานอุปกรณ์ขณะป่วย เหนื่อยล้า หรืออยู่ภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือยาเสพติด

    • โปรดมีสมาธิขณะควบคุมอุปกรณ์ อย่าทำกิจกรรมที่ทำให้เสียสมาธิ มิฉะนั้นอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บหรือเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินได้

    • ก่อนสตาร์ทเครื่อง ระบบขับเคลื่อนทั้งหมดจะต้องอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง เข้าเบรกจอด และคุณอยู่ในตำแหน่งใช้งาน

    • ห้ามนำอุปกรณ์ไปขนส่งผู้โดยสาร กันคนโดยรอบและเด็กๆ ออกจากพื้นที่ทำงาน

    • ใช้อุปกรณ์เฉพาะเมื่อทัศนวิสัยดีเท่านั้นเพื่อหลีกเลี่ยงหลุมบ่อหรืออันตรายที่มองไม่เห็น

    • หลีกเลี่ยงการตัดหญ้าที่ยังเปียก แรงยึดเกาะที่ลดลงอาจทำให้อุปกรณ์ลื่นไถลได้

    • เก็บมือและเท้าให้ห่างจากชุดตัดหญ้า

    • มองไปข้างหลังและมองลงก่อนถอยอุปกรณ์เพื่อให้แน่ใจว่าเส้นทางโล่ง

    • ใช้ความระมัดระวังเมื่อเข้าใกล้มุมอับ พุ่มไม้ ต้นไม้ หรือวัตถุอื่นๆ ที่อาจขัดขวางการมองเห็น

    • หยุดการทำงานของชุดตัดหญ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน

    • ชะลอความเร็วลง และขับอุปกรณ์ด้วยความระมัดระวังขณะเลี้ยว รวมถึงตอนข้ามถนนและทางเดิน ให้ทางแก่ทางเอกก่อนเสมอ

    • ใช้งานอุปกรณ์ในบริเวณที่ระบายอากาศได้ดีเท่านั้น ไอเสียมีก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหากสูดหายใจเข้าไป

    • ห้ามปล่อยรถที่ติดเครื่องทิ้งไว้โดยไม่มีผู้ดูแล

    • ก่อนออกจากตำแหน่งใช้งาน ให้ปฏิบัติตามดังนี้

      • จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ

      • ปลดและลดชุดตัดหญ้าลง

      • เข้าเบรกจอด

      • ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

      • รอให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง

      • รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์

    • ใช้อุปกรณ์เฉพาะเมื่อทัศนวิสัยดีและสภาพอากาศเหมาะสมเท่านั้น อย่าใช้อุปกรณ์เมื่อมีความเสี่ยงที่จะเกิดฟ้าผ่า

    • ใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (ถ้าติดตั้งไว้) เฉพาะตอนที่คุณใช้งานอุปกรณ์ในพื้นที่ราบและเปิดโล่ง ปราศจากสิ่งกีดขวาง ซึ่งอุปกรณ์สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่โดยไม่มีสิ่งใดมาทำให้หยุดชะงัก

    ความปลอดภัยของระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ROPS)

    • อย่าถอดส่วนประกอบของ ROPS ออกจากอุปกรณ์

    • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเข็มขัดนิรภัยแน่นหนาและคุณปลดออกได้รวดเร็วในกรณีฉุกเฉิน

    • คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เสมอ

    • คอยระมัดระวังสิ่งกีดขวางเหนือศีรษะเพื่อไม่ให้ชน

    • ดูแลรักษา ROPS ให้อยู่ในสภาพดีพร้อมการทำงาน โดยตรวจสอบอย่างละเอียดเป็นครั้งคราวเพื่อหาความเสียหาย และตรวจเช็คตัวยึดให้ยึดแน่นหนา

    • เปลี่ยนส่วนประกอบ ROPS ที่ชำรุดทั้งหมด ห้ามซ่อมแซมหรือดัดแปลง

    ความปลอดภัยบนทางลาด

    • ทางลาดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการสูญเสียการควบคุมและอุบัติเหตุพลิกคว่ำ ซึ่งส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บร้ายแรงและการเสียชีวิตได้ คุณต้องดูแลรับผิดชอบความปลอดภัยในการใช้งานอุปกรณ์บนพื้นลาดเอียง การใช้งานอุปกรณ์บนพื้นลาดเอียงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

    • ประเมินสภาพสถานที่เพื่อพิจารณาว่าทางลาดปลอดภัยสำหรับการใช้งานอุปกรณ์หรือไม่ รวมทั้งสำรวจสถานที่ ใช้เหตุและผลและวิจารณญาณที่ดีขณะสำรวจ

    • ดูคำแนะนำเกี่ยวกับทางลาดด้านล่างสำหรับการใช้งานอุปกรณ์บนทางลาด ก่อนจะใช้งานอุปกรณ์ ควรตรวจสอบสภาพของหน้างานเพื่อประเมินว่าคุณจะใช้งานอุปกรณ์ในสภาวะดังกล่าวและในบริเวณที่ต้องการได้หรือไม่ สภาพเส้นทางที่เปลี่ยนแปลงไปอาจจะส่งผลต่อการทำงานของอุปกรณ์บนพื้นลาดได้

      • หลีกเลี่ยงการสตาร์ท จอด หรือเลี้ยวอุปกรณ์บนทางลาด หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนความเร็วหรือทิศทางอย่างฉับพลัน ให้เลี้ยวช้าๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป

      • อย่าใช้งานอุปกรณ์ในสภาวะที่แรงยึดเกาะ การเลี้ยว หรือความเสถียรของอุปกรณ์ไม่แน่นอน

      • เคลื่อนย้ายหรือทำสัญลักษณ์อุปสรรคต่างๆ เช่น หลุมบ่อ แอ่ง เนิน หิน หรืออันตรายอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ หญ้าสูงอาจทำให้มองไม่เห็นสิ่งกีดขวาง ทางที่ไม่ราบเรียบอาจทำให้อุปกรณ์พลิกคว่ำได้

      • การใช้งานบนหญ้าเปียก บนพื้นลาด หรือบนเนิน อาจส่งผลให้อุปกรณ์สูญเสียการควบคุมได้

      • ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อใช้งานอุปกรณ์ใกล้ทางชัน คลอง ทำนบ อันตรายจากน้ำ หรืออันตรายอื่นๆ อุปกรณ์อาจพลิกคว่ำฉับพลันได้ หากล้อเกยข้ามขอบทางหรือขอบทางพังทลาย ดังนั้นควรกำหนดพื้นที่ปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์กับอันตรายใดๆ เตรียมไว้

      • ตรวจสอบหาสิ่งที่อาจก่อให้เกิดอันตรายบริเวณด้านล่างของทางลาด หากมีอันตรายอยู่ ให้ตัดหญ้าบนทางลาดด้วยเครื่องตัดหญ้าแบบเดินตาม

      • ถ้าทำได้ ควรวางชุดตัดหญ้าไว้ต่ำลงกับพื้นขณะใช้งานอุปกรณ์บนทางลาด การยกชุดตัดหญ้าขณะใช้งานบนทางลาดอาจทำให้อุปกรณ์ไม่มั่นคงได้

    การทำความเข้าใจลักษณะการทำงานของอุปกรณ์

    • เมื่อคุณยกเท้าออกจากแป้นขับเคลื่อน อุปกรณ์จะเบรกและจอด

    • การควบคุมแป้นขับเคลื่อนได้รับการปรับปรุงให้ตอบสนองอย่างรวดเร็วแต่มีความเสถียร เพื่อช่วยให้คุณควบคุมอุปกรณ์ได้อย่างคงเส้นคงวาขณะใช้งานบนสนามขรุขระ โดยที่ยังคงเบรกได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวล

    • ขณะตัดหญ้า ความเร็วเครื่องยนต์จะเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติมาเดินรอบเบาสูง

    • หัวหน้างานจะตั้งค่าความเร็วสูงสุดไว้ในเมนูที่ได้รับการป้องกันด้วยรหัส PIN เพื่อจำกัดความเร็วการขับเคลื่อนสูงสุดของอุปกรณ์

    • ดังนั้น ความเร็วการขับเคลื่อนที่ได้จากการใช้แป้นขับเคลื่อน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และตัวหยุดแป้นขับเคลื่อนจะถูกจำกัดด้วยความเร็วสูงสุดที่ตั้งค่าไว้ในเมนูที่ได้รับการป้องกันด้วยรหัส PIN

    การใช้งานอุปกรณ์

    • หากพบอุปสรรคสิ่งกีดขวางอยู่ระหว่างเส้นทางตัดหญ้า ให้ยกชุดตัดหญ้าขึ้นหรือตัดหญ้ารอบๆ อุปสรรคเหล่านั้น

    • เมื่อเคลื่อนย้ายอุปกรณ์จากบริเวณหนึ่งไปยังอีกบริเวณหนึ่ง ให้ปิด PTO และยกชุดตัดหญ้าขึ้นจนสุด วิธีนี้จะทำให้อุปกรณ์เปลี่ยนมาใช้โหมดเคลื่อนย้าย

    • ขับอุปกรณ์ช้าๆ หากพื้นขรุขระ

    • อย่าดับเครื่องขณะขับอุปกรณ์

    ฝึกใช้งานอุปกรณ์

    • ฝึกใช้งานอุปกรณ์เพื่อให้คุ้นเคยกับคุณสมบัติต่างๆ ของอุปกรณ์

    • ยกชุดตัดหญ้าขึ้น ปลดเบรกจอด เหยียบแป้นขับเคลื่อน และขับอุปกรณ์ไปยังพื้นที่เปิดโล่งด้วยความระมัดระวัง

    • ควรฝึกขับอุปกรณ์ให้คล่อง เพราะระบบขับเคลื่อนแรงดันน้ำของอุปกรณ์มีคุณสมบัติการทำงานแตกต่างจากอุปกรณ์บำรุงรักษาสนามแบบอื่นๆ

    • ฝึกขับอุปกรณ์เดินหน้าและถอยหลัง สตาร์ทและหยุดอุปกรณ์ หากต้องการหยุดอุปกรณ์ ให้ถอนเท้าออกจากแป้นขับเคลื่อน โดยปล่อยแป้นให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง

      Note: ขณะลงเนิน คุณอาจต้องเหยียบแป้นถอยหลังเพื่อช่วยหยุดด้วย

    • ฝึกขับข้ามสิ่งกีดขวางขณะยกชุดตัดหญ้าขึ้นและลง ใช้ความระมัดระวังขณะขับขี่ระหว่างวัตถุเพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์หรือชุดตัดหญ้าเสียหาย

    การใช้แป้นขับเคลื่อน

    แป้นขับเคลื่อนใช้ควบคุมความเร็วในการเดินหน้าและถอยหลังของอุปกรณ์ และจะเบรกอุปกรณ์โดยอัตโนมัติเมื่อคุณถอนเท้าออกจากแป้นขับเคลื่อนจนแป้นกลับมาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง

    • ยิ่งคุณเหยียบแป้นขับเคลื่อนไปด้านหน้าหรือด้านหลังมากเท่าไหร่ อุปกรณ์ก็จะเคลื่อนที่เร็วขึ้นเท่านั้น

    • หากต้องการควบคุมให้อุปกรณ์จอดอย่างนุ่มนวลระหว่างเคลื่อนย้ายหรือตัดหญ้า ให้ยกเท้าออกจากแป้นขับเคลื่อนจนแป้นกลับมาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง โดยคุณสามารถควบคุมให้อุปกรณ์จอดตามความเร็วที่ต้องการ

    • หากต้องการอุปกรณ์จอดโดยเร็วที่สุด ให้ยกเท้าออกจากแป้นขับเคลื่อน โดยปล่อยแป้นดีดกลับมาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง หลังจากนั้นอุปกรณ์จะเบรกโดยอัตโนมัติและหยุด

    ระบบขับเคลื่อนแบบนี้ช่วยให้คุณปรับการตั้งค่าการเร่งความเร็วได้ตามสภาพสนามและความสบายของผู้ใช้งาน โปรดดู การเข้าถึงเมนูที่ได้รับการป้องกัน เกี่ยวกับการเปลี่ยนการตั้งค่า

    g383737

    การใช้คุณสมบัติตัวหยุดแป้นขับเคลื่อนเสมือน (VPS)

    คุณสมบัติตัวหยุดแป้นขับเคลื่อนเสมือน (VPS) ให้คุณตั้งค่าความเร็วการขับเคลื่อนสูงสุดชั่วคราวที่น้อยกว่าความเร็วการขับเคลื่อนสูงสุดที่หัวหน้างานกำหนดไว้ในการตั้งค่าที่ได้รับการป้องกันด้วยรหัสผ่าน

    ในการตั้งค่าความเร็วสูงสุดชั่วคราวของอุปกรณ์ ให้เหยียบแป้นขับเคลื่อนไปด้านหน้าจนสุด (รูป 49) คุณจะกำหนดความเร็วสำหรับการตัดหญ้าและการเคลื่อนย้ายแยกกันได้ (รูป 50)

    • เลือกปุ่มกลางบนหน้าจอหลักของ InfoCenter เพื่อเข้าถึงคุณสมบัตินี้ (รูป 50)

      Note: หลังจากปิดสวิตช์กุญแจ คุณสมบัตินี้จะเปลี่ยนกลับมาเป็นการตั้งค่าความเร็วสูงสุดของหัวหน้างาน

      g322245
    • คุณสมบัตินี้ช่วยให้คุณปรับการตั้งค่าความเร็วได้เองเพื่อความสบายของผู้ใช้งาน หรือปรับการตั้งค่าความเร็วให้เหมาะกับการทำงาน

    เมื่อใดก็ตามที่มีการเปลี่ยนความเร็วการขับเคลื่อนสูงสุดผ่านการตั้งค่าความเร็วสูงสุดโดยหัวหน้างานหรือตัวหยุดแป้นขับเคลื่อนเสมือน แป้นขับเคลื่อนจะถูกตั้งโปรแกรมใหม่โดยอัตโนมัติให้ใช้ระยะเหยียบมิด กล่าวคือระยะตั้งแต่ตำแหน่งเกียร์ว่างจนถึงตำแหน่งความเร็วสูงสุด ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมความเร็วการขับเคลื่อนได้แม่นยำมากขึ้นโดยที่ตั้งค่าความเร็วสูงสุดน้อยลง

    เคล็ดลับการใช้คุณสมบัติตัวหยุดแป้นขับเคลื่อนเสมือน (VPS)

    • ตั้งค่าความเร็วสูงสุดชั่วคราวให้ต่ำลงสำหรับการตัดหญ้าเก็บรายละเอียดในแฟร์เวย์

    • ตั้งค่าความเร็วสูงสุดชั่วคราวให้ต่ำลงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมอุปกรณ์เมื่อใช้งานในหรือใกล้กับโรงซ่อมบำรุง

    • ตั้งค่าความเร็งสูงสุดชั่วคราวให้ต่ำลงเพื่อให้ควบคุมอุปกรณ์ได้ดีขึ้นขณะบรรทุกอุปกรณ์ขึ้นรถพ่วง

    การใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

    การตั้งค่าระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

    สวิตช์ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติจะล็อกระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเพื่อให้อุปกรณ์เคลื่อนที่บนพื้นด้วยความเร็วที่ต้องการ หากต้องการปิดระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ให้กดด้านหลังของสวิตช์ ตำแหน่งตรงกลางของสวิตช์ใช้เปิดฟังก์ชันควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ส่วนด้านหน้าของสวิตช์ใช้ตั้งค่าความเร็วขับเคลื่อนบนพื้นที่ต้องการ

    หลังจากเปิดสวิตช์ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและตั้งค่าความเร็วแล้ว (รูป 51) ให้ใช้ InfoCenter ปรับการตั้งค่าความเร็วของระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (รูป 46 และ รูป 52)

    ปิดใช้งานระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติตามวิธีต่อไปนี้:

    • เมื่อเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ เหยียบแป้นถอยหลัง เข้าเบรกจอดหรือกดสวิตช์ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติไปยังตำแหน่งปิด

    • เมื่อตัดหญ้า เหยียบแป้นถอยหลัง เข้าเบรกจอด ปลดเกียร์ PTO หรือกดสวิตช์ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติไปยังตำแหน่งปิด

      Note: การปิดระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติจะทำให้อุปกรณ์เบรกโดยอัตโนมัติและหยุด หากคุณต้องการปิดการทำงานของระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแต่ว่าต้องการขับอุปกรณ์ต่อไป ให้เหยียบแป้นขับเคลื่อนเพื่อสลับจากระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติมาใช้ระบบควบคุมความเร็วด้วยตัวเองอย่างนุ่มนวล

      g419946

    การปรับความเร็วของระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

    หลังจากเปิดสวิตช์ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติบนแผงควบคุมแล้ว (รูป 51) ให้ใช้ InfoCenter ปรับการตั้งค่าความเร็วของระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (รูป 52)

    g321767

    เคล็ดลับการใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

    • ตั้งค่าความเร็วเดินทางเมื่อขับอุปกรณ์เป็นระยะทางไกลที่ไม่มีสิ่งกีดขวางมากนัก

    • หากขับอุปกรณ์ในสนามขรุขระ แนะนำให้ใช้ InfoCenter ควบคุมความเร็ว

    • ใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติสำหรับการเลี้ยวดังต่อไปนี้:

      1. ขณะตัดหญ้า ให้ตั้งค่าความเร็วที่ปลอดภัยและสะดวกสบายสำหรับการเลี้ยวกลับตอนที่ตัดหญ้าจบแถว

      2. เหยียบแป้นขับเคลื่อนเพื่อเพิ่มความเร็วในการตัดหญ้าระหว่างตัดหญ้า

      3. ยกเท้าออกจากแป้นขับเคลื่อนขณะเลี้ยวกลับไปตัดหญ้าแถวต่อไป

      4. อุปกรณ์จะชะลอความเร็วมาใช้การตั้งค่าระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เพื่อให้คุณเลี้ยวอุปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยความเร็วเท่ากันทุกครั้ง

      5. หลังจากเลี้ยวเสร็จ เหยียบแป้นขับเคลื่อนเพื่อเพิ่มความเร็วของอุปกรณ์อีกครั้งสำหรับตัดหญ้าในแถวต่อไป

    การทำความเข้าใจโหมดเร่งความเร็ว

    คุณสมบัตินี้กำหนดว่าอุปกรณ์จะเปลี่ยนความเร็วในการขับเคลื่อนเร็วแค่ไหนเมื่อแป้นขับเคลื่อนไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง

    Note: หากคุณยกเท้าออกจากแป้นขับเคลื่อนและปล่อยให้แป้นดีดกลับไปอยู่ตำแหน่งเกียร์ว่างขณะที่อุปกรณ์กำลังเคลื่อนที่ ระบบเบรกจะทำงาน ระบบเบรกจะเหมือนเดิมเสมอและไม่สามารถปรับแต่งโดยใช้คุณสมบัติโหมดการเร่งความเร็วได้

    หากต้องการเปลี่ยนแปลงโหมดการเร่งความเร็ว ไปที่เมนูที่ได้รับการป้องกันใน InfoCenter โหมดการเร่งความเร็วประกอบด้วย 3 ตำแหน่งดังต่อไปนี้:

    • ต่ำ—เร่งและชะลอความเร็วอย่างนุ่มนวลมากที่สุด

    • ปานกลาง (ค่าเริ่มต้น)—เร่งและชะลอความเร็วด้วยความนุ่มนวลปานกลาง

    • สูง—เร่งและชะลอความเร็วอย่างกะทันหันมากที่สุด

    การทำความเข้าใจโหมดอุ่นเครื่อง

    เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ในสภาพอากาศหนาว โหมดอุ่นเครื่องจะจำกัดรอบเครื่องยนต์ให้เดินรอบเบาเป็นระยะเวลาสั้นๆ หลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อป้องกันไม่ให้ส่วนประกอบเสียหายจากการเดินเครื่องด้วยน้ำมันเย็น

    ไอคอนเกล็ดหิมะ Graphic บนหน้าจอ InfoCenter แสดงว่าโหมดอุ่นเครื่องทำงานอยู่ อย่าเพิ่งใช้งานอุปกรณ์จนกว่าจะพ้นระยะอุ่นเครื่องไป

    การทำความเข้าใจ Toro Smart Power™

    Smart Power ช่วยให้ผู้ใช้งานไม่ต้องคำนึงถึงความเร็วรอบเครื่องยนต์เมื่อทำงานในสภาพที่อุปกรณ์ต้องรับภาระหนัก Smart Power ป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์หน่วงหรือหยุดชะงักขณะตัดหญ้าในสภาพสนามที่ไม่อำนวย โดยจะควบคุมความเร็วของอุปกรณ์และเพิ่มประสิทธิภาพการตัดโดยอัตโนมัติ

    Note: ตามค่าเริ่มต้น อุปกรณ์จะเปิดใช้งานคุณสมบัติ Smart Power เอาไว้

    การสตาร์ทเครื่องยนต์

    Important: คุณต้องไล่อากาศออกจากระบบเชื้อเพลิงก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์หากคุณสตาร์ทเครื่องยนต์เป็นครั้งแรก เครื่องยนต์ดับเนื่องจากเชื้อเพลิงไม่พอ หรือก่อนหน้านี้คุณได้บำรุงรักษาระบบเชื้อเพลิงไป โปรดดู การไล่อากาศในระบบเชื้อเพลิง

    1. นั่งบนเบาะที่นั่ง ยกเท้าออกจากแป้นขับเคลื่อนเพื่อให้แป้นอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง เข้าเบรกจอด และตรวจสอบว่าสวิตช์ PTO ไม่ได้ทำงานอยู่

    2. บิดกุญแจไปที่ตำแหน่งเปิด/อุ่นเครื่อง

      ตัวจับเวลาอัตโนมัติควบคุมการอุ่นหัวเทียนเป็นเวลา 6 วินาที

    3. หลังจากอุ่นหัวเทียนแล้ว ให้บิดกุญแจไปยังตำแหน่งสตาร์ท

      สตาร์ทเครื่องยนต์ไม่เกิน 15 วินาที จากนั้นปล่อยกุญแจเมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทสำเร็จ หากต้องอุ่นเครื่องเพิ่มเติม บิดกุญแจไปยังตำแหน่งปิด จากนั้นบิดไปยังตำแหน่งเปิด/อุ่นเครื่อง และทำซ้ำขั้นตอนนี้ตามที่จำเป็น

    4. เดินเครื่องยนต์ด้วยรอบความเร็วต่ำจนกว่าเครื่องยนต์จะอุ่น

    การดับเครื่องยนต์

    1. ตั้งการควบคุมทั้งหมดไปตำแหน่งเกียร์ว่าง เข้าเบรกจอด ดันสวิตช์ความเร็วเครื่องยนต์ไปที่ตำแหน่งเดินรอบเบา และปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานถึงความเร็วรอบต่ำ

      Important: ปล่อยให้เครื่องยนต์เดินรอบเบา 5 นาทีก่อนดับเครื่อง หลังจากทำงานเต็มกำลัง หากไม่ทำแบบนี้อาจทำให้ส่วนประกอบของเครื่องยนต์เสียหายได้

    2. บิดกุญแจในสวิตช์ไปยังตำแหน่งปิด และดึงกุญแจออก

    การปรับสปริงชดเชยสภาพสนาม

    สปริงชดเชยสภาพสนาม (รูป 53) ทำหน้าที่ส่งต่อน้ำหนักจากลูกกลิ้งหน้าไปยังลูกกลิ้งหลัง ซึ่งจะช่วยลดรอยลูกคลื่นบนสนามได้ นิยมเรียกว่ามาร์เซลลิง (Marcelling) หรือบ็อบบิง (Bobbing)

    Important: ปรับสปริงโดยให้ชุดตัดหญ้ายังต่อกับรถตัดหญ้า และหันตรงไปข้างหน้า และลดระดับลงมาบนพื้นอู่ซ่อมบำรุง

    1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าปิ๊นตัวอาร์ติดตั้งอยู่ในรูส่วนท้ายภายในก้านสปริง (รูป 53)

      Note: ขณะซ่อมบำรุงชุดตัดหญ้า ให้เคลื่อนปิ๊นตัวอาร์เข้าไปในรูก้านสปริงข้างๆ สปริงชดเชยสภาพสนาม

      g003863
    2. ขันน็อตหกเหลี่ยมที่ปลายด้านหน้าของก้านสปริงจนได้ความยาวสปริงตอนหดอยู่ที่ 15.9 ซม. (6.25 นิ้ว) โปรดดู (รูป 53)

      Note: ขณะใช้งานบนพื้นสนามขรุขระ ลดความยาวสปริงลงเหลือ 13 มม. (1/2 นิ้ว) สมรรถนะการขับเคลื่อนตามสภาพพื้นผิวจะลดลงเล็กน้อย

      Note: การตั้งค่าชดเชยสภาพสนามจะต้องรีเซ็ตใหม่ หากเปลี่ยนการตั้งค่าความสูงในการตัดหรือความรุนแรงในการตัด

    การปรับการถ่วงน้ำหนักแขนยก

    ชุดตัดหญ้าส่วนท้าย

    ข้อควรระวัง

    สปริงที่ตึงอยู่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้

    ใช้ความระมัดระวังขณะปรับสปริง

    คุณสามารถปรับแรงถ่วงน้ำหนักบนแขนยกของชุดตัดหญ้าด้านหลังได้เพื่อชดเชยสภาพสนามแบบต่างๆ และรักษาความสูงในการตัดให้สม่ำเสมอในสภาพสนามที่ขรุขระหรือในบริเวณที่มีเศษหญ้าสะสม

    คุณสามารถปรับแรงถ่วงน้ำหนักของสปริงบิดแต่ละตัวได้ 1 ระดับจากการตั้งค่า 4 ระดับ ซึ่งแต่ละระดับจะเพิ่มหรือลดแรงถ่วงน้ำหนักชุดตัดหญ้า 2.3 กก. (5 ปอนด์) คุณสามารถวางสปริงไว้ที่ด้านหลังตัวควบคุมสปริงตัวแรกเพื่อถอดการถ่วงน้ำหนักทั้งหมด (ตำแหน่งที่ 4)

    Note: หากต้องการถอดแรงถ่วงน้ำหนักทั้งหมด วางขายาวของสปริงบิดไว้เหนือสลักมีบ่า

    1. จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ ลดชุดตัดหญ้าลงมา ดับเครื่องยนต์ เข้าเบรกจอด และดึงกุญแจออก

    2. สอดปลายด้านยาวของสปริงถ่วงน้ำหนักเข้าในท่อหรือวัตถุที่คล้ายกัน และหมุนสปริงไปรอบสลักมีบ่าไปยังตำแหน่งที่ต้องการ (รูป 54)

      g375585
    3. ทำซ้ำขั้นตอน 1 และ 2 ที่สปริงถ่วงน้ำหนักอื่นๆ

    การปรับตำแหน่งหมุนรอบของแขนยก

    1. จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ ลดชุดตัดหญ้าลงมา ดับเครื่องยนต์ เข้าเบรกจอด และดึงกุญแจออก

    2. สวิตช์แขนยกอยู่ที่ใต้ถังน้ำมันไฮดรอลิกและบอร์ดในของแขนยกของชุดตัดหญ้าชุดที่ 5 (รูป 21)

      g375697
    3. คลายน็อตสวมทับที่ยึดสวิตช์แขนยกเข้ากับแผงสวิตช์ (รูป 56)

      g375696
    4. ปรับสวิตช์แขนยกดังนี้:

      • หากต้องการเพิ่มความสูงการหมุนรอบของแขนยก ให้ขยับสวิตช์ลง

      • หากต้องการลดความสูงการหมุนรอบของแขนยก ให้ขยับสวิตช์ขึ้น

      Important: ระยะห่างระหว่างสวิตช์กับทริกเกอร์แขนยกจะต้องเท่ากับ 1.0 ถึง 2.5 มม. (0.040 ถึง 0.100 นิ้ว) เสมอ ไฟ LED บนสวิตช์จะเป็นตัวยืนยันว่าสวิตช์ทำงานอย่างถูกต้อง

    5. ขันน็อตสวมทับจนได้แรงบิด 20 นิวตันเมตร +/- 2 นิวตันเมตร (15 +/- 1.5 ฟุตปอนด์)

      Important: อย่าขันน็อตสวมทับแน่นเกินไป เพราะอาจทำให้เซ็นเซอร์เสียหายได้

    การตั้งค่าความเร็วใบมีดพวง

    หากคุณสมบัติ Clip Control เปิดอยู่และอุปกรณทำงานโดยใช้การตั้งค่าที่สัมพันธ์กับช่องว่างเปล่าในแผนภูมิการตัดหญ้า Clip Control จะสั่งการให้ใช้ความเร็วใบมีดพวงระดับ 9

    หากหัวหน้างานปิดคุณสมบัติ Clip Control เอาไว้ คุณจะปรับเปลี่ยนความเร็วใบมีดพวงด้านหน้าและด้านหลังได้ แผนภูมิการตัดเหล่านี้แนะนำความเร็วใบมีดพวงที่เหมาะสม ช่องที่ว่างเปล่าและการกำหนดค่าที่ไม่แสดงในตารางหมายความว่า ขนาดใบมีดพวง จำนวนใบมีด ความสูงในการตัด และความเร็วการขับเคลื่อนเหล่านั้นไม่ควรใช้ร่วมกัน การตัดหญ้าด้วยการตั้งค่าเหล่านี้อาจทำให้คุณภาพการตัดลดลง

    Important: ควรใช้ความเร็วใบมีดพวงที่เหมาะสมในการตัดหญ้าหากความเร็วใบมีดพวงช้าเกินไปอาจทำให้สนามหญ้าเป็นรอยลูกคลื่น หรือที่เรียกกันว่ารอยตัด (Clip marks) มาร์เซลลิง (Marcelling) หรือบ็อบบิง (Bobbing) หากสังเกตเห็นลักษณะเหล่านี้ในสนาม ให้เพิ่มความเร็วใบมีดพวงหรือลดความเร็วการตัดหญ้าลงหากความเร็วใบมีดพวงสูงเกินไป อาจทำให้สนามเสียหายและ/หรือใบมีดพวง ใบมีดล่าง และส่วนประกอบอื่นๆ ในระบบกลไกสึกหรอก่อนเวลาอันควร

    โปรดดู การตั้งค่าความเร็วใบมีดพวงด้านหน้าและด้านหลัง

    หากต้องการปรับความเร็วใบมีดพวงด้วยตัวเอง โปรดดูข้อมูลต่อไปนี้:

    1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณสมบัติ Clip Control ปิดอยู่

    2. ใน InfoCenter ป้อนจำนวนใบมีด ความเร็วการตัดหญ้า และ HOC ใต้เมนูการตั้งค่า เพื่อคำนวณความเร็วใบมีดพวงที่เหมาะสม

    3. หากต้องทำการปรับเพิ่มเติม ในเมนูการตั้งค่า ให้เลื่อนลงมาจนถึง F Reel RPM, R Reel RPM หรือทั้งคู่

    4. กดปุ่มขวาเพื่อเปลี่ยนค่าความเร็วใบมีดพวง เมื่อการตั้งค่าความเร็วเปลี่ยนแปลง จอแสดงผลจะแสดงความเร็วใบมีดพวงที่คำนวณแล้วต่อไป ซึ่งเป็นค่าที่คำนวณจากจำนวนใบมีด ความเร็วการตัดหญ้า และ HOC แต่จะแสดงค่าใหม่ไว้ด้วย

      Note: คุณอาจจะต้องเพิ่มหรือลดความเร็วใบมีดพวงเพื่อชดเชยสภาพสนามแบบต่างๆ

    g420087
    g420088

    การทำความเข้าใจไฟวินิจฉัย

    อุปกรณ์ติดตั้งมาพร้อมกับไฟวินิจฉัย ซึ่งจะแสดงว่าตัวควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ตรวจพบความผิดปกติในระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือไม่ ไฟวินิจฉัยตั้งอยู่ใน InfoCenter เหนือหน้าจอแสดงผล (รูป 59) เมื่ออุปกรณ์ทำงานถูกต้องและสวิตช์กุญแจบิดไปยังตำแหน่งเปิด/ทำงาน ไฟวินิจฉัยจะติดขึ้นมาครู่หนึ่งเพื่อแสดงว่าไฟทำงานถูกต้อง เมื่อข้อความแนะนำของอุปกรณ์แสดงขึ้นมา ไฟจะติดขึ้นมาเมื่อมีข้อความ และเมื่อข้อความแสดงความขัดข้องปรากฏขึ้นมา ไฟจะกะพริบจนกว่าความขัดข้องจะได้รับการแก้ไข

    g021272

    การตัดหญ้าด้วยอุปกรณ์นี้

    1. ปลดเบรกจอด ปลดเกียร์ PTO และยกชุดตัดหญ้าขึ้น

    2. ขับอุปกรณ์ไปยังบริเวณที่จะตัดหญ้า

    3. จอดอุปกรณ์ห่างจากแฟร์เวย์ประมาณ 6 เมตร (20 ฟุต) โดยหันหน้าไปยังทิศทางที่จะตัดหญ้า

    4. ลดชุดตัดหญ้าลงมาจนสุดโดยใช้คันควบคุมการยก/ลดชุดตัดหญ้า

    5. เข้าเกียร์ PTO

      Note: ชุดตัดหญ้าจะยังไม่เริ่มทำงาน

      Note: ความเร็วรอบเครื่องยนต์จะเพิ่มขึ้นมาเป็นเดินรอบเบาสูงโดยอัตโนมัติเมื่อคุณลดชุดตัดหญ้าลงมาและเปิดสวิตช์ PTO

    6. แตะคันควบคุมการยก/ลดชุดตัดหญ้ามาด้านหลังเพื่อยกชุดตัดหญ้าขึ้นไปยังตำแหน่งเลี้ยว

      Note: แตะคันควบคุมการยก/ลดชุดตัดหญ้าโดยไม่ต้องดันค้างไว้ เพื่อยกชุดตัดหญ้าขึ้นไปยังตำแหน่งเลี้ยวและหยุดการหมุนของใบมีดพวงจนกระทั่งชุดตัดหญ้าลดระดับลงมา

    7. ขับอุปกรณ์เข้าไปในสนามที่จะตัดหญ้าช้าๆ โดยการเหยียบแป้นขับเคลื่อน

    8. หลังจากขับอุปกรณ์มาถึงขอบสนามที่จะเริ่มตัดหญ้า ให้ลดระดับชุดตัดหญ้าลงมาโดยใช้คันควบคุมการยก/ลดชุดตัดหญ้า

      Note: ฝึกฝนให้ชำนาญเพื่อป้องกันการลดระดับชุดตัดหญ้าเร็วเกินไปหรือตัดหญ้าในบริเวณที่ไม่จำเป็น

    9. ตัดหญ้าจนจบแถว

    10. เมื่อใกล้ถึงขอบแฟร์เวย์ฝั่งตรงข้าม (ก่อนจะชนขอบสนามที่คุณตัดหญ้า) แตะคันควบคุมการยก/ลดชุดตัดหญ้ามาด้านหลังเพื่อยกชุดตัดหญ้าขึ้นไปยังตำแหน่งเลี้ยว

    11. เลี้ยวเป็นวงแคบ (วงเลี้ยวรูปหยดน้ำ) เพื่อให้เตรียมตัดหญ้าแถวถัดไปได้อย่างรวดเร็ว

    12. กดคันควบคุมการยก/ลดชุดตัดหญ้าเพื่อลดชุดตัดหญ้าลงมาจากตำแหน่งเลี้ยวโดยอัตโนมัติ แล้วตัดหญ้าต่อไป

    13. หลังจากตัดหญ้าบริเวณที่ต้องการเสร็จแล้ว ให้ตัดรอบนอกสนามเพื่อเก็บรายละเอียด ทั้งนี้เพื่อให้ตัดหญ้าทั้งสนามได้เรียบเสมอกัน รวมถึงบริเวณขอบแฟร์เวย์ที่คุณต้องยกชุดตัดหญ้าขึ้นลง

      Note: ใช้คุณสมบัติตัวหยุดแป้นขับเคลื่อนเสมือน (VPS) ตั้งค่าความเร็วสูงสุดชั่วคราวเพื่อให้ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ได้ดีขึ้นขณะตัดหญ้าเก็บรายละเอียด โปรดดู การใช้คุณสมบัติตัวหยุดแป้นขับเคลื่อนเสมือน (VPS)

    เคล็ดลับการปฏิบัติงาน

    การทำความเข้าใจระบบคำเตือน

    หากไฟเตือนติดขึ้นมาระหว่างใช้งาน ให้หยุดอุปกรณ์ทันที และแก้ไขปัญหาก่อนใช้งานต่อ หากคุณใช้งานอุปกรณ์ที่ทำงานผิดปกติ อาจเกิดความเสียหายร้ายแรงขึ้นได้

    การเคลื่อนย้ายอุปกรณ์

    ปลดการทำงานของ PTO และยกชุดตัดหญ้าขึ้นไปยังตำแหน่งเคลื่อนย้าย ใช้ความระมัดระวังขณะขับขี่ลอดระหว่างวัตถุเพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์หรือชุดตัดหญ้าเสียหายโดยไม่ได้ตั้งใจ ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อใช้งานอุปกรณ์บนทางลาด ขับขี่ช้าๆ และหลีกเลี่ยงการเลี้ยวหักศอกบนทางลาดเพื่อป้องกันการพลิกคว่ำ ลดชุดตัดหญ้าลงขณะลงเนินเพื่อให้ควบคุมทิศทางได้

    การเปลี่ยนรูปแบบการตัดหญ้า

    นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการป้องกันสนามเป็นลูกคลื่น (Washboarding)

    กรณีที่สนามหลังตัดหญ้าไม่สวยงามเนื่องจากตัดหญ้าในทิศทางเดียวกันซ้ำๆ กัน ปัญหานี้จะลดน้อยลง หากเปลี่ยนรูปแบบการตัดหญ้าบ่อยๆ

    การใช้เทคนิคตัดหญ้าที่เหมาะสม

    • หากต้องการตัดหญ้าเป็นแนวตรงอย่างมืออาชีพที่นิยมกันในสนามบางประเภท ให้มองต้นไม้หรือวัตถุอื่นๆ ในระยะไกล แล้วขับตรงไปยังต้นไม้หรือวัตถุนั้น

    • ใบมีดพวงและใบมีดล่างต้องคมอยู่เสมอ

    • ระยะห่างระหว่างใบมีดพวงกับใบมีดล่างจะต้องถูกต้อง กล่าวคือต้องสัมผัสกันเล็กน้อย

    • ทำตามกฎ 1/3 (ตัด 1/3 ของใบหญ้าเท่านั้นในแต่ละครั้ง)

    • ตั้งค่าความเร็วใบมีดพวงและความเร็วการเคลื่อนที่เพื่อให้ได้ความยาวในการตัดตามที่ต้องการ

    • เมื่อตัดหญ้าในสนามเปียก ควรเปิดแผงป้องกันด้านหลังของชุดตัดหญ้า

    การถาก การตัดหญ้าเป็นวงกลม และการซอยหญ้า

    • การถาก/การตัดหญ้าเป็นวงกลม

      • การถากและการตัดหญ้าเป็นวงกลมถือเป็นการทำงานหนัก ดังนั้นควรใช้ใบมีดพวงที่ออกแบบมาสำหรับการทำงานเหล่านี้โดยเฉพาะ

      • ทำตามกฎ 1/3 (ตัด 1/3 ของใบหญ้าเท่านั้นในแต่ละครั้ง)

    • การซอยหญ้า

      • ตั้งค่าความลึกของใบมีดซอยหญ้าไม่เกิน 1/8 นิ้ว

      • ใบมีดของชุดตัดหญ้าจะต้องคมกริบ ปรับอย่างถูกต้อง และไม่มีใบมีดอันไหนโค้งงอ เพราะหากใบมีดทื่อและโค้งงอ จะทำให้ต้องใช้กำลังมากกว่าปกติ

      • นอกจากนี้ การเพิ่มจำนวนใบมีดเพื่อลดระยะห่างระหว่างใบมีดยังทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้นเช่นกัน

    • วิธีที่แนะนำในการถาก การตัดหญ้าเป็นวงกลม และการซอยหญ้า

      • เปิดแผงป้องกันของชุดตัดหญ้าส่วนท้าย

      • ความเร็วการตัดหญ้าสูงสุดที่แนะนำคือ 6 กม./ชม. (4 ไมล์ต่อชั่วโมง)

      • ตั้งค่าความเร็วใบมีดพวงที่ระดับ 6

        Note: ยิ่งตั้งค่าความเร็วใบมีดพวงสูงเท่าไหร่ ก็จะใช้แรงหมุนใบมีดน้อยลงเท่านั้น ในการถากหญ้า แนะนำให้ตั้งค่าความเร็วใบมีดพวงต่ำๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสมรรถนะในการทำงาน

      • ไม่ควรใช้โหมดประหยัด

      • ตรวจสอบน้ำยาหล่อเย็นเครื่องยนต์และอุณหภูมิเจเนอเรเตอร์ผ่าน InfoCenter

      • ตรวจสอบตะแกรงหม้อน้ำด้านหลังและตะแกรงระบบกรองอากาศและช่องนำอากาศเข้าของเจเนอเรเตอร์ด้านบนหม้อน้ำบ่อยๆ เพื่อเช็คเศษหญ้าสะสม

      • Smart Power จะจำกัดความเร็วการตัดหญ้าสูงสุดอย่างต่อเนื่องเมื่ออุณหภูมิของเจเนอเรเตอร์และมอเตอร์ใบมีดพวงเข้าใกล้ขีดจำกัด ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยการป้องกันไม่ให้ส่วนประกอบร้อนเกินไป

      • หากเครื่องยนต์ เจเนอเรเตอร์ หรือมอเตอร์ใบมีดพวงร้อนเกินไป ควรจอดอุปกรณ์ในร่มบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกเพื่อให้ส่วนประกอบเย็นตัวลง

    การดูแลรักษาอุปกรณ์หลังตัดหญ้า

    หลังตัดหญ้า ล้างอุปกรณ์ให้สะอาดโดยใช้สายยางทั่วไปที่ใช้ในสวน และไม่ควรใช้หัวฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้ซีลและแบริ่งปนเปื้อนหรือเสียหายเนื่องจากแรงดันน้ำสูงเกินไป นอกจากนี้ ควรดูแลไม่ให้สิ่งสกปรกหรือเศษหญ้าเข้าไปในหม้อน้ำและหม้อพักน้ำมันเครื่อง หลังทำความสะอาดเสร็จ ให้ตรวจสภาพของอุปกรณ์เพื่อมองหาจุดที่น้ำมันไฮดรอลิกรั่วไหล ความเสียหาย หรือการสึกหรอบนส่วนประกอบของระบบไฮดรอลิกและกลไกต่างๆ รวมทั้งตรวจสอบความคมของใบมีดชุดตัดหญ้า

    หลังการปฏิบัติงาน

    ความปลอดภัยหลังจากการใช้งาน

    ความปลอดภัยทั่วไป

    • จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ

    • ปลดและลดชุดตัดหญ้าลง

    • เข้าเบรกจอด

    • ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

    • รอให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง

    • รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์

    • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าชุดตัดหญ้า ชุดขับ หม้อพักไอเสีย แผงระบายความร้อน และห้องเครื่องยนต์ไม่มีหญ้าหรือเศษวัสดุสะสม เพื่อป้องกันการเกิดเพลิงไหม้ กำจัดน้ำมันและเชื้อเพลิงที่หก

    • ปลดระบบขับเคลื่อนออกจากอุปกรณ์ต่อพ่วงเมื่อคุณเคลื่อนย้ายหรือไม่ใช้อุปกรณ์

    • บำรุงรักษาและเช็ดทำความสะอาดเข็มขัดนิรภัย ตามความจำเป็น

    • อย่าจัดเก็บอุปกรณ์หรือภาชนะบรรจุน้ำมันในที่ที่มีเปลวไฟ ประกายไฟ หรือไฟนำร่อง เช่น บนเครื่องทำน้ำร้อน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ

    ตำแหน่งของจุดผูกยึด

    • ด้านหน้าอุปกรณ์—รูในแผ่นสี่เหลี่ยมใต้ท่อเพลาภายในล้อหน้าแต่ละล้อ (รูป 60)

      g031851
    • ด้านท้ายอุปกรณ์—แต่ละด้านของอุปกรณ์ตรงโครงส่วนท้าย(รูป 61)

      g004555

    การเคลื่อนย้ายอุปกรณ์

    • ใช้ทางลาดแบบเต็มความกว้างเพื่อย้ายอุปกรณ์ขึ้นรถพ่วงหรือรถบรรทุก

    • ยึดอุปกรณ์ให้แน่นหนา

    การดันหรือลากอุปกรณ์

    ในกรณีฉุกเฉิน คุณสามารถเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ไปข้างหน้าได้โดยเปิดใช้งานวาล์วบายพายในปั๊มไฮดรอลิกชนิดปรับค่าได้ แล้วดันหรือลากอุปกรณ์

    Important: อย่าดันหรือลากอุปกรณ์เร็วเกินกว่า 3 ถึง 4.8 กม./ชม. (2 ถึง 3 ไมล์ต่อชั่วโมง) เพราะหากคุณดันหรือลากอุปกรณ์เร็วกว่านี้ ระบบส่งกำลังภายในอาจเสียหายได้เปิดวาล์วบายพาสและปลดเบรกเมื่อต้องเข็นหรือลากอุปกรณ์

    1. ปลดสลักฐานเบาะที่นั่งและยกเบาะที่นั่งขึ้น

    2. หาตำแหน่งของวาล์วบายพาสใต้เบาะที่นั่งและบนระบบขับเคลื่อนแรงดันน้ำ (รูป 62)

      g420085
    3. คลายวาล์ว 3 รอบ เพื่อปล่อยให้น้ำมันบายพาสภายในระบบ

      Note: อุปกรณ์จะเคลื่อนที่ช้าๆ เนื่องจากน้ำมันถูกบายพาส โดยไม่ทำให้ระบบส่งกำลังเสียหาย

    4. หาตำแหน่งของท่อร่วมปลดเบรกใกล้กับล้อหน้าด้านขวาและด้านหลังถังไฮดรอลิก (รูป 63)

      g420086
    5. สอดท่อหรืออุปกรณ์ที่คล้ายคลึงกัน จับปุ่มสีดำบนท่อร่วม และกดปั๊มท่อร่วม 3 ครั้ง เมื่อสัมผัสถึงแรงต้านขณะกดปั๊มแสดงว่าเบรกถูกปลดแล้ว

      Important: อย่ากดปั๊มท่อร่วมต่อหลังจากพบว่ากดยาก เพราะหากกดปั๊มท่อร่วมมากเกินไปอาจทำให้ระบบเสียหายได้

      Note: หลังจากแรงดันสะสมในท่อร่วมเพียงพอ เบรกจะถูกปลดเป็นเวลาประมาณ 60 นาที หากยังต้องการปลดเบรกหลังจากพ้น 60 ไปแล้ว สามารถปลดเบรกอีกครั้งได้โดยการกดปั๊มท่อร่วม

    6. ดันหรือลากอุปกรณ์

    7. ตั้งค่าเบรกโดยการดึงปุ่มสีดำหรือสตาร์ทเครื่องยนต์

      Note: เบรกจะรีเซ็ตอัตโนมัติเมื่อคุณสตาร์ทเครื่องยนต์ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องดึงปุ่มสีดำ

    8. ปิดวาล์วบายพาส ขันวาล์วจนได้แรงบิด 11 N∙m (5 ถึง 8 ฟุตปอนด์)

      Important: ตรวจดูให้แน่ใจว่าวาล์วบายพาสปิดแล้วก่อนจะเริ่มใช้งานอุปกรณ์ การใช้งานเครื่องยนต์โดยที่วาล์วบายพาสเปิดอยู่จะทำให้ระบบส่งกำลังร้อนเกินไป

    การบำรุงรักษา

    Note: ดูด้านซ้ายและขวาของอุปกรณ์จากตำแหน่งปกติในการควบคุมเครื่อง

    Note: ดาวน์โหลดสำเนาผังไฟฟ้าหรือระบบไฮดรอลิกได้ฟรี โดยเข้าไปที่ www.Toro.com แล้วค้นหารุ่นรถของคุณจากลิงก์คู่มือในหน้าหลัก

    ความปลอดภัยในการบำรุงรักษา

    • ก่อนออกจากตำแหน่งใช้งาน ให้ปฏิบัติตามดังนี้

      • จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ

      • ปลดและลดชุดตัดหญ้าลง

      • เข้าเบรกจอด

      • ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

      • รอให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง

      • รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์

    • สวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันดวงตา กางเกงขายาว และรองเท้ากันลื่นที่แน่นหนา เก็บมือ เท้า เสื้อผ้า เครื่องประดับ และผมยาวให้ห่างจากชิ้นส่วนเคลื่อนไหว

    • รอให้ชิ้นส่วนเย็นลงก่อนการบำรุงรักษา

    • หากเป็นไปได้ อย่าบำรุงรักษาในขณะที่อุปกรณ์กำลังทำงาน อยู่ห่างจากชิ้นส่วนเคลื่อนไหว

    • ใช้งานอุปกรณ์ในบริเวณที่ระบายอากาศได้ดีเท่านั้น ไอเสียมีก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหากสูดหายใจเข้าไป

    • ใช้ขาตั้งแม่แรงรองรับน้ำหนักอุปกรณ์เมื่อต้องทำงานใต้ท้องอุปกรณ์

    • ค่อยๆ ปล่อยแรงดันจากส่วนประกอบที่มีพลังงานสะสมเก็บไว้

    • ดูแลรักษาให้ชิ้นส่วนทั้งหมดของอุปกรณ์มีสภาพดีและทำงานได้ตามปกติ และขันชิ้นส่วนทั้งหมดให้แน่นหนา

    • เปลี่ยนสติกเกอร์ทั้งหมดที่สึกหรอหรือชำรุด

    • เพื่อสมรรถนะสูงสุดและความปลอดภัยในการใช้งาน โปรดใช้เฉพาะอะไหล่และอุปกรณ์เสริมของแท้จาก Toro เท่านั้น อะไหล่ทดแทนที่ผลิตโดยผู้ผลิตรายอื่นอาจเป็นอันตราย และการใช้งานดังกล่าวอาจทำให้การรับประกันผลิตภัณฑ์เป็นโมฆะ

    กำหนดการบำรุงรักษาที่แนะนำ

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    หลังจากชั่วโมงแรก
  • ขันน็อตล้อจนได้แรงบิด 94 ถึง 122 นิวตันเมตร (70 ถึง 90 ฟุตปอนด์)
  • หลังจาก 8 ชั่วโมงแรก
  • ตรวจสอบสภาพและความตึงของสายพานอัลเทอร์เนเตอร์
  • หลังจาก 10 ชั่วโมงแรก
  • ขันน็อตล้อจนได้แรงบิด 94 ถึง 122 นิวตันเมตร (70 ถึง 90 ฟุตปอนด์)
  • หลังจาก 50 ชั่วโมงแรก
  • เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและตัวกรองน้ำมันเครื่อง
  • ตรวจสอบความเร็วเครื่องยนต์ (เมื่อเดินรอบเบาและลิ้นเร่งทำงานเต็มที่)
  • ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบสวิตช์อินเทอร์ล็อก
  • ตรวจสอบส่วนประกอบของ ROPS ว่ามีการสึกหรอหรือชำรุดหรือไม่
  • ตรวจสอบตัวกรองอากาศ
  • ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง
  • ระบายน้ำหรือสิ่งปนเปื้อนอื่นๆ ออกจากเครื่องแยกน้ำ/เชื้อเพลิง
  • ตรวจสอบสายไฟดูความเสียหาย การสึกหรอ ข้อต่อหลวม การเสื่อมสภาพจากสภาพอากาศ และการเสื่อมสภาพจากสารเคมี
  • ตรวจสอบแรงดันลมยาง
  • ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น
  • ขจัดเศษวัสดุสะสม รวมถึงเศษหญ้า ใบไม้ และวัสดุแปลกปลอมอื่นๆ ออกจากอุปกรณ์ (ทำให้บ่อยขึ้นหากใช้งานอุปกรณ์ในสภาวะที่สกปรกมาก) เน้นบริเวณตะแกรง หม้อพักน้ำมันเครื่อง และ/หรือหม้อน้ำเป็นพิเศษ
  • ตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิก
  • ตรวจสอบระบบท่อและท่ออ่อนไฮดรอลิกเพื่อเช็คการรั่วไหล ท่อหักงอ ส่วนรองรับการยึดที่หลวม การสึกหรอ ข้อต่อหลวม การเสื่อมสภาพจากสภาพอากาศ และการเสื่อมสภาพจากสารเคมี
  • ตรวจสอบการสัมผัสกันของใบมีดล่าง
  • ตรวจสอบว่าเข็มขัดนิรภัยมีการสึกหรอ รอยตัด หรือความเสียหายอื่นๆ หรือไม่ เปลี่ยนเข็มขัดนิรภัยหากส่วนประกอบใดๆ ทำงานไม่ถูกต้อง
  • ทุก 50 ชั่วโมง
  • อัดจาระบีที่แบริ่งและบุชชิง(และทันทีหลังล้างทุกครั้ง)
  • ทำความสะอาดและตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่ (หรือทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ แล้วแต่ว่าสิ่งใดเกิดขึ้นก่อน)
  • ตรวจสอบการเชื่อมต่อสายไฟแบตเตอรี่
  • ทุก 100 ชั่วโมง
  • ตรวจสอบท่อระบบน้ำหล่อเย็น
  • ตรวจสอบสภาพและความตึงของสายพานอัลเทอร์เนเตอร์
  • ทุก 150 ชั่วโมง
  • เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและตัวกรองน้ำมันเครื่อง
  • ทุก 200 ชั่วโมง
  • ระบายน้ำออกจากถังเชื้อเพลิงและถังน้ำมันไฮดรอลิก
  • ทุก 250 ชั่วโมง
  • ขันน็อตล้อจนได้แรงบิด 94 ถึง 122 นิวตันเมตร (70 ถึง 90 ฟุตปอนด์)
  • ทุก 400 ชั่วโมง
  • ซ่อมบำรุงระบบกรองอากาศ (ซ่อมบำรุงให้บ่อยขึ้นหากใช้งานในสภาวะที่สกปรกมากหรือมีฝุ่นมาก) ซ่อมบำรุงระบบกรองอากาศก่อนถึงกำหนด หากแถบสถานะระบบกรองอากาศเป็นสีแดง
  • เปลี่ยนตัวกรองเครื่องแยกน้ำ/เชื้อเพลิง
  • เปลี่ยนตัวกรองเชื้อเพลิงเครื่องยนต์
  • ตรวจสอบท่อน้ำมันและข้อต่อ
  • ตรวจสอบเวลาหยุดทำงานของใบมีด
  • ตรวจสอบความเร็วเครื่องยนต์ (เมื่อเดินรอบเบาและลิ้นเร่งทำงานเต็มที่)
  • ทุก 800 ชั่วโมง
  • ระบายและทำความสะอาดถังเชื้อเพลิงระบายและทำความสะอาดถังเชื้อเพลิง ถ้าระบบเชื้อเพลิงปนเปื้อน
  • ตรวจสอบมุมโทอินล้อหลัง
  • หากคุณไม่ได้ใช้น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำ หรือเคยเติมน้ำมันทางเลือกลงในถัง ให้เปลี่ยนตัวกรองชาร์จ
  • หากคุณไม่ได้ใช้น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำ หรือเคยเติมถังน้ำมันด้วยน้ำมันทางเลือกมาก่อน ให้เปลี่ยนน้ำมันไฮดรอลิก
  • อัดแบริ่งล้อหลังให้แน่น
  • ปรับวาล์วเครื่องยนต์ (โปรดดูคู่มือซ่อมบำรุงเครื่องยนต์)
  • ทุก 1,000 ชั่วโมง
  • หากคุณใช้น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำ ให้เปลี่ยนตัวกรองชาร์จ
  • ทุก 2,000 ชั่วโมง
  • หากคุณใช้น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำ ให้เปลี่ยนน้ำมันไฮดรอลิก
  • ก่อนจัดเก็บ
  • ระบายและทำความสะอาดถังน้ำมันระบายและทำความสะอาดถังเชื้อเพลิง หากคุณเก็บอุปกรณ์ไว้เป็นเวลานาน
  • ทุก 2 ปี
  • ล้างและเปลี่ยนน้ำยาในระบบหล่อเย็น
  • เปลี่ยนท่ออ่อนไฮดรอลิก
  • เปลี่ยนท่ออ่อนน้ำหล่อเย็น
  • ล้างและเปลี่ยนน้ำหล่อเย็น
  • เปลี่ยนท่ออ่อนเคลื่อนไหวทั้งหมด
  • รายการตรวจสอบสำหรับการบำรุงรักษารายวัน

    ถ่ายสำเนาหน้านี้ไว้เพื่อนำไปใช้งานเป็นประจำ

    รายการตรวจสอบสำหรับการบำรุงรักษาสำหรับสัปดาห์:
    จ.อ.พ.พฤ.ศ.ส.อา.
    ตรวจสอบการทำงานของสวิตช์อินเทอร์ล็อก       
    ตรวจสอบการทำงานของเบรก       
    ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและเชื้อเพลิง       
    ตรวจสอบระดับน้ำยาในระบบหล่อเย็น       
    ระบายเครื่องแยกน้ำ/น้ำมันเชื้อเพลิง       
    ตรวจสอบไฟสถานะซ่อมบำรุงของตัวกรองอากาศ       
    ตรวจสอบหม้อน้ำ หม้อพักน้ำมันเครื่อง และตะแกรงเพื่อดูสิ่งสกปรก       
    ตรวจสอบเสียงเครื่องยนต์ที่ผิดปกติ1       
    ตรวจสอบเสียงการทำงานที่ผิดปกติ       
    ตรวจสอบระดับน้ำมันของระบบไฮดรอลิก       
    ตรวจสอบท่ออ่อนไฮดรอลิกเพื่อดูความเสียหาย       
    ตรวจสอบน้ำยารั่วไหล       
    ตรวจสอบแรงดันลมยาง       
    ตรวจสอบการทำงานของแผงหน้าปัด       
    ตรวจสอบระยะห่างระหว่างพวงใบมีดกับใบมีดล่าง       
    ตรวจสอบความสูงในการตัด       
    หล่อลื่นจุดอัดจาระบีทั้งหมด2       
    ทำสีที่ชำรุด       

    1. ตรวจสอบหัวเทียนและหัวฉีดหากสตาร์ทเครื่องยนต์ยาก มีควันออกมา หรือเดินสะดุด

    2. ทันทีหลังจากการล้างทุกครั้ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงระยะการบำรุงรักษาที่กำหนดไว้

    Important: ดูขั้นตอนการบำรุงรักษาเพิ่มเติมได้จากคู่มือผู้ใช้เครื่องยนต์

    บันทึกจุดที่ต้องระวัง

    ตรวจสอบโดย:
    รายการวันที่ข้อมูล
    1  
    2  
    3  
    4  
    5  
    6  
    7  
    8  

    ขั้นตอนก่อนการบำรุงรักษา

    การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบส่วนประกอบของ ROPS ว่ามีการสึกหรอหรือชำรุดหรือไม่
    1. จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ

    2. เข้าเบรกจอด

    3. ปลดการทำงานของ PTO

    4. ดันคันควบคุมการยก/ลดชุดตัดหญ้าไปยังตำแหน่งตัดหญ้า

    5. ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

    6. รอให้ชิ้นส่วนทั้งหมดหยุดนิ่ง

    7. ปล่อยให้เครื่องยนต์เย็นตัวลง

    การเปิดฝากระโปรง

    1. ปลดสลักฝากระโปรง 2 ตัว (รูป 64)

      g377320
    2. หมุนเปิดฝากระโปรง

    การปิดฝากระโปรง

    1. หมุนฝากระโปรงปิดอย่างระมัดระวัง (รูป 65)

      g377319
    2. ยึดฝากระโปรงด้วยสลักฝากระโปรง 2 ตัว

    การเปิดตะแกรง

    1. ถอดสลักกลมออกจากสลักตะแกรง (รูป 66)

      g378822
    2. ปลดสลักออกและเปิดตะแกรง

    การปิดตะแกรง

    1. ปิดและล็อกสลักตะแกรง (รูป 67)

      g378174
    2. สอดสลักกลมผ่านสลักตะแกรง

    การยกเบาะที่นั่ง

    1. ปลดสลักของฐานเบาะที่นั่ง (A ในรูป รูป 68)

    2. ยกเบาะที่นั่งและฐานขึ้น (B ในรูป รูป 68)

    3. ใช้ก้านค้ำพยุงเบาะเอาไว้ (C ในรูป รูป 68)

      g419565

    การลดระดับเบาะที่นั่ง

    1. ยกเบาะที่นั่งขึ้นเล็กน้อย และยกก้านค้ำด้านหน้าออกจากร่องของช่องรองรับเบาะที่นั่ง

    2. ค่อยๆ ดันเบาะที่นั่งลงจนกว่าจะเกี่ยวล็อกแน่นหนา

    การถอดฝาครอบระบบอากาศระบายความร้อนของเจเนอเรเตอร์

    1. ถอดสกรูหัวจมติดจาน 4 ตัวและล็อกติดจาน 4 ตัวที่ยึดฝาครอบระบบอากาศระบายความร้อนด้านบนและด้านล่าง (รูป 69)

      g378913
    2. ถอดฝาครอบออก

    3. ยกฝาครอบด้านบนขึ้นเพื่อเข้าถึงจุดอัดจาระบีของเพลาขับ

    การประกอบฝาครอบระบบอากาศระบายความร้อนของเจเนอเรเตอร์

    1. จัดตำแหน่งให้ร่องบนฝาครอบระบบอากาศระบายความร้อนของเจเนอเรเตอร์ตรงกับซีลของแปรงเพลาขับและหน้าแปลนของฝาครอบเจเนอเรเตอร์ (รูป 70)

      g378915
    2. จัดตำแหน่งให้รูบนฝาครอบระบบอากาศระบายความร้อนของเจเนอเรเตอร์ตรงกับหมุดจำกัดการบีบอัด

    3. ยึดฝาครอบระบบอากาศระบายความร้อนของเจเนอเรเตอร์ทั้งด้านบนและด้านล่าง รวมทั้งหมุดจำกัดการบีบอัดด้วยสกรูหัวจมติดจาน 4 ตัวและน็อตล็อกติดจาน 4 ตัว (รูป 71)

      g378913

    ตำแหน่งจุดวางแม่แรง

    Note: ใช้ขาตั้งแม่แรงรองรับน้ำหนักอุปกรณ์เมื่อต้องทำงานใต้ท้องอุปกรณ์

    ใช้จุดยกอุปกรณ์ต่อไปนี้:

    g375763
    • หน้า—โครงยึดแม่แรงของท่อแกนหน้า (รูป 72)

    • ท้าย—ท่อแกนท้าย

    การหล่อลื่น

    การอัดจาระบีแบริ่งและบุชชิ่ง

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 50 ชั่วโมง
  • อัดจาระบีที่แบริ่งและบุชชิง(และทันทีหลังล้างทุกครั้ง)
  • ข้อกำหนดเฉพาะของจาระบี: จาระบีลิเธียมเบอร์ 2

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู การเปิดฝากระโปรง

    2. ถอดฝาครอบระบบอากาศระบายความร้อนของเจเนอเรเตอร์ โปรดดู การถอดฝาครอบระบบอากาศระบายความร้อนของเจเนอเรเตอร์

    3. หล่อลื่นจุดอัดจาระบีสำหรับแบริ่งและบุชชิ่งทั้งหมดด้วยจาระบีที่กำหนด ตำแหน่งและจำนวนการอัดจาระบีเป็นไปดังต่อไปนี้:

      • ข้อต่อ U ของเพลาขับปั๊ม (3 จุด) (รูป 73)

        Note: เข้าถึงเพลาขับของปั๊มจากด้านล่างของอุปกรณ์

        g378860g378914
      • กระบอกสูบแขนยกของชุดตัดหญ้า (ด้านละ 2 จุด) (รูป 74)

        g012150
      • ข้อหมุนของแขนยก (ด้านละ 1 จุด) (รูป 74)

      • โครงส่วนบรรทุกและข้อหมุนของชุดตัดหญ้า (ด้านละ 2 จุด) (รูป 75)

        g003960
      • เพลาหมุนของแขนยก (ด้านละ 1 จุด) (รูป 76)

        g004157
      • คันส่งของเพลาท้าย (2 จุด) (รูป 77)

        g003987
      • ข้อหมุนของเพลาบังคับเลี้ยว (1 จุด) (รูป 78)

        g004169
      • ข้อต่อกลมเพลาบังคับเลี้ยว-กระบอกสูบ (2 จุด) (รูป 79)

        g003966
    4. ประกอบฝาครอบระบบอากาศระบายความร้อนของเจเนอเรเตอร์ โปรดดู การประกอบฝาครอบระบบอากาศระบายความร้อนของเจเนอเรเตอร์

    5. ปิดและล็อกสลักเบาะที่นั่ง โปรดดู การลดระดับเบาะที่นั่ง

    6. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    การบำรุงรักษาเครื่องยนต์

    ความปลอดภัยของเครื่องยนต์

    • ดับเครื่องยนต์ก่อนตรวจสอบระดับน้ำมันหรือเติมน้ำมันลงในห้องข้อเหวี่ยง

    • อย่าเปลี่ยนความเร็วของตัวควบคุมความเร็วหรือเร่งรอบเครื่องมากเกินไป

    การตรวจสอบตัวกรองอากาศ

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบตัวกรองอากาศ
    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู การเปิดฝากระโปรง

    3. ตรวจสอบแถบสถานะการซ่อมบำรุงที่ปลายตัวเรือนตัวกรองอากาศ (รูป 80)

      g373570
    4. หากแถบสีแดงแสดงขึ้นในแถบสถานะซ่อมบำรุง ให้เปลี่ยนตัวกรองอากาศ โปรดดู การซ่อมบำรุงระบบกรองอากาศ

    5. บีบวาล์วปล่อยฝุ่น (รูป 81)

      g373568
    6. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    การซ่อมบำรุงระบบกรองอากาศ

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 400 ชั่วโมง
  • ซ่อมบำรุงระบบกรองอากาศ (ซ่อมบำรุงให้บ่อยขึ้นหากใช้งานในสภาวะที่สกปรกมากหรือมีฝุ่นมาก) ซ่อมบำรุงระบบกรองอากาศก่อนถึงกำหนด หากแถบสถานะระบบกรองอากาศเป็นสีแดง
  • ตรวจสอบตัวเรือนระบบกรองอากาศเพื่อหาความเสียหายที่อาจทำให้อากาศรั่วไหลได้ และเปลี่ยนถ้าพบความเสียหาย ตรวจสอบระบบอากาศเข้าทั้งหมดเพื่อตรวจสอบการรั่วไหล ความเสียหาย หรือข้อรัดท่ออ่อนที่หลวม

    ซ่อมบำรุงไส้กรองของระบบกรองอากาศเฉพาะเมื่อไฟสถานะการซ่อมบำรุงบ่งบอกเท่านั้น การเปลี่ยนไส้กรองอากาศก่อนถึงเวลาจำเป็นจะเพิ่มโอกาสให้ฝุ่นเข้าสู่เครื่องยนต์มากขึ้นขณะที่ถอดไส้กรองออก

    Important: ตรวจสอบให้แนใจว่าฝาครอบผนึกเข้ากับตัวเรือนระบบกรองอากาศอย่างถูกต้อง

    g378927g031351

    การรีเซ็ตแถบสถานะการซ่อมบำรุงตัวกรองอากาศ

    1. หากแถบสีแดงแสดงในแถบสถานะการซ่อมบำรุง กดปุ่มรีเซ็ตที่ปลายแถบสถานะ (รูป 83)

      g373569
    2. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    ข้อกำหนดเฉพาะของน้ำมัน

    ใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงชนิดเถ้าต่ำที่มีคุณสมบัติเท่ากับหรือเหนือกว่ามาตรฐาน API CH-4 ขึ้นไป

    ใช้เกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องต่อไปนี้:

    • น้ำมันที่ควรใช้: SAE 15W-40 (สูงกว่า 0°F)

    • น้ำมันทางเลือก: SAE 10W-30 หรือ 5W-30 (ทุกอุณหภูมิ)

    น้ำมันเครื่องพรีเมียมของ Toro หาซื้อได้จากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Toro ทั้งเกรดความหนืด 15W-40 หรือ 10W-30

    การตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง
  • Important: ตรวจสอบน้ำมันเครื่องทุกวัน หากระดับน้ำมันเครื่องอยู่เหนือขีดเต็มบนก้านวัด น้ำมันเครื่องอาจเจือจางกับน้ำมันเชื้อเพลิงหากระดับน้ำมันเครื่องอยู่เหนือขีดเต็ม ให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง

    เวลาที่เหมาะที่สุดในการตรวจสอบน้ำมันเครื่องคือเมื่อเครื่องยนต์เย็น ก่อนที่จะสตาร์ทอุปกรณ์เป็นครั้งแรกของวัน หากเครื่องยนต์ทำงานไปแล้ว ควรรอให้น้ำมันเครื่องไหลกลับไปยังอ่างน้ำมันเครื่องอย่างน้อย 10 นาทีก่อนที่จะตรวจสอบ หากระดับน้ำมันพอดีกับหรืออยู่ต่ำกว่าจุดเติมบนก้านวัด เติมน้ำมันเพื่อให้ระดับน้ำมันถึงขีดเต็มอย่าเติมน้ำมันเครื่องมากเกินไป

    Important: รักษาระดับน้ำมันเครื่องให้อยู่ระหว่างขีดบนกับขีดล่างบนเกจน้ำมัน เครื่องยนต์อาจเสียหายหากทำงานโดยมีน้ำมันมากหรือน้อยเกินไป

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู การเปิดฝากระโปรง

    3. ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง (รูป 84)

      g378928g031256

      Important: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระหว่างขีดบนกับขีดล่างบนเกจน้ำมัน การเติมน้ำมันเครื่องมากหรือน้อยเกินไปอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหาย

    4. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    ความจุน้ำมันของห้องข้อเหวี่ยง

    ประมาณ 3.3 ลิตร (3.5 ควอร์ต) พร้อมตัวกรอง

    การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและตัวกรองน้ำมันเครื่อง

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    หลังจาก 50 ชั่วโมงแรก
  • เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและตัวกรองน้ำมันเครื่อง
  • ทุก 150 ชั่วโมง
  • เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและตัวกรองน้ำมันเครื่อง
    1. เตรียมอุปกรณ์ โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ระบายน้ำมันและเปลี่ยนไส้กรอง

      g373614g424905

      Important: อย่าขันไส้กรองแน่นเกินไป

    3. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู การเปิดฝากระโปรง

    4. เติมน้ำมันลงในห้องข้อเหวี่ยง โปรดดู ข้อกำหนดเฉพาะของน้ำมัน, ความจุน้ำมันของห้องข้อเหวี่ยง และ การตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง

    5. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    การบำรุงรักษาระบบเชื้อเพลิง

    การบำรุงรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง

    คู่มือผู้ใช้ฉบับนี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบำรุงรักษาเชื้อเพลิงและระบบเชื้อเพลิงอย่างละเอียดกว่าคู่มือเจ้าของเครื่องยนต์ที่เป็นข้อมูลอ้างอิงทั่วไปเกี่ยวกับเชื้อเพลิงและการบำรุงรักษาเชื้อเพลิง

    คุณจำเป็นต้องเข้าใจว่าการบำรุงรักษาระบบเชื้อเพลิง การจัดเก็บเชื้อเพลิง และคุณภาพเชื้อเพลิงเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันเครื่องยนต์เสียหายจนใช้งานไม่ได้และการซ่อมแซมเครื่องยนต์ที่มีค่าใช้จ่ายสูง

    ระบบเชื้อเพลิงเป็นระบบที่มีพิกัดความเผื่อน้อยมาก เนื่องจากข้อกำหนดเกี่ยวกับการปล่อยไอเสียและการควบคุม นอกจากนี้ คุณภาพและความสะอาดของน้ำมันดีเซลยังมีความสำคัญอย่างมากต่ออายุการใช้งานของระบบฉีดพ่นเชื้อเพลิงแบบคอมมอนเรลแรงดันสูงในปัจจุบันที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล

    Important: น้ำและอากาศในระบบเชื้อเพลิงจะทำเครื่องยนต์ของคุณเสียหาย! อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่เป็นน้ำมันที่สะอาด คุณต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากผู้จำหน่ายที่มีคุณภาพ จัดเก็บเชื้อเพลิงอย่างถูกต้อง และใช้น้ำมันเชื้อเพลิงให้หมดภายใน 180 วัน

    Important: หากคุณไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการเปลี่ยนตัวกรองเชื้อเพลิง การบำรุงรักษาระบบเชื้อเพลิง และการจัดเก็บเชื้อเพลิง ระบบเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์อาจเสียหายก่อนเวลาอันควร บำรุงรักษาระบบเชื้อเพลิงตามคำแนะนำให้ครบถ้วนตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้ หรือเมื่อน้ำมันเชื้อเพลิงปนเปื้อน หรือคุณภาพของเชื้อเพลิงไม่ดี

    การจัดเก็บน้ำมันเชื้อเพลิง

    การจัดเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลรักษาเครื่องยนต์ บ่อยครั้งที่ไม่มีการบำรุงรักษาถังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเหมาะสม ส่งผลให้มีการนำน้ำมันเชื้อเพลิงปนเปื้อนมาใช้กับอุปกรณ์

    • จัดเตรียมน้ำมันเชื้อเพลงให้เพียงพอสำหรับการใช้งานแค่ 180 วันเท่านั้น และไม่ควรใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่เก็บไว้นานกว่า 180 วัน เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้น้ำและสิ่งปนเปื้อนอื่นๆ เข้าไปอยู่ในน้ำมันเชื้อเพลิง

    • หากคุณไม่กำจัดน้ำออกจากถังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงหรือถังเชื้อเพลิงในอุปกรณ์ อาจทำให้ถังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงหรือส่วนประกอบในระบบเชื้อเพลิงเป็นสนิมหรือปนเปื้อนได้ นอกจากนี้ เชื้อรา แบคทีเรีย หรือเห็ดราอาจทำให้เกิดโคลนน้ำมันเครื่องขึ้นภายในถัง ซึ่งจะเข้าไปขัดขวางการไหลและอุดตันตัวกรองและหัวฉีดเชื้อเพลิง

    • ตรวจสภาพถังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงและถังเชื้อเพลิงของอุปกรณ์เป็นประจำเพื่อสังเกตคุณภาพของเชื้อเพลิงภายในถัง

    • น้ำมันเชื้อเพลิงจะต้องได้มาจากผู้จำหน่ายที่มีคุณภาพ

    • หากคุณสังเกตเห็นว่ามีน้ำหรือสิ่งปนเปื้อนอยู่ในถังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงหรือถังเชื้อเพลิงของอุปกรณ์ ควรขอความร่วมมือกับผู้จัดจำหน่ายเชื้อเพลิงในการแก้ไขปัญหา และทำการบำรุงรักษาระบบเชื้อเพลิงอย่างเต็มรูปแบบ

    • ห้ามเก็บน้ำมันดีเซลไว้ในถังหรือกระป๋องที่มีส่วนประกอบเคลือบสังกะสี

    การซ่อมบำรุงเครื่องแยกน้ำ-เชื้อเพลิง

    การระบายน้ำออกจากเครื่องแยกน้ำ-เชื้อเพลิง

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ระบายน้ำหรือสิ่งปนเปื้อนอื่นๆ ออกจากเครื่องแยกน้ำ/เชื้อเพลิง
    1. ระบายน้ำออกจากเครื่องแยกน้ำ/เชื้อเพลิงดังแสดงใน รูป 86

      g399473
    2. ล่อน้ำมันเข้าตัวกรองหรือท่อของปั๊มแรงดันสูง โปรดดู การล่อน้ำมันเข้าระบบเชื้อเพลิง

    การเปลี่ยนตัวกรองเครื่องแยกน้ำ/เชื้อเพลิง

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 400 ชั่วโมง
  • เปลี่ยนตัวกรองเครื่องแยกน้ำ/เชื้อเพลิง
    1. เปลี่ยนตัวกรองดังแสดงใน รูป 87

      g031412
    2. ล่อน้ำมันเข้าตัวกรองหรือท่อของปั๊มแรงดันสูง โปรดดู การล่อน้ำมันเข้าระบบเชื้อเพลิง

    การซ่อมบำรุงตัวกรองเชื้อเพลิง

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 400 ชั่วโมง
  • เปลี่ยนตัวกรองเชื้อเพลิงเครื่องยนต์
    1. ยกเบาะที่นั่ง โปรดดู การยกเบาะที่นั่ง

    2. ถอดแผ่นพื้นโดยการถอดสลักเกลียว 4 ตัวที่ยึดแผ่นพื้นกับอุปกรณ์

    3. ทำความสะอาดรอบๆ ขั้วต่อท่อตัวกรองเชื้อเพลิง

      Note: ใช้ผ้าสะอาดเช็ดขั้วต่อท่อ

    4. ขยับข้อรัดที่ยึดท่ออ่อนเข้ากับข้อต่อของตัวกรองเชื้อเพลิงของท่อส่งเชื้อเพลิง แล้วถอดท่ออ่อนออกจากข้อต่อ

    5. วางอ่างระบายใต้ตัวกรองและถอดตัวกรองออก

    6. ติดตั้งตัวกรองอันใหม่และต่อเข้ากับท่อ

      Note: ตรวจสอบว่าตัวกรองอยู่ในตำแหน่งถูกต้อง โปรดดู รูป 88

      g421581
    7. เลื่อนข้อรัดท่ออ่อนกลับเข้าที่เพื่อยึดท่อเชื้อเพลิงเข้ากับตัวกรอง

    8. ล่อน้ำมันเข้าตัวกรองหรือท่อของปั๊มแรงดันสูง โปรดดู การล่อน้ำมันเข้าระบบเชื้อเพลิง

    9. สตาร์ทเครื่องยนต์และตรวจสอบการรั่วไหลรอบๆ ขั้วต่อท่อเชื้อเพลิง

    การระบายถังเชื้อเพลิง

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 800 ชั่วโมง
  • ระบายและทำความสะอาดถังเชื้อเพลิงระบายและทำความสะอาดถังเชื้อเพลิง ถ้าระบบเชื้อเพลิงปนเปื้อน
  • ก่อนจัดเก็บ
  • ระบายและทำความสะอาดถังน้ำมันระบายและทำความสะอาดถังเชื้อเพลิง หากคุณเก็บอุปกรณ์ไว้เป็นเวลานาน
  • ความจุถังเชื้อเพลิง: 53 ลิตร (14 แกลลอน)

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. วางถาดระบายไว้ใต้วาล์วระบายของถังเชื้อเพลิง (รูป 89)

      g373900
    3. เปิดวาล์วระบายและปล่อยให้เชื้อเพลิงไหลออกจากถัง

    4. ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสะอาดในการล้างถัง

    5. ปิดวาล์วระบาย

    การตรวจสอบท่อน้ำมันและข้อต่อต่อ

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 400 ชั่วโมง
  • ตรวจสอบท่อน้ำมันและข้อต่อ
  • ตรวจสอบท่อน้ำมันเพื่อเช็คการเสื่อมสภาพ ความเสียหาย หรือข้อต่อหลวม

    เปลี่ยนข้อรัดหรือท่อที่เสื่อมสภาพ

    Note: หากคุณเปลี่ยนท่อเชื้อเพลิง ควรล่อน้ำมันเข้าระบบเชื้อเพลิงด้วย โปรดดู การล่อน้ำมันเข้าระบบเชื้อเพลิง

    การไล่อากาศในระบบเชื้อเพลิง

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ตรวจสอบให้แน่ใจมีเชื้อเพลิงอยู่อย่างน้อยครึ่งถัง

    3. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู การเปิดฝากระโปรง

    4. เปิดสกรูไล่อากาศบนปั๊มฉีดเชื้อเพลิง (รูป 90)

      g421595
    5. บิดกุญแจในสวิตช์สตาร์ทไปที่ตำแหน่งเปิด (On)

      ปั๊มเชื้อเพลิงไฟฟ้าทำงานและดันอากาศออกมาทางสกรูไล่อากาศ

      Note: บิดกุญแจไว้ในตำแหน่ง เปิด (On) จนกว่าเชื้อเพลิงจะไหลออกมาเป็นสายรอบๆ สกรู

    6. ขันสกรูให้แน่น และบิดสวิตช์กุญแจไปที่ปิด

    7. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    การทำความสะอาดตะแกรงท่อจ่ายเชื้อเพลิงดี

    การถอดท่อจ่ายเชื้อเพลิงดี

    ท่อจ่ายเชื้อเพลิงดีอยู่ที่ด้านในถังเชื้อเพลิง มาพร้อมตะแกรงช่วยป้องกันสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าสู่ระบบเชื้อเพลิง ถอดท่อจ่ายเชื้อเพลิงดีออกและทำความสะอาดตะแกรงตามที่จำเป็น

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ถอดสกรูหัวแฉก 5 ตัวที่ยึดฝาครอบท่อส่งเชื้อเพลิงเข้ากับถังเชื้อเพลิง และถอดฝาครอบออก (รูป 91)

      g373885
    3. ถอดขั้วต่อ 2 เบ้าของชุดสายไฟส่งเชื้อเพลิงออกจากขั้วต่อ 2 ขาของชุดสายไฟอุปกรณ์ (รูป 92)

      g373884
    4. ขยับข้อรัดที่ยึดท่ออ่อนเข้ากับข้อต่อของบอร์ดด้านในของท่อส่งเชื้อเพลิง แล้วถอดท่ออ่อนออกจากข้อต่อ (รูป 93)

      g373882
    5. คลายฝาครอบท่อส่งเชื้อเพลิง (รูป 94)

      g373883
    6. ค่อย ๆ ยกท่อส่งเชื้อเพลิงออกจากถังอย่างระมัดระวัง

      Note: อย่าทำให้ท่อจ่ายเชื้อเพลิงดี ท่อย้อนกลับ หรือแขนลอยหักงอ

    การทำความสะอาดในการติดตั้งท่อจ่ายเชื้อเพลิงดี

    1. ทำความสะอาดตะแกรงที่ปลายท่อจ่ายเชื้อเพลิงดี (รูป 95)

      g373881
    2. ประกอบท่อจ่ายเชื้อเพลิงดีและลูกลอยเข้ากับถังเชื้อเพลิงอย่างระมัดระวัง (รูป 96)

      g373886
    3. จัดเรียงข้อต่อสำหรับท่อจ่ายเชื้อเพลิงดีและบอร์ดด้านในของท่อย้อนกลับ

    4. ปิดฝาท่อส่งเชื้อเพลิงเข้ากับถังเชื้อเพลิง

    5. ประกอบท่ออ่อนเข้ากับข้อต่อของท่อส่งเชื้อเพลิง และยึดท่ออ่อนเข้ากับข้อต่อด้วยข้อรัด (รูป 97)

      g373882
    6. เสียบขั้วต่อของชุดสายไฟส่งเชื้อเพลิงเข้ากับขั้วต่อของชุดสายไฟอุปกรณ์ (รูป 98)

      g373884
    7. จัดตำแหน่งรูบนฝาครอบท่อส่งเชื้อเพลิงให้ตรงกับรูบนถังเชื้อเพลิง และยึดฝาครอบเข้ากับถังด้วยสกรูหัวแฉก 5 ตัว (รูป 99)

      g373885

    การล่อน้ำมันเข้าระบบเชื้อเพลิง

    ควรล่อน้ำมันเข้าระบบเชื้อเพลิงในกรณีต่อไปนี้:

    • เปลี่ยนตัวกรองเชื้อเพลิง

    • ระบายเครื่องแยกน้ำหลังจากการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน

    • ใช้อุปกรณ์จนเชื้อเพลิงหมด

    • เปลี่ยนท่อเชื้อเพลิงหรือเปิดระบบเชื้อเพลิงไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม

    ล่อน้ำมันเข้าระบบเชื้อเพลิงด้วยขั้นตอนต่อไปนี้:

    Important: อย่าใช้มอเตอร์สตาร์ทเครื่องยนต์ในการสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อล่อน้ำมันเข้าระบบเชื้อเพลิง

    1. ตรวจสอบว่าในถังเชื้อเพลิงมีน้ำมันอยู่

    2. ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อล่อน้ำมันเข้าตัวกรองและท่อของปั๊มแรงดันสูง เพื่อป้องกันไม่ให้ปั๊มสึกหรอหรือเสียหาย

      1. บิดกุญแจไปที่ตำแหน่งเปิดเป็นเวลา 15-20 นาที

      2. บิดกุญแจไปที่ตำแหน่งปิดเป็นเวลา 30-40 นาที

        Note: ขั้นตอนนี้จะทำให้ ECU ปิดการทำงาน

      3. บิดกุญแจไปที่ตำแหน่งเปิดเป็นเวลา 15-20 นาที

      4. ตรวจสอบการรั่วไหลรอบๆ ตัวกรองและท่ออ่อน

      5. สตาร์ทเครื่องยนต์และตรวจสอบการรั่วไหล

    การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า

    Important: ก่อนเชื่อมบนอุปกรณ์ ให้ถอดสายไฟทั้งหมดออกจากแบตเตอรี่ โดยถอดปลั๊กชุดสายไฟทั้งคู่ออกจากโมดูลควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ และถอดขั้วแบตเตอรี่จากอัลเทอร์เนเตอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบไฟฟ้าเสียหาย

    ความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า

    • ตัดการเชื่อมต่อแบตเตอรี่ก่อนซ่อมบำรุงอุปกรณ์ ถอดขั้วลบออกก่อน ตามด้วยขั้วบวก ต่อขั้วบวกก่อน ตามด้วยขั้วลบ

    • ชาร์จแบตเตอรี่ในพื้นที่เปิดโล่งที่ระบายอากาศได้ดี ห่างจากประกายไฟและเปลวไฟ ถอดปลั๊กเครื่องชาร์จก่อนต่อหรือตัดการเชื่อมต่อแบตเตอรี่ สวมใส่ชุดป้องกันและใช้เครื่องมือมีฉนวน

    การถอดแบตเตอรี่ 12 โวลต์

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบสายไฟดูความเสียหาย การสึกหรอ ข้อต่อหลวม การเสื่อมสภาพจากสภาพอากาศ และการเสื่อมสภาพจากสารเคมี
  • อันตราย

    น้ำอิเล็กโทรไลต์ในแบตเตอรี่ประกอบด้วยกรดซัลฟูริก ซึ่งเป็นอันตรายหากรับประทานหรือทำให้เป็นแผลไหม้รุนแรง

    • ห้ามดื่มน้ำอิเล็กโตรไลต์และหลีกเลี่ยงไม่ให้สัมผัสกับผิวหนัง ดวงตา หรือเสื้อผ้า สวมใส่แว่นนิรภัยเพื่อป้องกันดวงตาและสวมถุงมือยางเพื่อปกป้องมือ

    • เติมน้ำแบตเตอรี่ในสถานที่ที่มีน้ำสะอาดเตรียมไว้เสมอเพื่อใช้ล้างผิวหนัง

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เปิดตะแกรงออก โปรดดู การเปิดตะแกรง

    3. กดด้านข้างของฝาครอบแบตเตอรี่ จากนั้นถอดฝาครอบออกจากถาดวางแบตเตอรี่ (รูป 100)

      g378176
    4. ถอดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ

    5. เลื่อนฝาครอบฉนวนออกจากข้อรัดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก และถอดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวกออก

    การเชื่อมต่อแบตเตอรี่ 12 โวลต์

    1. ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) เข้ากับเสาแบตเตอรี่ขั้วบวก (+)(รูป 101)

      g378177
    2. ต่อสายไฟแบตเตอรี่ขั้วลบ (สีดำ) เข้ากับเสาแบตเตอรี่ขั้วลบ (-)

    3. ทาจาระบี Grafo 112X (แบบสกินโอเวอร์ ) หมายเลขอะไหล่ Toro 505-47 ที่เสาแบตเตอรี่และข้อรัดสายไฟแบตเตอรี่

    4. เลื่อนบูทยางครอบข้อรัดสายไฟแบตเตอรี่ขั้วบวก

    5. ประกอบฝาครอบลงไปบนแบตเตอรี่ สอดหูของฝาครอบเข้าไปในช่องของถาดวางแบตเตอรี่

    6. ปิดและล็อกสลักตะแกรง โปรดดู การปิดตะแกรง

    การชาร์จแบตเตอรี่ 12 โวลต์

    1. ถอดแบตเตอรี่ โปรดดู การถอดแบตเตอรี่ 12 โวลต์

    2. ต่อเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ 3-4 แอมป์เข้ากับเสาแบตเตอรี่

    3. ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยกำลัง 3-4 แอมป์เป็นเวลา 4-8 ชั่วโมง

    4. เมื่อชาร์จแบตเตอรี่แล้ว ถอดเครื่องชาร์จออกจากเต้ารับไฟฟ้าและเสาแบตเตอรี่

    5. เชื่อมต่อแบตเตอรี่ โปรดดู การเชื่อมต่อแบตเตอรี่ 12 โวลต์

    การซ่อมบำรุงแบตเตอรี่ 12 โวลต์

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 50 ชั่วโมง
  • ทำความสะอาดและตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่ (หรือทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ แล้วแต่ว่าสิ่งใดเกิดขึ้นก่อน)
  • ตรวจสอบการเชื่อมต่อสายไฟแบตเตอรี่
  • Note: คอยรักษาความสะอาดขั้วและกล่องแบตเตอรี่เนื่องจากแบตเตอรี่ที่สกปรกจะคายประจุช้า

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เปิดตะแกรงออก โปรดดู การเปิดตะแกรง

    3. ตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่

      Note: เปลี่ยนแบตเตอรี่ที่สึกหรอหรือชำรุด

    4. ถอดสายไฟแบตเตอรี่ และถอดแบตเตอรี่ออกจากอุปกรณ์ โปรดดู การถอดแบตเตอรี่ 12 โวลต์

    5. ล้างทั้งกล่องแบตเตอรี่ด้วยน้ำผสมโซเดียมไบคาบอเนต (เบกกิ้งโซดา)

    6. ล้างกล่องด้วยน้ำสะอาด

    7. ประกอบแบตเตอรี่เข้ากับอุปกรณ์และต่อสายแบตเตอรี่ โปรดดู การเชื่อมต่อแบตเตอรี่ 12 โวลต์

    8. ปิดและล็อกสลักตะแกรง โปรดดู การปิดตะแกรง

    การเปลี่ยนฟิวส์ของกล่องฟิวส์ 12 โวลต์

    กล่องฟิวส์อยู่ใต้เบาะที่นั่ง

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ปลดสลักฐานเบาะที่นั่ง ยกฐานเบาะที่นั่งขึ้น จากนั้นใช้ก้านค้ำยันพยุงเบาะเอาไว้ (รูป 106)

      g419565
    3. เปลี่ยนฟิวส์ที่ขาด (รูป 103) ด้วยฟิวส์ประเภทเดียวกันที่มีแอมแปร์เท่ากัน

      g420144
    4. ดันเบาะที่นั่งและฐานลงมา จากนั้นใส่สลักฐานเบาะที่นั่ง (รูป 104)

      g419732

    การเปลี่ยนฟิวส์ชุดตัดหญ้า 48 โวลต์

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ปลดสลักและเปิดฝากระโปรง โปรดดู การเปิดฝากระโปรง

    3. ยืนด้านหน้าทางซ้ายมือของเครื่องยนต์ ถอดฝาครอบกล่องฟิวส์ 48 โวลต์

      g379036
    4. เปลี่ยนฟิวส์ที่ขาดด้วยฟิวส์อันใหม่ที่เป็นฟิวส์ชนิดเดียวกันและมีพิกัดกำลังไฟฟ้าเท่ากัน

      Note: โปรดดูสติกเกอร์บนฝาครอบ

      g379037
    5. ปิดฝาครอบลงบนกล่องฟิวส์ 48 โวลต์

    6. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    การเปลี่ยนฟิวส์เปิดใช้งานใบมีดพวง

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ปลดสลักและเปิดฝากระโปรง โปรดดู การเปิดฝากระโปรง

    3. ยืนด้านหน้าทางขวามือของเครื่องยนต์ ถอดฝาครอบของตัวยึดฟิวส์แบบอินไลน์ที่มีป้ายระบุว่า

      g421600
    4. เปลี่ยนฟิวส์ที่ขาดด้วยฟิวส์อันใหม่ที่เป็นฟิวส์ชนิดเดียวกันและมีพิกัดกำลังไฟฟ้าเท่ากัน

    5. ประกอบฝาครอบเข้ากับตัวยึดฟิวส์แบบอินไลน์

    6. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    การเปลี่ยนฟิวส์เมน

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ปลดสลักและเปิดฝากระโปรง โปรดดู การเปิดฝากระโปรง

    3. ยืนด้านหลังทางขวามือของเครื่องยนต์ ถอดฝาครอบของตัวยึดฟิวส์แบบอินไลน์ที่มีป้ายระบุว่า Main B+ Power Fuse

      g421740
    4. เปลี่ยนฟิวส์ที่ขาดด้วยฟิวส์อันใหม่ที่เป็นฟิวส์ชนิดเดียวกันและมีพิกัดกำลังไฟฟ้าเท่ากัน

    5. ประกอบฝาครอบเข้ากับตัวยึดฟิวส์แบบอินไลน์

    6. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    การบำรุงรักษาระบบขับเคลื่อน

    การตรวจสอบแรงดันลมยาง

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบแรงดันลมยาง
  • Important: คอยตรวจสอบแรงดันลมยางทุกล้อเพื่อให้อุปกรณ์ตัดหญ้าได้ดีและเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเหมาะสม อย่าเติมลมยางน้อยเกินไป

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. วัดแรงดันลมยาง

      Note: แรงดันลมยางที่ถูกต้องคือ 83 ถึง 103 กิโลปาสกาล (12 หรือ 15 ปอนด์ต่อตร.นิ้ว)

    3. หากต้องเติมลมหรือปล่อยลมออกจากยางล้อรถ

    4. ทำซ้ำขั้นตอน 2 และ 3 ที่ล้ออื่น ๆ

    ตรวจสอบแรงบิดของน็อตล้อ

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    หลังจากชั่วโมงแรก
  • ขันน็อตล้อจนได้แรงบิด 94 ถึง 122 นิวตันเมตร (70 ถึง 90 ฟุตปอนด์)
  • หลังจาก 10 ชั่วโมงแรก
  • ขันน็อตล้อจนได้แรงบิด 94 ถึง 122 นิวตันเมตร (70 ถึง 90 ฟุตปอนด์)
  • ทุก 250 ชั่วโมง
  • ขันน็อตล้อจนได้แรงบิด 94 ถึง 122 นิวตันเมตร (70 ถึง 90 ฟุตปอนด์)
  • คำเตือน

    หากไม่ขันน็อตล้อด้วยแรงบิดที่เหมาะสมอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บได้

    คอยดูแลให้น็อตล้อมีแรงบิดที่เหมาะสมอยู่เสมอ

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ขันน็อตล้อจนได้แรงบิด 94 ถึง 122 นิวตันเมตร (70 ถึง 90 ฟุตปอนด์)

    การตรวจสอบการวางตำแหน่งล้อหลัง

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 800 ชั่วโมง
  • ตรวจสอบมุมโทอินล้อหลัง
    1. หมุนพวงมาลัยให้ล้อหลังตรง

    2. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    3. ที่ความสูงแกน ให้วัดระยะห่างจากศูนย์กลางถึงศูนย์กลางที่ล้อคู่หน้าและล้อคู่หลัง

      Note: การปรับมุมโทอินของล้อหลังจะถูกต้อง ถ้าค่าที่วัดได้ของล้อหน้าและล้อหลังต่างกันไม่เกิน 6 มม. (1/4 นิ้ว) (รูป 109)

      g009169
    4. หากค่าที่วัดได้เกิน 6 มม. (1/4 นิ้ว) ให้ปรับมุมโทอินของล้อหลัง โปรดดู การตั้งมุมโทอินล้อหลัง

    การตั้งมุมโทอินล้อหลัง

    1. คลายน็อตสวมทับที่ปลายคันส่งแต่ละด้าน (รูป 110)

      Note: ปลายคันส่งมีร่องหันออกและมีเกลียวหมุนไปทางซ้าย

      g004136
    2. ใช้ประแจแหวนหมุนคันส่ง

    3. ที่ความสูงแกน ให้วัดระยะห่างจากศูนย์กลางถึงศูนย์กลางที่ล้อคู่หน้าและล้อคู่หลัง

      Note: การปรับมุมโทอินของล้อหลังจะถูกต้อง ถ้าค่าที่วัดได้ของล้อหน้าและล้อหลังต่างกันไม่เกิน 6 มม. (1/4 นิ้ว)

    4. ทำซ้ำขั้นตอน 2 และ 3 ตามที่จำเป็น

    5. ขันน็อตสวมทับให้แน่น

    การบำรุงรักษาระบบระบายความร้อน

    ความปลอดภัยของระบบหล่อเย็น

    • น้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์เป็นพิษ ห้ามรับประทาน และเก็บให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

    • การระบายน้ำหล่อเย็นที่ร้อนและมีแรงดัน หรือการสัมผัสหม้อน้ำร้อนและชิ้นส่วนรอบๆ อาจทำให้ผิวหนังถูกลวกรุนแรง

      • ปล่อยให้เครื่องยนต์เย็นลงอย่างน้อย 15 นาทีก่อนถอดฝาหม้อน้ำเสมอ

      • ใช้ผ้าขี้ริ้วเมื่อเปิดฝาหม้อน้ำ และเปิดฝาช้าๆ เพื่อปล่อยไอน้ำออก

    ข้อมูลจำเพาะของน้ำยาหล่อเย็น

    ถังหล่อเย็นมีการเติมน้ำผสมน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งานชนิดเอทิลีนไกลคอลในสัดส่วน 50/50 มาจากโรงงาน

    Important: ใช้เฉพาะน้ำยาหล่อเย็นที่มีจำหน่ายในท้องตลาดและมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดในตารางมาตรฐานน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งานเท่านั้นห้ามใช้น้ำยาหล่อเย็นชนิดเทคโนโลยีกรดอนินทรีย์ (สีเขียว) (IAT) แบบทั่วไปในอุปกรณ์ อย่าผสมน้ำยาหล่อเย็นแบบทั่วไปกับน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งาน

    ตารางชนิดน้ำยาหล่อเย็น

    ชนิดน้ำยาหล่อเย็นเอทิลีนไกลคอล

    ชนิดสารยับยั้งการสึกกร่อน

    สารป้องกันการแข็งตัวแบบยืดอายุการใช้งาน

    เทคโนโลยีกรดอินทรีย์ (OAT)

    Important: อย่าแยกแยะความแตกต่างระหว่างน้ำยาหล่อเย็นชนิดกรดอนินทรีย์ (สีเขียว) แบบทั่วไปกับน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งานโดยการดูจากสีของน้ำยาหล่อเย็นผู้ผลิตน้ำยาหล่อเย็นอาจย้อมสีน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งานด้วยสีใดสีหนึ่งต่อไปนี้: สีแดง, สีชมพู, สีส้ม, สีเหลือง, สีน้ำเงิน, สีเขียวอมฟ้า, สีม่วง และสีเขียว ใช้น้ำยาหล่อเย็นที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดในตารางมาตรฐานน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งาน

    ตารางมาตรฐานน้ำยาหล่อเย็นแบบยืดอายุการใช้งาน

    ATSM International

    SAE International

    D3306 และ D4985

    J1034, J814 และ 1941

    Important: สำหรับความเข้มข้นของน้ำยาหล่อเย็น ควรผสมน้ำต่อน้ำยาหล่อเย็นในสัดส่วน 50/50

    • แนะนำ: เมื่อผสมน้ำยาหล่อเย็นจากน้ำยาเข้มข้น ให้ผสมกับน้ำกลั่น

    • ทางเลือก: หากไม่มีน้ำกลั่น ใช้น้ำยาหล่อเย็นผสมสำเร็จแทนน้ำยาแบบเข้มข้น

    • ข้อกำหนดขั้นต่ำ: หากไม่มีทั้งน้ำกลั่นและน้ำยาหล่อเย็นผสมสำเร็จ ให้ผสมน้ำยาหล่อเย็นเข้มข้นกับน้ำสะอาดที่ดื่มได้

    การตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น
  • ข้อควรระวัง

    หากเครื่องยนต์กำลังทำงานและมีแรงดัน น้ำหล่อเย็นที่ร้อนอาจดันออกมาและลวกผิวหนังได้

    • อย่าเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน

    • ใช้ผ้าขี้ริ้วเมื่อเปิดฝาหม้อน้ำ และเปิดฝาช้าๆ เพื่อปล่อยไอน้ำออก

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู การเปิดฝากระโปรง

    3. ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นในถังขยาย (รูป 111)

      Note: ระดับน้ำหล่อเย็นถูกต้อง ถ้าอยู่ระหว่างขีดเติมและขีดเต็มที่ด้านข้างถัง

      g375925
    4. หากระดับน้ำหล่อเย็นต่ำ ให้เปิดฝาถังขยายและเติมน้ำหล่อเย็นที่กำหนดจนกว่าระดับจะถึงขีดเต็ม

      Note: อย่าเติมน้ำหล่อเย็นลงในถังขยายมากเกินไป

    5. ปิดฝาถังขยาย

    6. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    การขจัดเศษวัสดุออกจากระบบหล่อเย็น

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ขจัดเศษวัสดุสะสม รวมถึงเศษหญ้า ใบไม้ และวัสดุแปลกปลอมอื่นๆ ออกจากอุปกรณ์ (ทำให้บ่อยขึ้นหากใช้งานอุปกรณ์ในสภาวะที่สกปรกมาก) เน้นบริเวณตะแกรง หม้อพักน้ำมันเครื่อง และ/หรือหม้อน้ำเป็นพิเศษ
  • ทุก 100 ชั่วโมง
  • ตรวจสอบท่อระบบน้ำหล่อเย็น
  • ทุก 2 ปี
  • ล้างและเปลี่ยนน้ำยาในระบบหล่อเย็น
    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู การเปิดฝากระโปรง

    3. ทำความสะอาดสิ่งสกปรกออกจากบริเวณเครื่องยนต์ให้หมดจด

    4. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    5. ปลดสลักตะแกรงท้ายและหมุนเปิด (รูป 112)

      g004138
    6. ทำความสะอาดตะแกรงให้สะอาดด้วยการเป่าลม

    7. หมุนสลักหม้อพักน้ำมันเครื่อง 2 ตัวเข้า และเอียงหม้อพักน้ำมันเครื่อง (รูป 113)

      g379098
    8. ทำความสะอาดบริเวณหม้อพักน้ำมันเครื่องและหม้อน้ำทั้งสองด้าน (รูป 114) ให้หมดจดโดยใช้ลมเป่า

      g379099
    9. ยกหม้อพักน้ำมันเครื่องขึ้นและยึดไว้ด้วยสลัก 2 ตัว

    10. ปลดและล็อกสลักตะแกรง

    การบำรุงรักษาสายพาน

    การปรับความตึงสายพานอัลเทอร์เนเตอร์

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    หลังจาก 8 ชั่วโมงแรก
  • ตรวจสอบสภาพและความตึงของสายพานอัลเทอร์เนเตอร์
  • ทุก 100 ชั่วโมง
  • ตรวจสอบสภาพและความตึงของสายพานอัลเทอร์เนเตอร์
    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เปิดฝากระโปรงของอุปกรณ์ โปรดดู การเปิดฝากระโปรง

    3. ตรวจสอบความตึงของสายพานอัลเทอร์เนเตอร์โดยการกดสายพาน (รูป 115) บริเวณตรงกลางระหว่างอัลเทอร์เนเตอร์กับรอกเพลาข้อเหวี่ยงโดยใช้แรง 10 กก. (22 ปอนด์)

      Note: สายพานควรเบน 11 มม. (7/16 นิ้ว) หากการเบนไม่ถูกต้อง ดำเนินการในขั้นตอนที่ 4 หากความตึงของเบรกถูกต้อง ข้ามไปยังขั้นตอนที่ 7

      g003976
    4. คลายสลักเกลียวที่ยึดอัลเทอร์เนเตอร์เข้ากับตัวค้ำ และสลักเกลียวของสลักเดือย (รูป 115)

    5. สอดชะแลงเข้าไประหว่างอัลเทอร์เนเตอร์กับเครื่องยนต์ และขยับอัลเทอร์เนเตอร์ออกมา

    6. เมื่อสายพานตึงตามที่อธิบายในขั้นตอนที่ 3 ให้ขันสลักเกลียวที่ยึดอัลเทอร์เนเตอร์กับตัวค้ำและสลักเกลียวของสลักเดือยให้แน่น

    7. ปิดและล็อกสลักฝากระโปรงอุปกรณ์ โปรดดู การปิดฝากระโปรง

    การบำรุงรักษาระบบไฮดรอลิก

    ความปลอดภัยของระบบไฮดรอลิก

    • ไปพบแพทย์ทันทีหากโดนน้ำมันฉีดใส่ผิวหนัง น้ำมันที่ฉีดโดนร่างกายจะต้องให้แพทย์ผ่าตัดออกภายในสองถึงสามชั่วโมง

    • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่ออ่อนน้ำมันไฮดรอลิกและท่อระบบมีสภาพดี และข้อต่อและการเชื่อมต่อระบบไฮดรอลิกทั้งหมดแน่นหนาก่อนจ่ายแรงดันเข้าไปในระบบไฮดรอลิก

    • เก็บมือและร่างกายออกห่างจากจุดรั่วรูเข็มหรือหัวฉีดที่ฉีดน้ำมันไฮดรอลิกแรงดันสูง

    • ใช้กระดาษลังหรือกระดาษหาจุดรั่วของระบบไฮดรอลิก

    • ระบายแรงดันในระบบไฮดรอลิกอย่างปลอดภัยก่อนทำงานใดๆ กับระบบไฮดรอลิก

    ข้อมูลจำเพาะของน้ำมันไฮดรอลิก

    ถังน้ำมันเติมน้ำมันไฮดรอลิกคุณภาพสูงมาแล้วจากโรงงาน ตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิกก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรก และทุกวันหลังจากนั้น โปรดดู การตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิก

    น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำ: น้ำมันไฮดรอลิกชนิดยืดอายุการใช้งาน Toro PX มีจัดจำหน่ายแบบถัง 19 ลิตร (5 แกลลอนสหรัฐ) หรือถัง 208 ลิตร (55 แกลลอนสหรัฐ)

    Note: อุปกรณ์ที่ใช้น้ำมันเปลี่ยนทดแทนที่แนะนำไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันและตัวกรองบ่อยๆ เหมือนกับการใช้น้ำมันเปลี่ยนทดแทนแบบอื่น

    น้ำมันไฮดรอลิกทางเลือก: หากไม่มีน้ำมันไฮดรอลิกชนิดยืดอายุการใช้งาน Toro PX จัดจำหน่าย คุณสามารถใช้น้ำมันไฮดรอลิกชนิดปิโตรเลียมทั่วไปที่มีข้อมูลจำเพาะตรงกับช่วงที่ระบุไว้สำหรับคุณสมบัติวัสดุต่อไปนี้ทั้งหมดและได้ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม อย่าใช้น้ำมันสังเคราะห์ ปรึกษาตัวแทนจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นเพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

    Note: Toro ไม่รับผิดชอบความเสียหายจากการใช้น้ำมันเปลี่ยนทดแทนที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นควรใช้ผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงน่าเชื่อถือเท่านั้น

    น้ำมันไฮดรอลิกป้องกันการสึกหรอชนิดดัชนีความหนืดสูง/จุดไหลเทต่ำ ISO VG 46

    คุณสมบัติวัสดุ: 
     ความหนืด, ASTM D445cSt ที่ 40 °C (104°F) 44 ถึง 48
     ดัชนีความหนืด ASTM D2270140 ขึ้นไป
     จุดไหลเท, ASTM D97-37 °C ถึง -45 °C (-34°F ถึง -49°F)
     ข้อมูลจำเพาะของอุตสาหกรรม:Eaton Vickers 694 (I-286-S, M-2950-S/35VQ25 หรือ M-2952-S)

    Note: น้ำมันไฮดรอลิกส่วนใหญ่เกือบจะไม่มีสี ทำให้การมองหาจุดรั่วได้ยาก สีย้อมน้ำมันไฮดรอลิกสีแดงมีจัดจำหน่ายเป็นขวดขนาด 20 มล. (0.67 ออนซ์ของเหลว) ซึ่งขวดหนึ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับน้ำมันไฮดรอลิก 15 ถึง 22 ลิตร (4 ถึง 6 แกลลอนสหรัฐ) สามารถแจ้งหมายเลขสั่งซื้ออะไหล่ 44-2500 กับตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Toro

    Important: น้ำมันไฮดรอลิกสังเคราะห์ชนิดย่อยสลายทางชีวภาพเกรดพรีเมียมของ Toro เป็นน้ำมันสังเคราะห์ชนิดย่อยสลายทางชีวภาพเพียงรุ่นเดียวที่ได้รับการรับรองโดย Toro น้ำมันชนิดนี้เข้ากันได้กับอีลาสโตเมอร์ที่ใช้ในระบบไฮดรอลิก Toro และเหมาะสำหรับอุณหภูมิการทำงานที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังเข้ากันได้น้ำมันแร่ทั่วไปด้วย แต่เพื่อประสิทธิภาพในการย่อยสลายทางชีวภาพและสมรรถนะสูงสุด ควรล้างน้ำมันทั่วไปออกจากระบบไฮดรอลิกให้หมดจด น้ำมันไฮดรอลิกสังเคราะห์ชนิดย่อยสลายทางชีวภาพเกรดพรีเมียมของ Toro หาซื้อได้จากตัวแทนจำหน่าย Toro ที่ได้รับอนุญาต มีจัดจำหน่ายแบบถัง 19 ลิตร (5 แกลลอนสหรัฐ) หรือ 208 ลิตร (55 แกลลอนสหรัฐ)

    การตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิก

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิก
  • ถังน้ำมันเติมน้ำมันไฮดรอลิกคุณภาพสูงมาแล้วจากโรงงาน ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการตรวจสอบน้ำมันไฮดรอลิกคือตอนที่น้ำมันยังเย็นอยู่ อุปกรณ์ควรจัดเตรียมในรูปแบบสำหรับการเคลื่อนย้าย

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ทำความสะอาดบริเวณรอบช่องเติมและฝาของถังน้ำมันไฮดรอลิก (รูป 116)

      g376007
    3. เปิดฝา/ดึงก้านวัดออกจากช่องเติม และเช็ดด้วยผ้าขี้ริ้วสะอาด

    4. สอดก้านวัดลงในช่องเติม จากนั้นดึงออกมาเพื่อดูระดับน้ำมัน

      Note: ระดับน้ำมันควรอยู่ระหว่างช่วงใช้งานได้บนก้านวัด

      Important: อย่าเติมน้ำมันมากเกินไป

    5. หากน้ำมันเหลือน้อย เติมน้ำมันที่เหมาะสมพอให้ระดับถึงขีดเต็ม

    6. ปิดฝา/ใส่ก้านวัดเข้าช่องเติม

    การตรวจสอบระบบท่อและท่ออ่อนไฮดรอลิก

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบระบบท่อและท่ออ่อนไฮดรอลิกเพื่อเช็คการรั่วไหล ท่อหักงอ ส่วนรองรับการยึดที่หลวม การสึกหรอ ข้อต่อหลวม การเสื่อมสภาพจากสภาพอากาศ และการเสื่อมสภาพจากสารเคมี
  • ตรวจสอบระบบท่อและท่ออ่อนไฮดรอลิกเพื่อเช็คการรั่วไหล ท่อหักงอ ส่วนรองรับการยึดที่หลวม การสึกหรอ ข้อต่อหลวม การเสื่อมสภาพจากสภาพอากาศ และการเสื่อมสภาพจากสารเคมี ซ่อมแซมความเสียหายทั้งหมดก่อนกลับไปใช้งานต่อ

    การเปลี่ยนตัวกรองชาร์จ

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 800 ชั่วโมง
  • หากคุณไม่ได้ใช้น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำ หรือเคยเติมน้ำมันทางเลือกลงในถัง ให้เปลี่ยนตัวกรองชาร์จ
  • ทุก 1,000 ชั่วโมง
  • หากคุณใช้น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำ ให้เปลี่ยนตัวกรองชาร์จ
  • Important: การใช้ตัวกรองอื่นๆ อาจทำให้การรับประกันส่วนประกอบบางอย่างเป็นโมฆะ

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. ยกเบาะที่นั่ง โปรดดู การยกเบาะที่นั่ง

    3. ที่ด้านซ้ายของอุปกรณ์ วางถาดระบายใต้ตัวกรองชาร์จ (รูป 117)

      g421602
    4. ถอดตัวกรองออก

    5. เช็ดบริเวณติดตั้งตัวกรองของหัวกรองให้สะอาด

    6. ทาน้ำมันไฮดรอลิกที่กำหนดเป็นชั้นบาง ๆ ที่ปะเก็นของตัวกรองชาร์จอันใหม่

    7. ใช้มือหมุนเกลียวตัวกรองเข้ากับหัวกรอง จนกว่าปะเก็นแตะกับพื้นผิวติดตั้ง จากนั้นใช้มือหมุนตัวกรองเพิ่มอีก 1/2 รอบ

    8. ปิดและล็อกสลักเบาะที่นั่ง โปรดดู การลดระดับเบาะที่นั่ง

    การตรวจหารอยรั่ว

    1. สตาร์ทเครื่องยนต์ และปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานประมาณ 2 นาทีเพื่อไล่อากาศออกจากระบบไฮดรอลิก

    2. ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก และตรวจสอบรอยรั่วที่ตัวกรองย้อนกลับและตัวกรองชาร์จ

      Note: ซ่อมแซมจุดรั่วไหลในระบบไฮดรอลิกทั้งหมด

    ความจุน้ำมันไฮดรอลิก

    41.6 ลิตร (11 แกลลอนสหรัฐ) โปรดดู ข้อมูลจำเพาะของน้ำมันไฮดรอลิก

    การเปลี่ยนน้ำมันไฮดรอลิก

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 800 ชั่วโมง
  • หากคุณไม่ได้ใช้น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำ หรือเคยเติมถังน้ำมันด้วยน้ำมันทางเลือกมาก่อน ให้เปลี่ยนน้ำมันไฮดรอลิก
  • ทุก 2,000 ชั่วโมง
  • หากคุณใช้น้ำมันไฮดรอลิกที่แนะนำ ให้เปลี่ยนน้ำมันไฮดรอลิก
  • หากน้ำมันปนเปื้อน ติดต่อตัวแทนจำหน่าย Toro เนื่องจากต้องมีการล้างระบบ น้ำมันที่ปนเปื้อนจะดูขุ่นหรือเป็นสีดำเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันสะอาด

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. วางถาดระบายขนาดใหญ่ไว้ใต้ท่อร่วม (รูป 118) ที่ก้นถังน้ำมันไฮดรอลิก โปรดดู ความจุน้ำมันไฮดรอลิก

      g421603
    3. ถอดข้อต่อ 90° ออกจากท่อร่วมและระบายน้ำมันออกจากถัง

    4. หลังจากน้ำมันไฮดรอลิกหยุดไหลออกจากถัง ต่อข้อต่อ 90° เข้ากับท่อร่วม

    5. เติมน้ำมันไฮดรอลิกที่กำหนดลงในถัง โปรดดู ข้อมูลจำเพาะของน้ำมันไฮดรอลิก และ ความจุน้ำมันไฮดรอลิก

      Important: ใช้เฉพาะน้ำมันไฮดรอลิกที่กำหนดเท่านั้น เพราะน้ำมันอื่นๆ อาจทำให้ระบบเสียหาย

    6. ปิดฝาถัง

    7. สตาร์ทเครื่องยนต์และใช้งานการควบคุมไฮดรอลิกทั้งหมดเพื่อจ่ายน้ำมันไฮดรอลิกให้ทั่วระบบ

    8. ตรวจหาน้ำมันไฮดรอลิกรั่วไหล โปรดดู การตรวจหารอยรั่ว

    9. ตรวจสอบระดับ โปรดดู การตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิก

    การบำรุงรักษาชุดตัดหญ้า

    ความปลอดภัยเกี่ยวกับใบมีด

    ใบมีดหรือใบมีดล่างที่สึกหรือเสียหายอาจจะแตกออกได้ และชิ้นส่วนอาจกระเด็นไปโดนตัวคุณหรือผู้อื่น จนอาจทำให้บาดเจ็บรุนแรงหรือเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

    • ตรวจสอบเป็นระยะว่าใบมีดหรือใบมีดล่างสึกหรอหรือเสียหายหรือไม่

    • ใช้ความระมัดระวังขณะที่ตรวจสอบใบมีด สวมใส่ถุงมือและใช้ความระมัดระวังขณะบำรุงรักษาใบมีด ให้เปลี่ยนหรือลับใบมีดเท่านั้น ห้ามยืดหรือเชื่อมใบมีดเด็ดขาด

    • ในอุปกรณ์ที่มีชุดตัดหญ้าหลายชุด ให้ใช้ความระมัดระวังขณะหมุนชุดตัดหญ้า เนื่องจากอาจทำให้ใบมีดพวงในชุดตัดหญ้าอื่นๆ หมุนได้

    การตรวจสอบการสัมผัสกันของใบมีดพวงกับใบมีดล่าง

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบการสัมผัสกันของใบมีดล่าง
  • ก่อนใช้งานในแต่ละวัน ให้ตรวจสอบการสัมผัสกันของใบมีดพวงกับใบมีดล่าง ถึงแม้ว่าคุณภาพของการตัดก่อนหน้านี้จะเป็นที่ยอมรับได้ก็ตาม ต้องมีการสัมผัสกันเล็กน้อยตามแนวความยาวทั้งหมดของใบมีดพวงและใบมีดล่าง (โปรดดูการปรับใบมีดพวงกับใบมีดล่างในคู่มือผู้ใช้ของชุดตัดหญ้า)

    การตรวจสอบเวลาหยุดทำงานของใบมีด

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 400 ชั่วโมง
  • ตรวจสอบเวลาหยุดทำงานของใบมีด
  • เปิดใช้งานชุดตัดหญ้าและดึงคันควบคุมการยกเพื่อยกชุดตัดหญ้าขึ้น สังเกตระยะเวลาตั้งแต่ตอนที่สั่งให้อุปกรณ์ยกชุดตัดหญ้าขึ้นจนกระทั่งพวงใบมีดทั้งหมดหยุดหมุน หากใช้เวลานานกว่า 7 วินาที โปรดติดต่อตัวแทนซ่อมบำรุงที่ได้รับอนุญาต

    การลับคมชุดตัดหญ้า

    คำเตือน

    การสัมผัสกับชุดตัดหญ้าหรือชิ้นส่วนเคลื่อนไหวอื่นๆ อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บ

    • เก็บนิ้ว มือ และเสื้อผ้าออกห่างจากชุดตัดหญ้าและชิ้นส่วนเคลื่อนไหวอื่นๆ

    • อย่าพยายามหมุนชุดตัดหญ้าด้วยมือหรือเท้าขณะที่เครื่องยนต์ทำงานอยู่โดยเด็ดขาด

    Note: การลับคมมีคำแนะนำและขั้นตอนเพิ่มเติมในข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับเครื่องตัดหญ้าแบบใบมีดพวงของ Toro (พร้อมแนวทางการลับคม), แบบฟอร์ม 09168SL

    Note: ขณะลับคม ส่วนด้านหน้าทั้งหมดจะทำงานด้วยกัน และส่วนด้านหลังจะทำงานด้วยกัน

    การเตรียมอุปกรณ์

    1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา โปรดดู การเตรียมพร้อมก่อนการบำรุงรักษา

    2. เข้าสู่เมนูหลักของ InfoCenter ในขณะที่เครื่องยนต์ดับอยู่ แต่กุญแจอยู่ในตำแหน่งทำงาน

    3. จากเมนูหลัก เลื่อนลงมาที่เมนูซ่อมบำรุงโดยใช้ปุ่มกลางและเลือกโดยใช้ปุ่มขวา

    4. ในเมนูซ่อมบำรุง เลื่อนลงมาที่การลับคมส่วนหน้า ลับคมส่วนท้าย และเปิดใช้งานส่วนหน้า, ส่วนท้าย หรือทั้งคู่โดยใช้ปุ่มขวาเพื่อเปลี่ยนการตั้งค่าชุดตัดหญ้าที่ต้องการจาก ปิด เป็น เปิด

    5. กดปุ่มซ้ายเพื่อบันทึกการตั้งค่าและออกจากเมนูการตั้งค่า

    6. ปรับใบมีดพวงกับใบมีดล่างในตอนเริ่มแรกให้เหมาะสมสำหรับการลับคมบนชุดตัดหญ้าทั้งหมดที่ต้องการจะลับคม โปรดดูคู่มือผู้ใช้ของชุดตัดหญ้า

    การลับคมใบมีดพวงและใบมีดล่าง

    1. สตาร์ทเครื่องยนต์และปล่อยให้เดินรอบเบา

      อันตราย

      การเปลี่ยนความเร็วเครื่องยนต์ขณะลับคมอาจทำให้ใบมีดพวงหยุดทำงานได้

      • ห้ามเปลี่ยนความเร็วเครื่องยนต์ขณะลับคมโดยเด็ดขาด

      • ลับคมด้วยความเร็วเครื่องยนต์ที่เดินรอบเบาเท่านั้น

    2. เข้าเกียร์ PTO โดยที่คันควบคุมการยก/ลดชุดตัดหญ้าอยู่ในตำแหน่งตัดหญ้า ดันคันควบคุมการยก/ลดชุดตัดหญ้าไปข้างหน้าเพื่อเริ่มการลับคมบนใบมีดพวงที่ต้องการ

    3. ทากากเพชรลับคมด้วยแปรงด้ามยาว

      Important: ห้ามใช้แปรงด้ามสั้น

    4. หากใบมีดพวงหยุดทำงานกลางคันหรือไม่มั่นคงขณะลับคม เลือกการตั้งค่าความเร็วใบมีดพวงให้สูงขึ้นจนกว่าความเร็วจะคงที่ จากนั้นปรับความเร็วใบมีดพวงกลับมาที่ระดับความเร็วที่ต้องการ ซึ่งทำได้โดยการใช้ปุ่มใน InfoCenter

    5. หากคุณจำเป็นต้องปรับชุดตัดหญ้าขณะลัมคม ให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้:

      1. ขยับคันควบคุมการยก/ลดชุดตัดหญ้าไปข้างหลังและกดสวิตช์ PTO เพื่อปิด PTO

      2. ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

      3. ปรับชุดตัดหญ้า

      4. ทำซ้ำขั้นตอน 1 ถึง 3

    6. ทำซ้ำ 3 กับชุดตัดหญ้าอื่นๆ ที่ต้องการลับคม

    ลับคมจนเสร็จสิ้น

    1. ขยับคันควบคุมการยก/ลดชุดตัดหญ้าไปข้างหลังและกดสวิตช์ PTO เพื่อปิด PTO

    2. ปิดฟังก์ชันลับคมโดยใช้ปุ่มใน InfoCenter

      Important: หากคุณไม่เปลี่ยนการตั้งค่าฟังก์ชันลับคมกลับเป็นปิด หลังจากลับคมเสร็จ ชุดตัดหญ้าจะยกขึ้นไม่ได้หรือทำงานไม่ถูกต้อง

    3. ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

    4. ล้างกากเพชรลับคมทั้งหมดออกจากชุดตัดหญ้า

    5. เพื่อให้คมใบมีดคมมากขึ้น ใช้ตะไบขัดด้านหน้าใบมีดล่างหลังจากลับใบมีด

      Note: เสี้ยนหรือขอบหยักอาจเกิดขึ้นจากการลับคมขอบตัดหญ้า ดังนั้นควรใช้ตะไบขัดตามขอบตัด โดยทำมุมกับผิวหน้าของใบมีดล่าง 90º เพื่อขจัดเสี้ยน และทำให้ขอบใบมีดคมมากขึ้น

    6. ปรับระยะใบมีดพวงกับใบมีดล่างของชุดตัดหญ้าตามที่จำเป็น

    7. ปรับความเร็วใบมีดพวงของชุดตัดหญ้าเป็นค่าการตัดหญ้าที่ต้องการ

    การบำรุงรักษาแชสซี

    การตรวจสอบเข็มขัดนิรภัย

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบว่าเข็มขัดนิรภัยมีการสึกหรอ รอยตัด หรือความเสียหายอื่นๆ หรือไม่ เปลี่ยนเข็มขัดนิรภัยหากส่วนประกอบใดๆ ทำงานไม่ถูกต้อง
    1. ตรวจสอบว่าเข็มขัดนิรภัยมีการสึกหรอ รอยตัด และความเสียหายอื่นๆ หรือไม่ เปลี่ยนเข็มขัดนิรภัยหากส่วนประกอบใดๆ ทำงานไม่ถูกต้อง

    2. เช็ดทำความสะอาดเข็มขัดนิรภัยตามความจำเป็น

    การซ่อมบำรุงในระยะยาว

    แชสซีและเครื่องยนต์

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 2 ปี
  • เปลี่ยนท่ออ่อนไฮดรอลิก
  • เปลี่ยนท่ออ่อนน้ำหล่อเย็น
  • ล้างและเปลี่ยนน้ำหล่อเย็น
  • การทำความสะอาด

    การล้างอุปกรณ์

    ล้างอุปกรณ์ตามที่จำเป็นโดยใช้น้ำเปล่าหรือน้ำผสมน้ำยาทำความสะอาดอ่อน ๆ คุณอาจใช้ผ้าขี้ริ้วล้างอุปกรณ์ได้

    Important: อย่าใช้น้ำกร่อยหรือน้ำหมุนเวียนล้างอุปกรณ์

    Important: อย่าใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันในการล้างอุปกรณ์ เครื่องฉีดน้ำแรงดันอาจสร้างความเสียหายให้ระบบไฟฟ้า ทำให้สติกเกอร์ที่สำคัญหลุดหาย หรือล้างจาระบีที่จำเป็นบริเวณจุดเสียดสีออกไป หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมากเกินไปใกล้กับแผงควบคุม เครื่องยนต์ และแบตเตอรี่

    Important: ห้ามล้างอุปกรณ์ขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน การทำเช่นนี้อาจทำให้เครื่องยนต์ภายในชำรุดเสียหาย

    การจัดเก็บ

    ความปลอดภัยเมื่อจัดเก็บ

    • ก่อนออกจากตำแหน่งใช้งาน ให้ปฏิบัติตามดังนี้

      • จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ

      • ปลดและลดชุดตัดหญ้าลง

      • เข้าเบรกจอด

      • ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

      • รอให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง

      • รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์

    • อย่าจัดเก็บอุปกรณ์หรือภาชนะบรรจุน้ำมันในที่ที่มีเปลวไฟ ประกายไฟ หรือไฟนำร่อง เช่น บนเครื่องทำน้ำร้อน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ

    การเตรียมรถลากพ่วง

    1. จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ ลดชุดตัดหญ้าลงมา เข้าเบรกจอด ดับเครื่องยนต์ และดึงกุญแจออกออก

    2. ทำความสะอาดรถลากพ่วง ชุดตัดหญ้า และเครื่องยนต์ให้หมดจด

    3. ตรวจสอบแรงดันลมยาง โปรดดู การตรวจสอบแรงดันลมยาง

    4. ตรวจสอบตัวยึดทั้งหมดว่าหลวมหรือไม่ และขันให้แน่นตามความจำเป็น

    5. อัดจาระบีหรือทาน้ำมันที่จุดอัดจาระบีและจุดหมุนทั้งหมด เช็ดน้ำมันหล่อลื่นที่เกินมาออก

    6. ขัดเบาๆ และทาสีซ่อมแซมสีบนบริเวณที่มีรอยขูด แตก หรือเป็นสนิม ซ่อมแซมรอยบุ๋มในตัวถังโลหะ

    7. ซ่อมบำรุงแบตเตอรี่และสายไฟดังนี้ โปรดดู ความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า

      1. ถอดขั้วแบตเตอรี่จากเสาแบตเตอรี่

      2. ทำความสะอาดแบตเตอรี่ ขั้ว และเสาแบตเตอรี่ด้วยแปรงลวดและส่วนผสมเบกกิ้งโซดา

      3. เคลือบขั้วสายไฟและเสาแบตเตอรี่ด้วยจาระบีแบบสกินโอเวอร์ Grafo 112X (หมายเลขชิ้นส่วน Toro 505-47) หรือปิโตรเลียมเจลลี่เพื่อป้องกันการสึกกร่อน

      4. ชาร์จแบตเตอรี่อย่างช้าๆ ทุกๆ 60 วันนาน 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เกิดตะกั่วซัลเฟต

    การเตรียมเครื่องยนต์

    1. ระบายน้ำมันเครื่องออกจากอ่างน้ำมันและปิดจุกระบาย

    2. ถอดตัวกรองน้ำมันทิ้งไป ติดตั้งตัวกรองน้ำมันชิ้นใหม่

    3. เติมน้ำมันมอเตอร์ที่กำหนดลงในเครื่องยนต์

    4. สตาร์ทเครื่องยนต์และให้เดินรอบเบาประมาณ 2 นาที

    5. ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

    6. ล้างถังเชื้อเพลิงด้วยน้ำมันใหม่และสะอาด

    7. ยึดข้อต่อระบบเชื้อเพลิงทั้งหมดให้แน่น

    8. ทำความสะอาดและซ่อมบำรุงระบบกรองอากาศอย่างละเอียด

    9. ผนึกช่องอากาศเข้าและช่องอากาศออกด้วยเทปทนฝนและแดด

    10. ตรวจสอบการป้องกันน้ำแข็งตัว และเติมส่วนผสมน้ำกับสารป้องกันน้ำแข็งตัวเอทิลีนไกลคอลในสัดส่วน 50/50 ตามที่จำเป็น โดยพิจารณาจากอุณหภูมิต่ำสุดที่คาดการณ์ในพื้นที่ของคุณ

    การจัดเก็บแบตเตอรี่

    หากคุณจัดเก็บอุปกรณ์ไว้นานกว่า 30 วัน ให้ถอดแบตเตอรี่ออกมาชาร์จให้เต็ม จัดเก็บบนชั้นวางหรือบนอุปกรณ์ แต่หากเก็บไว้ในอุปกรณ์ ให้ถอดสายไฟออก จัดเก็บแบตเตอรี่ในสถานที่เย็น เพื่อไม่ให้ประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่คลายเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เย็นจัด ให้ชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม ความถ่วงจำเพาะของแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มคือ 1.265 ถึง 1.299