ข้อมูลเบื้องต้น

อุปกรณ์นี้ผลิตมาเพื่อใช้งานโดยผู้ให้บริการมืออาชีพที่ต้องการนำไปใช้งานเชิงพาณิชย์ เหมาะสำหรับการทำงานในพื้นที่ขนาดใหญ่ในสนามที่ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีภายในสวนสาธารณะ สนามกอล์ฟ สนามกีฬา และพื้นที่เชิงพาณิชย์เป็นหลัก การใช้งานผลิตภัณฑ์นี้นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อาจเป็นอันตรายต่อคุณและคนรอบข้างได้

กรุณาอ่านเอกสารนี้อย่างละเอียดเพื่อศึกษาวิธีควบคุมและบำรุงรักษาผลิตภัณฑ์อย่างเหมาะสม และเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บและความเสียหายต่อผลิตภัณฑ์ คุณมีหน้าที่ใช้งานผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้องและปลอดภัย

โปรดเข้าไปที่เว็บไซต์ www.Toro.com เพื่อดูเอกสารความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และเอกสารฝึกอบรมการใช้งาน ข้อมูลอุปกรณ์เสริม ความช่วยเหลือเพื่อค้นหาตัวแทนจำหน่าย หรือลงทะเบียนผลิตภัณฑ์

หากคุณต้องการการซ่อมบำรุง อะไหล่แท้ของ Toro หรือข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อตัวแทนบริการที่ได้รับอนุญาตหรือฝ่ายบริการลูกค้าของ Toro และเตรียมหมายเลขรุ่นและหมายเลขซีเรียลของผลิตภัณฑ์ไว้ให้พร้อม รูป 1 และ รูป 2 หาตำแหน่งของหมายเลขรุ่นและหมายเลขซีเรียลบนผลิตภัณฑ์ จดบันทึกหมายเลขในช่องว่างที่กำหนดให้

Important: นอกจากนี้ คุณสามารถใช้มือถือสแกนรหัส QR บนป้ายหมายเลขซีเรียลได้ (ถ้ามี) เพื่อเข้าถึงข้อมูลการรับประกัน อะไหล่ และข้อมูลอื่นๆ ของผลิตภัณฑ์

g332912
g262224

คู่มือฉบับนี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และระบุข้อความความปลอดภัยที่แสดงด้วยสัญลักษณ์เตือนอันตราย (รูป 3) ซึ่งบ่งบอกอันตรายที่อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บร้ายแรงหรือเสียชีวิตหากคุณไม่ปฏิบัติตามข้อควรระวังที่แนะนำ

g000502

คู่มือฉบับนี้ใช้คำ 2 คำในการเน้นข้อมูล สำคัญ เพื่อให้คุณใส่ใจศึกษาข้อมูลพิเศษเกี่ยวกับกลไกและ หมายเหตุ เพื่อเน้นข้อมูลทั่วไปที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ

ผลิตภัณฑ์นี้ได้มาตรฐานตามคำสั่งยุโรปทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดดูเอกสารรับรองมาตรฐาน (DOC) เฉพาะของผลิตภัณฑ์แยกต่างหาก

คำเตือน

แคลิฟอร์เนีย

คำเตือนข้อเสนอ 65

การใช้ผลิตภัณฑ์นี้อาจทำให้ต้องสัมผัสกับสารเคมีที่รัฐแคลิฟอร์เนียทราบว่าเป็นสาเหตุการเกิดโรคมะเร็ง ความพิการแต่กำเนิด หรืออันตรายต่อระบบสืบพันธุ์อื่นๆ

ความปลอดภัย

ความปลอดภัยทั่วไป

ผลิตภัณฑ์นี้อาจตัดแขนและเท้า และทำให้วัตถุกระเด็นได้ ดังนั้น ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัยทั้งหมดอยู่เสมอเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บร้ายแรง

การใช้งานผลิตภัณฑ์นี้นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อาจเป็นอันตรายต่อคุณและคนรอบข้างได้

  • อ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาของคู่มือผู้ใช้ฉบับนี้ก่อนจะใช้งานอุปกรณ์

  • โปรดมีสมาธิขณะควบคุมเครื่องจักร อย่าทำกิจกรรมที่ทำให้เสียสมาธิ มิฉะนั้นอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บหรือเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินได้

  • อย่านำมือหรือเท้าเข้าใกล้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวของเครื่องจักร

  • ห้ามใช้งานอุปกรณ์ หากไม่ได้ติดตั้งแผงกั้นและอุปกรณ์นิรภัยอื่นๆ ทั้งหมดเข้าที่ หรือทำงานไม่ถูกต้องบนอุปกรณ์หรือแผงกั้นและอุปกรณ์นิรภัยทำงานผิดปกติ

  • ดูแลไม่ให้มีอะไรมาขวางกั้นช่องระบาย กันคนโดยรอบและสัตว์เลี้ยงออกห่างจากอุปกรณ์

  • กันคนโดยรอบและเด็กๆ ออกจากพื้นที่ทำงาน ห้ามเด็กควบคุมรถโดยเด็ดขาด

  • ดับเครื่องยนต์ของรถลากพ่วง ดึงกุญแจออก (ถ้าเสียบกุญแจอยู่) รอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง และรอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์

การใช้งานหรือบำรุงรักษาอย่างไม่ถูกต้องอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้ เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการบาดเจ็บ ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัยและสังเกตสัญลักษณ์เตือนอันตราย Graphic ได้แก่ ข้อควรระวัง คำเตือน หรืออันตราย ซึ่งเป็นคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยส่วนบุคคล การไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้อาจส่งผลให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้

สติกเกอร์ความปลอดภัยและคำแนะนำ

Graphic

ป้ายและคำแนะนำด้านความปลอดภัยมองเห็นได้ชัดเจน และติดอยู่ใกล้กับบริเวณที่มีโอกาสเกิดอันตราย เปลี่ยนป้ายที่เสียหายหรือหายไป

decal92-1581
decal92-1582
decal93-6696
decal106-8856
decal140-2269
decal110-4665
decal110-4666
decal110-4667
decal110-4677
decal110-4678
decal133-8061
decal138-9038
decal140-8750
decal110-4670

การตั้งค่า

การตรวจสภาพอุปกรณ์

การตรวจสอบข้อกำหนดของรถลากพ่วง

ProCore 864
g007332

ใช้รายการต่อไปนี้เป็นข้อมูลอ้างอิง:

  • ใช้ PTO 30 แรงม้าเป็นอย่างน้อยเมื่อต้องเจาะเติมอากาศในสภาพดินโปร่งจนถึงดินปกติทั่วไป (ดินทราย/ดินร่วนปนทรายที่มีการอัดแน่นในระดับปกติ)

  • ใช้ PTO 35 แรงม้าเป็นอย่างน้อยเมื่อเจาะเติมอากาศในสภาพดินปกติทั่วไปจนถึงดินแข็ง (ดินร่วนแข็ง ดินเหนียว และดินแข็งที่มีการอัดแน่นสูงกว่าระดับปกติ)

  • รถลากพ่วงต้องมีเหล็กต่อพ่วง 3 จุดประเภท I หรือ II และมีกำลังยกอย่างน้อย 714 กก. (1,575 ปอนด์)

  • รถลากพ่วงต้องมีความเร็วเพลาส่งกำลังของ PTO 540 รอบต่อนาที

  • ถ่วงน้ำหนักด้านหน้าและด้านท้าย (น้ำหนักถ่วง) อย่างเหมาะสมเพื่อชดเชยน้ำหนักของอุปกรณ์

  • ตรวจสอบแรงดันลมยางของรถลากพ่วง

    ปรับแรงดันลมยางตามความจำเป็น

    Important: อย่าเติมแรงดันลมยางสูงหรือต่ำกว่าคำแนะนำของผู้ผลิต

การตรวจสอบข้อกำหนดของรถลากพ่วง

ProCore 1298

ใช้รายการต่อไปนี้เป็นข้อมูลอ้างอิง:

  • ใช้ PTO 45 แรงม้าเป็นอย่างน้อยเมื่อต้องเจาะเติมอากาศในสภาพดินโปร่งจนถึงดินปกติทั่วไป (ดินทราย/ดินร่วนปนทรายที่มีการอัดแน่นในระดับปกติ)

  • ใช้ PTO 50 แรงม้าเป็นอย่างน้อยเมื่อเจาะเติมอากาศในสภาพดินปกติทั่วไปจนถึงดินแข็ง (ดินร่วนแข็ง ดินเหนียว และดินแข็งที่มีการอัดแน่นสูงกว่าระดับปกติ)

  • รถลากพ่วงต้องมีเหล็กต่อพ่วง 3 จุดประเภท I หรือ II และมีกำลังยกอย่างน้อย 1043 กก. (2,300 ปอนด์) implement.

  • รถลากพ่วงต้องมีความเร็วเพลาส่งกำลังของ PTO 540 รอบต่อนาที

  • ถ่วงน้ำหนักด้านหน้าและด้านท้าย (น้ำหนักถ่วง) อย่างเหมาะสมเพื่อชดเชยน้ำหนักของอุปกรณ์

  • ตรวจสอบแรงดันลมยางของรถลากพ่วง

    ปรับแรงดันลมยางตามความจำเป็น

    Important: อย่าเติมแรงดันลมยางสูงหรือต่ำกว่าคำแนะนำของผู้ผลิต

การตรวจสอบข้อกำหนดเกี่ยวกับการถ่วงน้ำหนัก

คำเตือน

การติดตั้งอุปกรณ์เข้ากับด้านท้ายของรถลากพ่วงจะทำให้น้ำหนักบนเพลาหน้าลดลง

หากไม่เพิ่มน้ำหนักถ่วงที่จำเป็น อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุและได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้

  • คุณอาจจะต้อ งเพิ่มน้ำหนักถ่วงที่ด้านหน้ารถล ากพ่วงเพื่อให้ควบคุมการบังคั บเลี้ยวได้อย่างเพีย งพอและรถมีความเสถียร

  • ดูข้อกำหนดเกี่ยวกับการถ่วงน้ำหนักจากคู่มือผู้ใช้ของรถลากพ่วง

การต่อแขนพ่วงตัวล่าง

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

หมุดสลัก2
  1. วางอุปกรณ์บนพื้นราบเพื่อเตรียมติดตั้ง

  2. ตรวจสอบให้แน่ใจว่า PTO ปลดอยู่

  3. ถอยรถลากพ่วงเข้าไปใกล้ๆ อุปกรณ์จนกระทั่งแขนพ่วงตัวล่างอยู่ในแนวเดียวกับสลักข้อต่อพ่วง

  4. เข้าเบรกจอด ดับเครื่องยนต์ และดึงกุญแจออกจากสวิตช์สตาร์ท รอให้เครื่องยนต์และชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่งก่อนจะลุกออกจากที่นั่งคนขับ

    Note: หากต้องการให้อุปกรณ์อยู่ห่างจากพื้นมากที่สุด สอดสลักข้อต่อพ่วงลงในรูล่างบนแผ่นเพลทข้อต่อพ่วงของอุปกรณ์ (รูป 5) หากต้องการทราบว่าควรใช้รูบนในสถานการณ์ใดบ้าง โปรดดูขั้นตอนการตั้งค่า การต่อเพลาขับ PTO

    g028741
  5. สอดแขนพ่วงตัวล่างด้านซ้ายและด้านขวาลงในสลักข้อต่อพ่วง (รูป 6)

    g007292
  6. ยึดแขนพ่วงตัวล่างเข้ากับสลักข้อต่อพ่วงโดยใช้หมุดสลัก (รูป 6)

การต่อแขนพ่วงตัวบน

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

หมุดแขนพ่วง1
หมุดสลัก1

Note: เพื่อคุณภาพสูงสุดในการเติมอากาศ จัดตำแหน่งส่วนหน้าของอุปกรณ์ให้ตั้งตรงในระหว่างใช้งาน (รูป 7) ปรับแขนพ่วงตัวบนเพื่อกำหนดมุมนี้ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมใน เคล็ดลับการปฏิบัติงาน

g007293
  1. ต่อแขนพ่วงตัวบนเข้ากับรูล่างบนโครงยึด จากนั้นใช้หมุดแขนพ่วงและหมุดสลักยึดไว้ให้แน่นหนา (รูป 8)

    g007294
  2. หยอดจาระบีบนท่อเกลียวของแขนพ่วงตัวบนที่ทำจากเหล็กกล้า

  3. หมุนแขนพ่วงตัวบนเพื่อขันแขนพ่วงให้แน่น ปรับจนกระทั่งโครงด้านหน้าจองอุปกรณ์ตั้งตรง (รูป 8)

  4. ขันน็อตล็อกเพื่อยึดแขนพ่วงตัวบนให้เข้าที่

การต่อเพลาขับ PTO

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

สลักเกลียว (1/2 x 3 นิ้ว)1
น็อต (1/2 นิ้ว)1
เพลาขับสั้น, หมายเลขชิ้นส่วน 115-2839 (อาจจำเป็นต้องใช้, จำหน่ายแยก)

การหาความยาวของแขนเต้นและเพลาขับ PTO

Important: โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานและความปลอดภัยในคู่มือผู้ใช้ของเพลาขับ PTO

  1. ใช้ไม้บรรทัดวางทราบระหว่างส่วนปลายสุดของแขนเต้น เพื่อหาระยะห่างระหว่างแขนเต้นทั้งคู่ และปลายของเพลาส่งกำลัง PTO (รูป 9)

    g028690
  2. วัดระยะห่างระหว่างปลายของเพลาส่งกำลัง PTO กับจุดต่อพ่วงของแขนเต้นท่อนล่าง (รูป 9) บันทึกระยะห่างที่วัดได้ไว้ตรงนี้:

    Important: หากต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับการวัดและหากต้องการสั่งซื้อชุดเพลาขับ PTO ที่สั้นลง โปรดติดต่อตัวแทนจำหน่ายของ Toro ที่ได้รับอนุญาต

  3. ประเมินว่าคุณต้องใช้เพลาขับ PTO ที่มีความยาวตามมาตรฐาน หรือเพลาขับ PTO แบบสั้น โดยพิจารณาจากตำแหน่งของเพลาส่งกำลัง PTO บนรถลากพ่วง เทียบกับตำแหน่งของแขนเต้นท่อนล่าง ระยะห่างนี้จะเรียกว่าขนาด “M”

    • เพลาขับ PTO มาตรฐานที่ให้มาพร้อมกับอุปกรณ์มีขนาดพอดีกับขนาด “M” ของรถลากพ่วง ซึ่งมีขนาด 48.89 ซม. (19.25 นิ้ว)

    • แต่หากขนาด “M” เล็กกว่านี้ เรามีชุดเพลาขับ PTO แบบสั้น ซึ่งจะพอดีกับขนาด “M” ของรถลากพ่วงที่มีขนาด 39.37 ซม. (15.50 นิ้ว) โปรดดูแคตาล็อกชิ้นส่วนของอุปกรณ์

      Important: หากจำเป็น สามารถติดตั้งเพลาขับแบบสั้น หมายเลขชิ้นส่วน 115-2839 (จำหน่ายแยก) แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่จำเป็นต้องใช้เพลาขับแบบสั้นแต่อย่างใด

  4. หากรถลากพ่วงของคุณติดตั้งแขนเต้นแบบปรับได้ ให้ปรับความยาวของแขนเต้นจนกระทั่งได้ขนาด “M” ดังต่อไปนี้:

    โปรดดูคู่มือผู้ใช้ของรถลากพ่วง

    • 48.89 ซม. (19.25 นิ้ว) หรือยาวกว่านี้สำหรับเพลา PTO มาตรฐาน

    • 39.37 ซม. (15.50 นิ้ว) หรือยาวกว่านี้สำหรับเพลา PTO แบบสั้น

การติดตั้งเพลาขับ PTO

ข้อควรระวัง

การใช้งานอุปกรณ์โดยไม่ติดตั้งแผงกั้นหรือแผงป้องกัน PTO อาจทำให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้

  • ติดตั้งแผงกั้นหรือแผงป้องกัน PTO ทั้งหมดใหัเข้าที่

  • สำหรับรุ่น CE ให้ต่อสายโซ่จากแผงกั้นเพลาขับ PTO มายังแขนพ่วง

  1. สำหรับรุ่น ProCore 864 เท่านั้น ถอดแผงกั้น PTO ด้านล่างออก (รูป 10)

    g007295
  2. ประกอบเพลาขับ PTO เข้ากับเพลารับกำลังของกระปุกเกียร์บนอุปกรณ์ (รูป 11) ด้วยสลักเกลียว (1/2 x 3.00 นิ้ว) และน็อต (1/2 นิ้ว) อย่างละหนึ่งตัว

    g007296
  3. ประกอบเพลาขับ PTO เข้ากับเพลาส่งกำลัง PTO ของรถลากพ่วง

    g007328
  4. เลื่อนเพลาขับ PTO ไปข้างหน้าเท่าที่ทำได้บนเพลาส่งกำลัง PTO

  5. ดึงคอล็อกของข้อต่อเพลา PTO มาข้างหลังเพื่อยึดเพลาขับ PTO ให้แน่น จากนั้นลองเลื่อนเพลาขับ PTO ไปข้างหน้าและข้างหลังเพื่อให้แน่ใจว่าล็อกแน่นหนาดีแล้ว

  6. สำหรับรุ่น CE เท่านั้น ต่อสายโซ่นิรภัยจากแผงกั้นเพลาขับเข้ากับคลิปที่เชื่อมอยู่บนแขนพ่วง ตรวจสอบว่าสายโซ่ยังคงหย่อนระหว่างยกอุปกรณ์ขึ้นหรือลง

  7. สำหรับรุ่น ProCore 864 ติดตั้งแผงกั้น PTO ด้านล่างเข้ากับอุปกรณ์

  8. ตรวจสอบว่าท่อยืดหดได้มีระยะเหลื่อมอย่างน้อย 76 มม. (3 นิ้ว)

    หากต้องการเช็คระยะเหลื่อม ให้วัดระยะห่างระหว่างแผงกั้นส่วนปลาย ดังแสดงใน รูป 13 โดยระยะห่างจะต้องไม่เกิน 406 มม. (16 นิ้ว) หากเกินกว่านี้ ให้ย้ายหมุดยกด้านล่างขึ้นไปยังรูชุดบน แล้วค่อยใช้งานอุปกรณ์ต่อไป

    g007297

การปรับแขนกันโคลง

  • ProCore 864 ออกแบบมาให้ติดตั้งเยื้องจากแนวกึ่งกลางของรถลากพ่วง เพลารับกำลังของกระปุกเกียร์จะเยื้องไปทางด้านซ้ายของแนวกึ่งกลาง 40 มม. (1.57 นิ้ว) ส่วนอุปกรณ์จะเยื้องไปทางด้านขวาของแนวกึ่งกลาง 145 มม. (5.70 นิ้ว) ปรับแขนกันโคลงตามความจำเป็น

  • ProCore 1298 ออกแบบมาให้อยู่กลางแนวกึ่งกลางของรถลากพ่วง ปรับแขนกันโคลงตามความจำเป็น

ปรับแขนกันโคลงบนแขนลากตัวล่างของเหล็กต่อพ่วง 3 จุด เพื่อจำกัดระยะการโคลงไปทางด้านข้างให้ไม่เกิน 25 มม. (1 นิ้ว) ที่แต่ละด้าน (รูป 14)

g007333

ปรับแขนพ่วงตัวล่างบนอุปกรณ์จนกระทั่งแขนพ่วงสัมผัสกับแผ่นเพลทยึดของอุปกรณ์ วิธีนี้ช่วยลดความเค้นบนสลัก หากรถลากพ่วงใช้สายโซ่กันโคลงแทนแขนกันโคลง แนะนำให้ติดตั้งแหวนไว้ระหว่างแขนพ่วงตัวล่างกับหมุดสลัก เพื่อลดโหลดเกินบนหมุดยก

Note: โปรดดูขั้นตอนการติดตั้งและการปรับเพิ่มเติมในคู่มือผู้ใช้

การปรับระนาบอุปกรณ์

  1. จอดรถลากพ่วงและอุปกรณ์บนพื้นราบและมั่นคง

  2. วางเครื่องมือวัดระนาบบนโครงอุปกรณ์เพื่อตรวจสอบแนวระนาบของอุปกรณ์ (รูป 15)

    g007329
  3. หมุนลูกหมากแบบปรับได้ (ถ้าให้มาด้วย) เพื่อยกแขนพ่วงขึ้นหรือลงจนกระทั่งอุปกรณ์อยู่ในระนาบ

    Note: โปรดดูขั้นตอนการปรับเพิ่มเติมในคู่มือผู้ใช้

การปรับตัวปาดลูกกลิ้ง

ปรับตัวปาดลูกกลิ้งให้ตัวปาดกับลูกกลิ้งห่างกันประมาณ 1 ถึง 2 มม. (0.06 ถึง 0.09 นิ้ว)

  1. คลายสลักที่ยึดปลายตัวปาดแต่ละด้านเข้ากับหูตัวปาดลูกกลิ้ง (รูป 16)

    g007330
  2. เลื่อนตัวปาดลูกกลิ้งเข้าออกจนกระทั่่งได้ตำแหน่งที่ต้องการ จากนั้นขันสลักให้แน่นหนา

  3. สำหรับรุ่น ProCore 864 เท่านั้น คุณสามารถปรับสลักเกลียวหยุดบนส่วนรองรับที่อยู่ตรงกลางเพื่อรักษาระยะห่างที่เหมาะสมเอาไว้

การติดตั้งหัวเดือยและเดือยเจาะ

เดือยเจาะและหัวเดือยสำหรับใช้งานกับอุปกรณ์นั้นมีให้เลือกมากมาย การเลือกประเภท ขนาด และระยะห่างเดือยเจาะควรคำนึงถึงการใช้งานเป็นสำคัญ นอกจากนี้ยังควรติดตั้งหัวเดือยและเดือยเจาะตามคำแนะนำในการติดตั้งที่ให้มาพร้อมกับชุดเดือยเจาะ โปรดดูตารางรูปแบบเดือยเจาะสำหรับ ProCore 864 และตารางรูปแบบเดือยเจาะสำหรับ ProCore 1298 ใน อุปกรณ์ต่อพ่วง/อุปกรณ์เสริม

Important: อย่าใช้งานอุปกรณ์ที่ไม่ได้ติดตั้งหัวเดือย เพราะแขนอาจเคลื่อนที่มากเกินไปและทำให้โครงอุปกรณ์เสียหายได้

การติดตั้งแผงป้องกันสนาม

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

แผงป้องกันสนาม (ไม่มีให้)

แผงป้องกันสำหรับใช้งานอุปกรณ์มีให้เลือกมากมาย ควรเลือกแผงป้องกันสนามให้เหมาะกับหัวเดือยที่เลือกใช้งาน

  1. คลายน็อตที่ยึดตัวหนีบแผงป้องกันสนามเข้ากับแถบยึดแผงป้องกันสนาม (รูป 17)

    g007331
  2. เลื่อนแผงป้องกันสนามที่เหมาะสมเข้าไปใต้ตัวหนีบแผงป้องกันสนาม

  3. ปรับแผงป้องกันสนามจากซ้ายไปขวาเพื่อให้แต่ละร่องอยู่ห่างจากเดือยเจาะเป็นระยะเท่าๆ กัน

  4. ขันน็อตให้แน่นเพื่อยึดแผงป้องกันสนาม

  5. ติดตั้งแผงป้องกันสนามที่เหลือ แล้วยึดตัวหนีบแผงป้องกันสนาม

    Important: จากด้านหลังของอุปกรณ์ ตรวจสอบว่าเดือยเจาะเรียงตัวอยู่กลางช่องว่างภายในแผงป้องกันสนาม

การติดตั้งสลักฝากระโปรง (CE เท่านั้น)

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

ชุดมาตรฐาน CE, หมายเลขชิ้นส่วน 110-4693 (ไม่มีมาให)1

Note: ต้องใช้ชุดมาตรฐาน CE หมายเลขชิ้นส่วน 110-4693 ในขั้นตอนนี้

  1. สำหรับรุ่น ProCore 864 ให้ใช้สลักเกลียวปล่อย (รวมทั้งหมด 4 ตัว) ติดตั้งโครงยึดล็อกเหนือสลักฝากระโปรงด้านท้ายบนและล่างด้านท้ายทั้งซ้ายมือและขวามือ โปรดดู รูป 18

    g007299
  2. สำหรับรุ่น ProCore 1298 ติดตั้งโครงยึดล็อกเหนือสลักฝากระโปรงล่างที่ด้านท้ายทุกตัว รวมทั้งสลักฝากระโปรงบนด้านนอกที่อยู่บนฝาครอบด้านท้ายทั้งซ้ายและขวาโดยใช้สลักเกลียวปล่อย (3 ตัวต่อหัวเจาะ รวมทั้งหมด 6 ตัว) โปรดดู รูป 18

  3. ใช้คีมหรือประแจแบบปรับได้ขันแหวนจักรในลงบนสลักเกลียวแต่ละอัน (1 หรือ 2 เกลียว) เพื่อยึดสลักไว้ (รูป 18)

การติดสติกเกอร์เตือนอันตรายจากการเกี่ยวพัน

เครื่องตัดหญ้ามาตรฐาน CE

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

สติกเกอร์เตือนอันตรายจากการเกี่ยวพันตามมาตรฐาน CE4

Important: ขั้นตอนนี้จำเป็นสำหรับทุกประเทศที่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน CE รวมถึงสถานที่ต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษกันทั่วไป

  1. หมุนแผงกั้นเพลาเพื่อเข้าถึงสติกเกอร์เตือนอันตรายจากการเกี่ยวพันที่มีอยู่เดิม (รูป 19)

    g273731
  2. ทำความสะอาดสติกเกอร์เตือนอันตรายจากการเกี่ยวพันที่มีอยู่เดิมและบริเวณรอบๆ สติกเกอร์

  3. แกะแผ่นรองออกจากสติกเกอร์เตือนอันตรายจากการเกี่ยวพัน

  4. ติดสติกเกอร์เตือนอันตรายจากการเกี่ยวพันทับสติกเกอร์เตือนอันตรายจากการเกี่ยวพันของเดิม (รูป 19)

การถอดขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์

ชิ้นส่วนที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนนี้:

หมุดสลัก (ProCore 864)4

การถอดขาตั้ง

ProCore 864

Important: ใช้ขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์ทุกครั้งที่ถอดอุปกรณ์ออกจากรถลากพ่วง

  1. สตาร์ทรถลากพ่วง ยกอุปกรณ์ขึ้นเหนือพื้น 7.6 ถึง 15.2 ซม. (3 ถึง 6 นิ้ว) ดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

  2. ถอดหมุดสลัก 2 ตัวที่ทำหน้าที่ยึดขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์เข้ากับโครงยึดขาตั้งบนโครงเหล็กต่อพ่วงของอุปกรณ์ (รูป 20)

    g333377
  3. ถอดขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์

  4. ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2 และ 3 ที่อีกด้านหนึ่งของอุปกรณ์

  5. สอดหมุดสลัก (อยู่ในชุดอะไหล่) เข้ากับหมุดของขาตั้งสำหรับจัดเก็บ (รูป 20)

ถอดขาตั้ง

ProCore 1298

Important: ใช้ขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์ทุกครั้งที่ถอดอุปกรณ์ออกจากรถลากพ่วง

Note: ขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์หนักประมาณ 85 กก. (187 ปอนด์)

  1. สตาร์ทรถลากพ่วง ยกอุปกรณ์ขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อย จากนั้นดับเครื่องยนต์และดึงกุญแจออก

  2. ถอดปิ๊นตัวอาร์ 2 ตัวที่ยึดหมุดขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์ 2 ตัวเข้ากับขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์ (รูป 21)

    g333400
  3. ถอดหมุดขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์ 2 ตัวออก (รูป 21)

  4. สตาร์ทรถลากพ่วงและใช้รถยกอุปกรณ์ขึ้นจากขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์

ภาพรวมผลิตภัณฑ์

ตัวปรับความลึก

หมุนเพลารับกำลังของตัวปรับความลึกตามทิศทางของเข็มนาฬิกาเพื่อลดความลึกในการเจาะเติมอากาศ หรือหมุนทวนทิศทางของเข็มนาฬิกาเพื่อเพิ่มความลึกในการเจาะเติมอากาศ (รูป 22)

g007304

Note: การหมุนตัวปรับความลึก 17 รอบจะทำให้ความลึกเปลี่ยนไปประมาณ 6.4 มม. (1/4 นิ้ว)

Note: ข้อมูลจำเพาะและการออกแบบอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ

เครื่องเติมอากาศ ProCore 864

ความกว้างใช้งาน163 ซม. (64 นิ้ว)
ความกว้างโดยรวม170 ซม. (67 นิ้ว)
ความยาวโดยรวม89 ซม. (35 นิ้ว)
ความสูงโดยรวม98 ซม. (38.5 นิ้ว)
น้ำหนัก714 กก. (1,575 ปอนด์)

เครื่องเติมอากาศ ProCore 1298

ความกว้างใช้งาน249 ซม. (98 นิ้ว)
ความกว้างโดยรวม257 ซม. (101 นิ้ว)
ความยาวโดยรวม89 ซม. (35 นิ้ว)
ความสูงโดยรวม98 ซม. (38.5 นิ้ว)
น้ำหนัก1043 กก. (2,300 ปอนด์)

อุปกรณ์ต่อพ่วง/อุปกรณ์เสริม

เราจัดจำหน่ายอุปกรณ์ต่อพ่วงและอุปกรณ์เสริมที่ Toro รับรองมากมายสำหรับใช้กับอุปกรณ์ เพื่อเสริมประสิทธิภาพและขยายความสามารถ โปรดติดต่อตัวแทนบริการหรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต หรือเข้าไปที่ www.Toro.com เพื่อดูรายการอุปกรณ์ต่อพ่วงและอุปกรณ์เสริมที่รับรองทั้งหมด

เพื่อสมรรถนะสูงสุดและความปลอดภัยในการใช้งานอย่างต่อเนื่อง โปรดใช้เฉพาะอะไหล่ทดแทนและอุปกรณ์เสริมของแท้จาก Toro อะไหล่ทดแทนและอุปกรณ์เสริมที่ผลิตโดยผู้ผลิตรายอื่นอาจเป็นอันตราย และการใช้งานดังกล่าวอาจทำให้การรับประกันผลิตภัณฑ์เป็นโมฆะ

ตารางรูปแบบเดือยเจาะสำหรับ ProCore 864 1 จาก 3

รายละเอียดชุดเดือยเดือยเจาะกลมเดือยเจาะสี่เหลี่ยม (2x5)เดือยเจาะสี่เหลี่ยม (1x6)
หมายเลขรุ่น097390973609737
จำนวนชุด444
เดือยเจาะที่ต้องใช้408048
ระยะห่างด้านข้าง40 มม. (1.6 นิ้ว)40 มม. (1.6 นิ้ว)33 มม. (1.3 นิ้ว)
เมาท์5 มม. และ 8 มม.เส้นผ่านศูนย์กลาง 10 มม. (3/8 นิ้ว)เส้นผ่านศูนย์กลาง 10 มม. (3/8 นิ้ว)
หมายเลขชิ้นส่วนของแผงป้องกันสนาม 120-1047120-1061120-1062120-1047120-1061120-1062120-1050120-1063120-1064
จำนวนที่ต้องใช้211211211
ตัวเลือกเดือยเจาะเดือยเจาะกลม 5 มม. และ 8 มม. Titan และ Titan Quad, Titan และ Titan Max Cross, Titan Solid RoundTitan และ Titan Quad, Titan และ Titan Max Cross, Titan Solid Round
 

ตารางรูปแบบเดือยเจาะสำหรับ ProCore 864 2 จาก 3

รายละเอียดชุดเดือย3 เดือยเจาะ4 เดือยเจาะ3 เดือยเจาะ HD
หมายเลขรุ่น097940979609797
จำนวนชุด444
เดือยเจาะที่ต้องใช้243224
ระยะห่างด้านข้าง66 มม. (2.6 นิ้ว)51 มม. (2.0 นิ้ว)66 มม. (2.6 นิ้ว)
เมาท์เส้นผ่านศูนย์กลาง 19 มม. (3/4 นิ้ว)เส้นผ่านศูนย์กลาง 19 มม. (3/4 นิ้ว)เส้นผ่านศูนย์กลาง 22 มม. (7/8 นิ้ว)
 
หมายเลขชิ้นส่วนของแผงป้องกันสนาม 120-1044120-1057120-1058120-1045120-1059120-1060120-1044120-1057120-1058
จำนวนที่ต้องใช้211211211
 
ตัวเลือกเดือยเจาะTitan Hollow และ Max Hollow, Titan Side Eject และ Max Side EjectTitan Hollow และ Max Hollow, Titan Side Eject และ Max Side EjectTitan Hollow และ Max Hollow, Titan Side Eject และ Max Side Eject
 Titan Cross และ Max Cross*, Titan Slicing, Titan Fairway และ HD Fairway Titan Split, Titan Solid RoundTitan Cross และ Max Cross*, Titan Slicing, Titan Fairway และ HD Fairway Titan Split, Titan Solid RoundTitan Cross และ Max Cross*, Titan Slicing, Titan Fairway และ HD Fairway Titan Split, Titan Solid Round

ตารางรูปแบบเดือยเจาะสำหรับ ProCore 864 3 จาก 3

รายละเอียดชุดเดือยQuick Change (3 เดือยเจาะ)Quick Change (4 เดือยเจาะ)
หมายเลขรุ่น0971109719
จำนวนชุด44
เดือยเจาะที่ต้องใช้2432
ระยะห่างด้านข้าง66 มม. (2.6 นิ้ว)51 มม. (2.0 นิ้ว)
เมาท์ไม่เกี่ยวข้องไม่เกี่ยวข้อง
 
รายละเอียดปลอก19 มม. (3/4 นิ้ว)122 มม. (7/8 นิ้ว)19 มม. (3/4 นิ้ว)22 มม. (7/8 นิ้ว)
หมายเลขชิ้นส่วน108-6837108-6838108-6837108-6838
จำนวนที่ต้องใช้24243232
 
หมายเลขชิ้นส่วนของชุดเครื่องมือ (ต้องใช้ 1 ชุด)114-0890-01114-0890-01
  
หมายเลขชิ้นส่วนของแผงป้องกันสนาม120-1044120-1057120-1058120-1045120-1059120-1060
จำนวนที่ต้องใช้211211
 
ตัวเลือกเดือยเจาะTitan Hollow และ Max Hollow, Titan Side Eject และ Max Side EjectTitan Hollow และ Max Hollow, Titan Side Eject และ Max Side Eject
 Titan Cross และ Max Cross*, Titan Slicing, Titan Fairway และ HD Fairway Titan Split, Titan Solid RoundTitan Cross และ Max Cross*, Titan Slicing, Titan Fairway และ HD Fairway Titan Split, Titan Solid Round

ตารางรูปแบบเดือยเจาะสำหรับ ProCore 1298 1 จาก 2

รายละเอียดชุดเดือยเดือยเจาะกลมเดือยเจาะสี่เหลี่ยม (2x5)เดือยเจาะสี่เหลี่ยม (1x6)3 เดือยเจาะ
หมายเลขรุ่น09739097360973709794
จำนวนชุด6666
เดือยเจาะที่ต้องใช้601207236
ระยะห่างด้านข้าง40 มม. (1.6 นิ้ว)40 มม. (1.6 นิ้ว)33 มม. (1.3 นิ้ว)66 มม. (2.6 นิ้ว)
เมาท์5 มม. และ 8 มม.เส้นผ่านศูนย์กลาง 10 มม. (3/8 นิ้ว)เส้นผ่านศูนย์กลาง 10 มม. (3/8 นิ้ว)เส้นผ่านศูนย์กลาง 19 มม. (3/4 นิ้ว)
 
หมายเลขชิ้นส่วนของแผงป้องกันสนาม 120-1047120-1052120-1047120-1052120-1050120-1053120-1044120-1051
จำนวนที่ต้องใช้42424242
 
ตัวเลือกเดือยเจาะเดือยเจาะกลม 5 มม. และ 8 มม. Titan และ Titan Quad, Titan และ Titan Max Cross, Titan Solid RoundTitan และ Titan Quad, Titan และ Titan Max Cross, Titan Solid RoundTitan Hollow และ Max Hollow, Titan Side Eject และ Max Side Eject
       Titan Cross และ Max Cross*, Titan Slicing, Titan Fairway และ HD Fairway Titan Split, Titan Solid Round

ตารางรูปแบบเดือยเจาะสำหรับ ProCore 1298 2 จาก 2

รายละเอียดชุดเดือย4 เดือยเจาะ3 เดือยเจาะ HDQuick Change (3 เดือยเจาะ)Quick Change (4 เดือยเจาะ)
หมายเลขรุ่น09796097970971109719
จำนวนชุด6666
เดือยเจาะที่ต้องใช้48363648
ระยะห่างด้านข้าง51 มม. (2.0 นิ้ว)66 มม. (2.6 นิ้ว)66 มม. (2.6 นิ้ว)51 มม. (2.0 นิ้ว)
เมาท์เส้นผ่านศูนย์กลาง 19 มม. (3/4 นิ้ว)เส้นผ่านศูนย์กลาง 22 มม. (7/8 นิ้ว)ไม่เกี่ยวข้องไม่เกี่ยวข้อง
 
รายละเอียดปลอกไม่เกี่ยวข้องไม่เกี่ยวข้อง19 มม. (3/4 นิ้ว)22 มม. (7/8 นิ้ว)19 มม. (3/4 นิ้ว)22 มม. (7/8 นิ้ว)
หมายเลขชิ้นส่วน108-6837108-6838108-6837108-6838
จำนวนที่ต้องใช้36364848
 
หมายเลขชิ้นส่วนของชุดเครื่องมือ (ต้องใช้ 1 ชุด)ไม่เกี่ยวข้องไม่เกี่ยวข้อง114-0890-01114-0890-01
 
หมายเลขชิ้นส่วนของแผงป้องกันสนาม120-1045120-1046120-1044120-1051120-1044120-1051120-1045120-1046
จำนวน (ที่ต้องใช้)42424242
 
ตัวเลือกเดือยเจาะTitan Hollow และ Max Hollow, Titan Side Eject และ Max Side EjectTitan Hollow และ Max Hollow, Titan Side Eject และ Max Side EjectTitan Hollow และ Max Hollow, Titan Side Eject และ Max Side EjectTitan Hollow และ Max Hollow, Titan Side Eject และ Max Side Eject
 Titan Cross และ Max Cross*, Titan Slicing, Titan Fairway และ HD Fairway Titan Split, Titan Solid RoundTitan Cross และ Max Cross*, Titan Slicing, Titan Fairway และ HD Fairway Titan Split, Titan Solid RoundTitan Cross และ Max Cross*, Titan Slicing, Titan Fairway และ HD Fairway Titan Split, Titan Solid RoundTitan Cross และ Max Cross*, Titan Slicing, Titan Fairway และ HD Fairway Titan Split, Titan Solid Round

การปฏิบัติงาน

Note: ดูด้านซ้ายและขวาของอุปกรณ์จากตำแหน่งปกติในการควบคุมอุปกรณ์

ก่อนการปฏิบัติงาน

ความปลอดภัยก่อนการใช้งาน

ความปลอดภัยทั่วไป

  • ห้ามมิให้เด็กหรือผู้ที่ไม่ผ่านการฝึกอบรมใช้งานหรือซ่อมบำรุงอุปกรณ์โดยเด็ดขาด กฎหมายท้องถิ่นอาจจำกัดอายุของผู้ขับขี่ เจ้าของเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการฝึกอบรมให้กับผู้ควบคุมและช่างซ่อมบำรุง

  • ทำความคุ้นเคยกับการใช้งานอุปกรณ์อย่างปลอดภัย ระบบควบคุมของผู้ขับขี่ และป้ายความปลอดภัย

  • ดับเครื่องยนต์ของรถลากพ่วง ดึงกุญแจออก รอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง และรอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนทำการปรับ ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด หรือจัดเก็บอุปกรณ์

  • เรียนรู้วิธีหยุดและดับเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว

  • ห้ามใช้งานอุปกรณ์ หากไม่ได้ติดตั้งแผงกั้นและอุปกรณ์นิรภัยอื่นๆ ทั้งหมดเข้าที่ หรือทำงานไม่ถูกต้องบนอุปกรณ์ห้ามใช้งานอุปกรณ์ หากไม่ได้ติดตั้งแผงกั้นและอุปกรณ์นิรภัยอื่นๆ ทั้งหมดเข้าที่ หรือแผงกั้นและอุปกรณ์นิรภัยทำงานผิดปกติ

  • ก่อนการใช้งาน ควรตรวจสอบอุปกรณ์ทุกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเดือยเจาะอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และเปลี่ยนเดือยเจาะที่สึกหรอหรือชำรุด

  • ตรวจสอบบริเวณที่คุณจะใช้อุปกรณ์ และเคลื่อนย้ายวัตถุทั้งหมดที่อุปกรณ์อาจชนได้

  • มองหาและทำเครื่องหมายตำแหน่งของสายไฟและสายเคเบิลของระบบสื่อสารทั้งหมด วัสดุอุปกรณ์ระบบจ่ายน้ำ และสิ่งกีดขวางอื่นๆ ในบริเวณที่จะเติมอากาศ นำสิ่งที่อาจเป็นอันตรายออก ถ้าทำได้ หรือวางแผนวิธีหลีกเลี่ยง

  • ตรวจสอบว่ารถลากพ่วงเหมาะสำหรับใช้งานกับอุปกรณ์ที่มีน้ำหนักเท่านี้ โดยสอบถามข้อมูลจากผู้จัดจำหน่ายหรือผู้ผลิตรถลากพ่วง

การควบคุมรถลากพ่วง Outcross

โปรดดูข้อมูลเกี่ยวกับการควบคุมและการใช้งาน รวมถึงข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการตั้งค่าอุปกรณ์จากคู่มือผู้ใช้ของรถลากพ่วง Outcross

การปรับความลึกในการเจาะเติมอากาศ

Important: จอดรถลากพ่วง เข้าเบรกจอด ปลดเกียร์ PTO และดับเครื่องยนต์รถลากพ่วงก่อนปรับความลึกในการเจาะเติมอากาศเสมอ

  1. วางเดือยเจาะที่จะใช้ลงบนสติกเกอร์บอกระดับความลึก โดยให้ปลายเดือยเจาะตรงกับระดับความลึกในการเติมอากาศที่ต้องการ ดังแสดงใน รูป 23

    decal106-8856
  2. ตรวจสอบตัวอักษรที่ตรงกับโคนของเดือยเจาะ (รูป 23) จากนั้นปรับส่วนควบคุมความลึกให้เป็นตัวอักษรนั้นบนสติกเกอร์

  3. สอดประแจหัวบ็อกซ์ขนาด 9/16 นิ้วลงบนเพลารับกำลังของตัวปรับความลึก (รูป 24)

    g007304
  4. ดันหัวบ็อกซ์หรือใช้มือกดลงบนเพลทล็อก

  5. หมุนตัวปรับความลึกตามทิศทางของเข็มนาฬิกาเพื่อลดความลึกในการเจาะเติมอากาศ หรือหมุนทวนทิศทางของเข็มนาฬิกาเพื่อเพิ่มความลึกในการเจาะเติมอากาศ (รูป 24)

  6. หมุนเพลารับกำลังของตัวปรับความลึกจนกระทั่งได้ความลึกที่ต้องการตามที่แสดงบนสติกเกอร์แสดงระดับความลึก (รูป 24)

    Note: การหมุนเพลารับกำลังของตัวปรับความลึก 17 รอบจะทำให้ความลึกเปลี่ยนไปประมาณ 6.  มม. (1/4 นิ้ว)

ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการควบคุมรถลากพ่วง

ทำความคุ้นเคยกับระบบควบคุมรถลากพ่วงดังต่อไปนี้ก่อนใช้งานอุปกรณ์:

  • การใช้งาน PTO

  • เหล็กต่อพ่วงแบบ 3 จุด (ยกขึ้น/ยกลง)

  • คลัตช์

  • คันโยกลิ้นเร่ง

  • คันเกียร์

  • เบรกมือ

    Important: ดูคำแนะนำการใช้งานในคู่มือผู้ใช้ของรถลากพ่วง

ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหลักการทำงาน

เหล็กต่อพ่วงแบบ 3 จุดของรถลากพ่วงจะยกอุปกรณ์ขึ้นขณะเคลื่อนย้าย และลดระดับอุปกรณ์ลงมาขณะใช้งาน

กำลังจากเกียร์ฝาก (PTO) ของรถลากพ่วงจะส่งผ่านเพลาขับ กระปุกเกียร์ และสายพานขับไปยังชุดเพลาข้อเหวี่ยง ที่จะขับแขนยึดเดือยเจาะลงไปในพื้นผิวสนาม

เมื่อรถลากพ่วงเคลื่อนที่เดินหน้า พร้อมทั้งใช้งานเกียร์ PTO และลดระดับอุปกรณ์ลงมา ก็จะเป็นการสร้างหลุมเจาะขึ้นในสนาม

ความลึกในการเจาะของเดือยขึ้นอยู่กับความสูงของส่วนควบคุมความลึก

ระยะห่างระหว่างหลุมเติมอากาศขึ้นอยู่กับอัตราเกียร์ (หรือตำแหน่งของแป้นขับเคลื่อนไฮดรอสเตติก) ของรถขับเคลื่อน และจำนวนเดือยเจาะบนหัวเดือย

Note: การเปลี่ยนความเร็วเครื่องยนต์จะไม่ส่งผลต่อระยะห่างระหว่างหลุมเจาะ

การฝึกฝนขั้นตอนการใช้งาน

Important: เมื่อใช้งาน PTO ไม่ควรยกอุปกรณ์สูงเกินความจำเป็น เพราะการยกอุปกรณ์สูงเกินไปอาจทำให้ข้อต่อเพลาขับ PTO หักได้ (รูป 25) PTO ทำมุมได้สูงสุด 25° แต่ไม่ควรเกิน 35° เมื่ออุปกรณ์อยู่ในตำแหน่งสูงสุด มิเช่นนั้นเพลาอาจเสียหายอย่างรุนแรง

g194609

ก่อนใช้อุปกรณ์ หาบริเวณโล่งๆ ฝึกใช้งานรถลากพ่วงที่ติดตั้งอุปกรณ์

Important: หากบริเวณที่จะเจาะเติมอากาศมีหัวสปริงเกลอร์ สายไฟฟ้าหรือสายสัญญาณสื่อสาร หรืออุปสรรคอย่างอื่นอยู่ ทำเครื่องหมายบริเวณดังกล่าวเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งเหล่านี้ได้รับความเสียหายระหว่างใช้งานอุปกรณ์

  • ขับรถลากพ่วงโดยใช้การตั้งค่าเกียร์และความเร็วขับ PTO ที่แนะนำ รวมทั้งทำความคุ้นเคยกับการควบคุมรถลากพ่วงที่ติดตั้งอุปกรณ์

  • ฝึกหยุดรถและสตาร์ทเครื่องยนต์ ยกอุปกรณ์ขึ้น ยกอุปกรณ์ลง ปลดการขับเคลื่อน PTO และจัดวางอุปกรณ์ให้ขนานกับแนวเจาะเติมอากาศรอบก่อนหน้า

การฝึกฝนจะช่วยให้คุณใช้งานอุปกรณ์ได้อย่างมั่นใจ ทั้งยังช่วยรับรองว่าคุณจะใช้อุปกรณ์อย่างเหมาะสม

คำเตือน

การปรับหรือการบำรุงรักษาอุปกรณ์ขณะรถลากพ่วงกำลังเคลื่อนที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งได้รับบาดเจ็บร้ายแรงหรือเสียชีวิตได้

  • ก่อนลุกออกจากเบาะที่นั่งคนขับ ปลดการทำงานของ PTO เข้าเบรกจอด ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก และรอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง

  • ลดอุปกรณ์ลงมาบนขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์ หรือบล็อกหรือแม่แรงสำหรับซ่อมแซมอุปกรณ์ที่เหมาะสม

  • ตรวจสอบว่าอุปกรณ์นิรภัยทั้งหมดยึดเข้าที่ดีแล้วก่อนใช้งานอุปกรณ์ต่อไป

การเตรียมตัวก่อนเจาะดินเติมอากาศ

ตรวจสอบบริเวณทำงานเพื่อดูว่ามีสิ่งที่อาจเป็นอันตรายต่ออุปกรณ์หรือไม่ หากพบเจอ ให้หยิบออก หรือวางแผนวิธีหลีกเลี่ยงอันตรายดังกล่าว ถ้าเป็นไปได้ นำเดือยเจาะสำรองและเครื่องมือไปด้วยเผื่อในกรณีที่เดือยเจาะเสียหายเนื่องจากชนกับวัตถุแปลกปลอม

ระหว่างการปฏิบัติงาน

ความปลอดภัยระหว่างการใช้งาน

ความปลอดภัยทั่วไป

  • เจ้าของ/ผู้ควบคุมสามารถป้องกันอุบัติเหตุได้ และยังเป็นผู้รับผิดชอบอุบัติเหตุที่อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บหรือความเสียหายต่อทรัพย์สินด้วย

  • อย่าใช้งานอุปกรณ์ขณะป่วย เหนื่อยล้า หรืออยู่ภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือยาเสพติด

  • โปรดมีสมาธิขณะควบคุมเครื่องจักร อย่าทำกิจกรรมที่ทำให้เสียสมาธิ มิฉะนั้นอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บหรือเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินได้

  • สวมใส่เครื่องแต่งกายที่เหมาะสม รวมถึงเครื่องป้องกันดวงตา, รองเท้ากันลื่นที่แข็งแรง, กางเกงขายาว และเครื่องป้องกันการได้ยินสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันดวงตา กางเกงขายาว รองเท้ากันลื่นที่แน่นหนา และอุปกรณ์ป้องกันการได้ยิน ถ้าผมยาวให้มัดไปข้างหลังและอย่าสวมใส่เสื้อผ้าหลวมหรือเครื่องประดับที่หย่อน

  • ห้ามนำอุปกรณ์ไปขนส่งผู้โดยสาร กันคนโดยรอบและสัตว์เลี้ยงออกห่างจากอุปกรณ์ขณะทำงาน

  • ใช้งานอุปกรณ์เฉพาะเมื่อมีทัศนวิสัยที่ดี เพื่อหลีกเลี่ยงหลุมบ่อหรืออันตรายที่มองไม่เห็นซ่อนอยู่

  • ดูแลให้มือและเท้าออกห่างจากเดือยเจาะ

  • มองไปข้างหลังและมองลงด้านล่างก่อนถอยอุปกรณ์ เพื่อให้แน่ใจว่าเส้นทางโล่ง

  • หยุดอุปกรณ์ ดับเครื่องยนต์ รอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง และตรวจสอบเดือยเจาะหลังจากชนวัตถุ หรือหากอุปกรณ์สั่นผิดปกติ ซ่อมแซมความเสียหายทั้งหมดก่อนกลับไปใช้งานต่อ

  • อุปกรณ์มีน้ำหนักมาก เมื่อติดตั้งเข้ากับอุปกรณ์และอยู่ในตำแหน่งยก น้ำหนักของอุปกรณ์จะส่งผลต่อการทรงตัว การเบรก และการบังคับเลี้ยว ดังนั้นควรใช้ความระวังระหว่างเคลื่อนย้ายอุปกรณ์จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง

  • ตรวจสอบให้รถลากพ่วงมีแรงดันลมยางที่เหมาะสมอยู่เสมอ

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณปฏิบัติตามกฎระเบียบทั้งหมดครบถ้วนแล้วก่อนจะขนส่งอุปกรณ์บนโดยใช้ถนนสาธารณะและถนนหลวง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าติดตั้งแผ่นสะท้อนแสงและหลอดไฟให้ครบถ้วนตามที่จำเป็นที่จำเป็นทั้งหมด และและดูแลให้ชิ้นส่วนอุปกรณ์เหล่านี้นั้นสะอาดและมองเห็นได้ชัดเจนโดยรถที่ขับตามมาและขับสวนมาโดยรถที่ตามมาและที่สวนมา

  • ลดความเร็วบนถนนหรือพื้นผิวขรุขระ

  • เบรกล้อทำงานแยกกันเป็นอิสระและควรล็อกไว้ด้วยกันเสมอขณะเคลื่อนย้ายอุปกรณ์

  • ใช้งานอุปกรณ์ในสถานที่ที่มองเห็นทัศนวิสัยดีเท่านั้น อย่าขับอุปกรณ์เมื่อมีความเสี่ยงที่จะเกิดฟ้าผ่า

  • สำหรับการถอดส่วนประกอบหรือซ่อมแซมชิ้นส่วนเหล็กของเพลาขับ PTO ทั้งหมด (ท่อ แบริ่ง ข้อต่อ ฯลฯ) การแยกชิ้นส่วนหรือซ่อมแซม ขอแนะนำอย่างยิ่งให้ติดต่อตัวแทนจำหน่าย Toro ในพื้นที่ เพราะการถอดส่วนประกอบออกมาเพื่อซ่อมแซมและประกอบกลับเข้าไปใหม่อาจทำให้ชิ้นส่วนบางอย่างชำรุด หากไม่ได้ดำเนินการทำด้วยเครื่องมือพิเศษ โดยช่างที่ผ่านการฝึกอบรม

  • ห้ามใช้เพลาขับ PTO โดยไม่มีแผงป้องกัน

  • คลัตช์แบบแผ่นความฝืดอาจจะร้อนขึ้นระหว่างใช้งาน ห้ามจับ ดูแลบริเวณรอบๆ คลัตช์ไม่ให้มีวัตถุไวไฟและอย่าให้คลัตช์ลื่นติดต่อกันเป็นเวลานานเพื่อป้องกันการเกิดไฟไหม้

ความปลอดภัยบนทางลาด

  • ตรวจสอบข้อมูลจำเพาะของรถลากพ่วง เพื่อจะได้ไม่บรรจุเกินขีดความสามารถของรถลากพ่วงขณะอยู่บนทางลาด

  • ทางลาดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการสูญเสียการควบคุมและอุบัติเหตุพลิกคว่ำ ซึ่งส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บร้ายแรงและการเสียชีวิตได้ คุณต้องดูแลรับผิดชอบความปลอดภัยในการใช้งานอุปกรณ์บนพื้นลาดเอียง การใช้งานอุปกรณ์บนพื้นลาดเอียงต้องใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

  • ประเมินสภาพสถานที่เพื่อพิจารณาว่าทางลาดปลอดภัยสำหรับการใช้งานอุปกรณ์หรือไม่ รวมทั้งสำรวจสถานที่ ใช้เหตุและผลและวิจารณญาณที่ดีขณะสำรวจ

  • ตรวจสอบคำแนะนำสำหรับการใช้งานอุปกรณ์บนทางลาดด้านล่าง และตรวจสอบสภาพพื้นที่อีกครั้งเพื่อพิจารณาว่าคุณสามารถใช้งานอุปกรณ์ในบริเวณดังกล่าวในสภาวะการทำงานของวันนั้นได้หรือไม่ สภาพเส้นทางที่เปลี่ยนแปลงไปอาจจะส่งผลต่อการทำงานของอุปกรณ์บนพื้นลาดได้

  • หลีกเลี่ยงการสตาร์ท จอด หรือเลี้ยวอุปกรณ์บนทางลาด หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนความเร็วหรือทิศทางกะทันหัน ควรหักเลี้ยวช้า ๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป

  • อย่าใช้งานอุปกรณ์ในสภาวะที่แรงยึดเกาะ การเลี้ยว หรือความเสถียรของอุปกรณ์ไม่แน่นอน

  • เคลื่อนย้ายหรือทำสัญลักษณ์สิ่งกีดขวาง เช่น หลุมบ่อ แอ่ง เนิน หิน หรืออันตรายอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ เพราะหญ้าสูงอาจทำให้มองไม่เห็นสิ่งกีดขวาง ทางที่ไม่ราบเรียบอาจทำให้อุปกรณ์พลิกคว่ำได้

  • การใช้งานบนหญ้าเปียก บนพื้นลาด หรือบนเนิน อาจส่งผลให้อุปกรณ์สูญเสียการควบคุมได้ ล้อขับที่สูญเสียแรงลาก อาจส่งผลให้เกิดการไถล และไม่สามารถเบรกหรือเลี้ยวได้

  • ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อใช้งานอุปกรณ์ใกล้ทางชัน คลอง ทำนบ อันตรายจากน้ำ หรืออันตรายอื่นๆ อุปกรณ์จากพลิกคว่ำฉับพลันได้ หากล้อไต่ขอบหรือขอบลาดลง ดังนั้นควรเว้นระยะห่างที่ปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์จากและอันตรายต่างๆ มาอยู่ในระยะที่ปลอดภัย

การควบคุมอุปกรณ์

Note: เมื่อใช้หัวเดือยแบบเข็ม โปรดอ่านคำแนะนำที่ให้มาพร้อมกับชุดเดือย เนื่องจากขั้นตอนการใช้งานจะแตกต่างจากเดือยชนิดอื่น

  1. ลดระดับอุปกรณ์ลงมาวางบนเหล็กต่อพ่วงแบบ 3 จุด ให้เดือยเจาะเข้าใกล้พื้นจนถึงจุดต่ำสุดของระยะเคลื่อนของเดือยเจาะ

  2. เปิดการทำงานของเกียร์ฝาก (PTO) เพื่อสตาร์ทอุปกรณ์โดยให้เครื่องยนต์ทำงานด้วยรอบต่ำ

    Important: อย่าใช้งานอุปกรณ์ที่ไม่ได้ติดตั้งหัวเดือย

  3. เลือกเกียร์ที่ขับอุปกรณ์เดินหน้าด้วยความเร็วประมาณ 1 ถึง 4 กม./ชม. (0.6 ถึง 2.5 ไมล์ต่อชั่วโมง) ความเร็ว PTO อยู่ที่ 540 รอบต่อนาที (โปรดดูคู่มือผู้ใช้ของรถลากพ่วง)

  4. หลังจากปลดคลัตช์และขับรถลากพ่วงเดินหน้า ให้ลดระดับอุปกรณ์ลงมาบนพื้นสนามจนสุด แล้วเพิ่มความเร็วรอบเครื่องยนต์จนกระทั่ง PTO ทำงานด้วยความเร็วสูงสุด 540 รอบต่อนาที

    Important: อย่าให้ PTO ของรถลากพ่วงทำงานด้วยความเร็วเกิน 540 รอบต่อนาที เพราะอาจทำให้อุปกรณ์เสียหายได้

    Note: ตรวจสอบว่าลูกกลิ้งอยู่บนพื้น

  5. สังเกตรูปแบบของหลุมเจาะ หากต้องการเพิ่มระยะห่างของหลุมเจาะ ให้เพิ่มความเร็วเดินหน้าของรถลากพ่วงโดยการเปลี่ยนเกียร์ หรือหากเป็นรถลากพ่วงที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮดรอสเตติก ใช้คันโยกหรือแป้นขับเคลื่อนไฮดรอสเตติกเพื่อเพิ่มความเร็ว หากต้องการลดระยะห่างของหลุมเจาะ ให้ลดความเร็วเดินหน้าของรถลากพ่วงลง การเปลี่ยนความเร็วเครื่องยนต์มาเป็นเกียร์ใดๆ ก็ตามจะไม่ส่งผลต่อรูปแบบของหลุมเจาะ

    Important: มองด้านหลังบ่อยๆ เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ทำงานอย่างถูกต้องและเคลื่อนที่เป็นแนวเดียวกับการเจาะเติมอากาศรอบก่อนหน้า

  6. ใช้ล้อของรถลากพ่วงเป็นไกด์ เพื่อให้ระยะห่างด้านข้างของหลุมเจาะเท่ากับแนวการเจาะเติมอากาศรอบก่อนหน้า

  7. เมื่อเจาะหลุมมาจนสุดทาง ให้ยกอุปกรณ์ขึ้นและปลดการทำงานของ PTO

  8. หากต้องกลับเข้าไปในพื้นที่แคบๆ (เช่น สนามที) ให้ปลดการทำงานของ PTO และยกอุปกรณ์ขึ้นจนอยู่ในตำแหน่งสูงสุด ระวังอย่าให้แผงป้องกันสนามครูดกับพื้นสนาม

  9. กำจัดชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่เสียหายออกจากพื้นที่ทำงานให้หมด เช่น เดือยเจาะที่แตกหัก ฯลฯ เพื่อป้องกันไม่ให้กระทบกับเครื่องตัดหญ้าหรืออุปกรณ์บำรุงรักษาสนามชนิดอื่นๆ

  10. เปลี่ยนเดือยเจาะที่แตกหัก ตรวจสภาพเดือยเจาะ หากพบว่ายังซ่อมแซมได้ ควรซ่อมแซมให้เรียบร้อย รวมทั้งซ่อมความเสียหายอื่นๆ ของอุปกรณ์ก่อนใช้งาน

การปรับระยะห่างของหลุมเจาะ

ระยะห่างหลุมเจาะด้านหน้ากำหนดโดยอัตราเกียร์ของรถลากพ่วง (หรือแป้นขับเคลื่อนระบบไฮดรอสเตติก) การเปลี่ยนความเร็วเครื่องยนต์จะไม่ส่งผลต่อระยะห่างหลุมเจาะด้านหน้า

ระยะห่างหลุมเจาะด้านข้างกำหนดโดยจำนวนเดือยเจาะที่ติดตั้งบนหัวเดือย

ระยะห่างระหว่างหลุมเจาะความเร็วขับเคลื่อนบนพื้น
มม. (นิ้ว)กม./ชม. (ไมล์ต่อชั่วโมง)
25 (1)0.6 (0.4)0.6 (0.4)0.6 (0.4)0.6 (0.4)0.6 (0.4)0.6 (0.4)0.6 (0.4)0.6 (0.4)0.8 (0.5)0.8 (0.5)0.8 (0.5)0.8 (0.5)0.8 (0.5)
32 (1.25)0.8 (0.5)0.8 (0.5)0.8 (0.5)0.8 (0.5)0.8 (0.5)0.8 (0.5)0.8 (0.5)1.0 (0.6)1.0 (0.6)1.0 (0.6)1.0 (0.6)1.0 (0.6)1.0 (0.6)
38 (1.5)1.0 (0.6)1.0 (0.6)1.0 (0.6)1.0 (0.6)1.0 (0.6)1.0 (0.6)1.1 (0.7)1.1 (0.7)1.1 (0.7)1.1 (0.7)1.1 (0.7)1.1 (0.7)1.1 (0.7)
44 (1.75)1.1 (0.7)1.1 (0.7)1.1 (0.7)1.1 (0.7)1.1 (0.7)1.1 (0.7)1.3 (0.8)1.3 (0.8)1.3 (0.8)1.3 (0.8)1.3 (0.8)1.3 (0.8)1.3 (0.8)
51 (2)1.3 (0.8)1.3 (0.8)1.3 (0.8)1.3 (0.8)1.3 (0.8)1.4 (0.9)1.4 (0.9)1.4 (0.9)1.4 (0.9)1.4 (0.9)1.4 (0.9)1.6 (1.0)1.6 (1.0)
57 (2.25)1.4 (0.9)1.4 (0.9)1.4 (0.9)1.4 (0.9)1.4 (0.9)1.6 (1.0)1.6 (1.0)1.6 (1.0)1.6 (1.0)1.6 (1.0)1.8 (1.1)1.8 (1.1)1.8 (1.1)
64 (2.5)1.6 (1.0)1.6 (1.0)1.6 (1.0)1.6 (1.0)1.6 (1.0)1.8 (1.1)1.8 (1.1)1.8 (1.1)1.8 (1.1)1.9 (1.2)1.9 (1.2)1.9 (1.2)1.9 (1.2)
70 (2.75)1.6 (1.0)1.8 (1.1)1.8 (1.1)1.8 (1.1)1.8 (1.1)1.9 (1.2)1.9 (1.2)1.9 (1.2)1.9 (1.2)2.1 (1.3)2.1 (1.3)2.1 (1.3)2.1 (1.3)
76 (3)1.8 (1.1)1.9 (1.2)1.9 (1.2)1.9 (1.2)2.1 (1.3)2.1 (1.3)2.1 (1.3)2.1 (1.3)2.3 (1.4)2.3 (1.4)2.3 (1.4)2.3 (1.4)2.4 (1.5)
83 (3.25)1.9 (1.2)2.1 (1.3)2.1 (1.3)2.1 (1.3)2.3 (1.4)2.3 (1.4)2.3 (1.4)2.3 (1.4)2.4 (1.5)2.4 (1.5)2.4 (1.5)2.6 (1.6)2.6 (1.6)
89 (3.5)2.1 (1.3)2.3 (1.4)2.3 (1.4)2.3 (1.4)2.4 (1.5)2.4 (1.5)2.4 (1.5)2.6 (1.6)2.6 (1.6)2.6 (1.6)2.7 (1.7)2.7 (1.7)2.7 (1.7)
95 (3.75)2.3 (1.4)2.4 (1.5)2.4 (1.5)2.4 (1.5)2.6 (1.6)2.6 (1.6)2.6 (1.6)2.7 (1.7)2.7 (1.7)2.7 (1.7)2.9 (1.8)2.9 (1.8)3.1 (1.9)
102 (4)2.4 (1.5)2.6 (1.6)2.6 (1.6)2.6 (1.6)2.7 (1.7)2.7 (1.7)2.7 (1.7)2.9 (1.8)2.9 (1.8)3.1 (1.9)3.1 (1.9)3.1 (1.9)3.2 (2.0)
108 (4.25)2.6 (1.6)2.7 (1.7)2.7 (1.7)2.7 (1.7)2.9 (1.8)2.9 (1.8)3.1 (1.9)3.1 (1.9)3.1 (1.9)3.2 (2.0)3.2 (2.0)3.2 (2.0)3.4 (2.1)
114 (4.5)2.7 (1.7)2.9 (1.8)2.9 (1.8)2.9 (1.8)3.1 (1.9)3.1 (1.9)3.2 (2.0)3.2 (2.0)3.2 (2.0)3.4 (2.1)3.4 (2.1)3.5 (2.2)3.5 (2.2)
121 (4.75)2.9 (1.8)3.1 (1.9)3.1 (1.9)3.1 (1.9)3.2 (2.0)3.2 (2.0)3.4 (2.1)3.4 (2.1)3.5 (2.2)3.5 (2.2)3.5 (2.2)3.7 (2.3)3.7 (2.3)
127 (5)3.1 (1.9)3.2 (2.0)3.2 (2.0)3.2 (2.0)3.4 (2.1)3.4 (2.1)3.5 (2.2)3.5 (2.2)3.7 (2.3)3.7 (2.3)3.9 (2.4)3.9 (2.4)4.0 (2.5)
133 (5.25)3.2 (2.0)3.4 (2.1)3.4 (2.1)3.4 (2.1)3.5 (2.2)3.5 (2.2)3.7 (2.3)3.7 (2.3)3.9 (2.4)3.9 (2.4)4.0 (2.5)4.0 (2.5)4.2 (2.6)
140 (5.5)3.4 (2.1)3.4 (2.1)3.5 (2.2)3.5 (2.2)3.7 (2.3)3.7 (2.3)3.9 (2.4)3.9 (2.4)4.0 (2.5)4.0 (2.5)4.2 (2.6)4.2 (2.6)4.3 (2.7)
146 (5.75)3.5 (2.2)3.5 (2.2)3.7 (2.3)3.9 (2.4)3.9 (2.4)4.0 (2.5)4.0 (2.5)4.2 (2.6)4.2 (2.6)4.3 (2.7)4.3 (2.7)4.5 (2.8)4.5 (2.8)
152 (6)3.7 (2.3)3.7 (2.3)3.9 (2.4)4.0 (2.5)4.0 (2.5)4.2 (2.6)4.2 (2.6)4.3 (2.7)4.3 (2.7)4.5 (2.8)4.5 (2.8)4.7 (2.9)4.7 (2.9)
ความเร็วรอบ PTO420430440450460470480490500510520530540

การเจาะเติมอากาศดินแข็ง

หากดินแข็งเกินไปจนไม่สามารถเจาะดินได้ตามความลึกที่ต้องการ หัวเดือยอาจจะกระเด้งกระดอนเป็นระยะๆ สาเหตุเกิดจากเดือยเจาะพยายามจะเจาะชั้นดินดาน คุณสามารถแก้ไขโดยการลองใช้วิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้:

  • แนะนำให้ทำหลังฝนตกหรือรดน้ำสนามล่วงหน้าหนึ่งวัน จึงจะได้ผลดีที่สุด

  • ลดจำนวนเดือยเจาะต่อแขนเจาะ พยายามติดตั้งเดือยเจาะเป็นรูปแบบที่สมมาตรกันเพื่อกระจายน้ำหนักไปยังแขนเจาะเท่าๆ กัน

  • ลดระยะการเจาะของเดือยเจาะ (การตั้งค่าความลึก) หากดินอัดแน่น จากนั้นทำความสะอาดเอาแกนดินออก รดน้ำสนาม แล้วเจาะเติมอากาศอีกครั้งโดยใช้ความลึกมากขึ้น

การเติมอากาศดินประเภทต่างๆ ที่อยู่บนดินชั้นล่าง (กล่าวคือเป็นดิน/ทรายที่ปกคลุมอยู่บนดินที่เต็มไปด้วยหิน) อาจทำให้คุณภาพหลุมไม่เป็นไปตามต้องการ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเมื่อเจาะเติมอากาศลงไปลึกกว่าระดับดินชั้นบน และดินชั้นล่างแข็งเกินจนเจาะไม่ได้ เมื่อเดือยเจาะสัมผัสกับดินชั้นล่าง อุปกรณ์เติมอากาศอาจจะยกขึ้น และส่งผลให้ด้านบนของรูเจาะยาวกว่าเดิม ดังนั้น ควรปรับลดความลึกในการเติมอากาศอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจาะไปจนถึงชั้นดินแข็งที่อยู่ด้านล่าง

การใช้เดือยเจาะกลม

เดือยเจาะแบบเรียวยาวที่ใช้ร่วมกับหัวเดือยเจาะแบบกลมหรือหัวเดือยขนาดเล็กอาจทำให้ด้านหน้าหรือด้านหลังของหลุมเจาะกระจุกตัวกันหรือเสียรูปเล็กน้อย โดยทั่วไปแล้ว เราสามารถเพิ่มคุณภาพหลุมเจาะของเดือยเจาะรูปแบบนี้ได้โดยการลดความเร็วของหัวเจาะลง 10 ถึง 15% จากความเร็วการใช้งานสูงสุด ลดความเร็วเครื่องยนต์จนกว่าความเร็ว PTO จะอยู่ที่ราวๆ 460 ถึง 490 รอบต่อนาที ทั้้งนี้ ระยะห่างด้านหน้าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการลดความเร็วเครื่องยนต์ นอกจากนี้ หลุมเจาะที่ถูกดันขึ้นมายังอาจได้รับผลกระทบจากตำแหน่งของชุดแดมเปอร์โรตาลิงก์ด้วย โปรดดู การปรับชุดโรตาลิงก์

หลีกเลี่ยงการยกรากขึ้นมา

การใช้หัวเดือยขนาดเล็กร่วมกับเดือยเจาะขนาดใหญ่หรือเดือยเจาะแบบตันที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่อาจจะทำให้รากของต้นหญ้าในสนามได้รับแรงเค้นอย่างมาก ความเค้นที่ว่านี้อาจทำให้รากฉีกขาด ส่งผลให้สนามบริเวณนั้นถูกยกขึ้นมา หากเกิดความเสียหายในลักษณะนี้ ลองใช้หนึ่งในวิธีการดังต่อไปนี้:

  • ลดความหนาแน่นของเดือยเจาะ (ถอดเดือยเจาะบางส่วนออก)

  • ลดความลึกในการเจาะ

    Note: ลองลดความลึกในการเจาะทีละ 13 มม. (1/2 นิ้ว)

  • เพิ่มระยะห่างหลุมเจาะด้านหน้า (เพิ่มเกียร์ส่งกำลังของรถลากพ่วงขึ้นหนึ่งระดับ)

  • ลดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของเดือยเจาะ (เดือยตันหรือเดือยเจาะ)

การปรับชุดโรตาลิงก์

ความสูงในการติดตั้งชุดแดมเปอร์โรตาลิงก์จะส่งผลต่อแรงปฏิกิริยาที่กระทำต่อแขนเจาะและลักษณะกิจกรรมบนพื้นดินระหว่างการเจาะเติมอากาศ ในกรณีที่ด้านหน้าของหลุมเจาะถูกดันขึ้น (นูนขึ้น) การปรับตำแหน่งชุดโรตาลิงก์ให้ "แข็งขึ้น” อาจจะช่วยลดการดันหลุมเจาะและเพิ่มคุณภาพหลุมเจาะได้ ในกรณีที่ด้านหลังของหลุมเจาะถูกดันขึ้น (นูนขึ้น) การปรับตำแหน่งชุดโรตาลิงก์ให้ "อ่อนลง” อาจจะช่วยเพิ่มคุณภาพหลุมเจาะได้

  1. ถอดน็อตล็อก (1/2 นิ้ว) 2 ตัวที่ยึดชุดแดมเปอร์โรตาลิงก์เข้ากับด้านล่างของโครงหัวเจาะ (รูป 26)

  2. ลดชุดแดมเปอร์ลงมาจนมองเห็นตัวคั่น (รูป 26)

  3. ย้ายตัวคั่น 1 หรือ 2 ตัวต่อด้านจากชุดแดมเปอร์ไปยังข้างบนสุดของโครงหัวเจาะ ตัวคั่นแต่ละตัวเทียบเท่า 1.27 ซม. (1/2 นิ้ว) ตัวคั่นของกันชนด้านล่างต้องอยู่บนชุดแดมเปอร์

    g007335
  4. ประกอบชุดแดมเปอร์เข้ากับโครงหัวเจาะอีกครั้ง ตรวจสอบว่าแหวน D ติดตั้งอยู่บนโครงหัวเจาะ ดังแสดงใน รูป 26 ขันน็อตล็อกทั้ง 2 ตัว

    หากต้องการเช็คความเปลี่ยนแปลงจากการปรับ ให้ปรับแค่ 3 หรือ 4 ชุดเท่านั้นเพื่อเปรียบเทียบตำแหน่งเดิมกับตำแหน่งใหม่ในแนวการเจาะหลุมทดลอง หลังจากพอใจกับผลลัพธ์ ย้ายตำแหน่งชุดประกอบส่วนที่เหลือมายังระดับความสูงเท่ากับแขนที่ต้งการ

เคล็ดลับการปฏิบัติงาน

คำเตือน

การปรับหรือการซ่อมแซมอุปกรณ์ขณะรถลากพ่วงกำลังเคลื่อนที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งได้รับบาดเจ็บร้ายแรงหรือเสียชีวิตได้

  • ก่อนลุกออกจากเบาะที่นั่ง ต้องปลดเกียร์ PTO เข้าเบรกจอด ดับเครื่องยนต์ และดึงกุญแจออกเสมอ

  • ก่อนซ่อมแซมอุปกรณ์ ให้วางอุปกรณ์ลงบนขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์หรือบล็อกที่เหมาะสม

  • ตรวจสอบว่าอุปกรณ์นิรภัยทั้งหมดยึดเข้าที่ดีแล้วก่อนใช้งานอุปกรณ์ต่อไป

  • เปิดการทำงานของ PTO ที่ความเร็วเครื่องยนต์ต่ำ จากนั้นเพิ่มความเร็วเครื่องยนต์จนกระทั่งความเร็ว PTO เพิ่มขึ้นมาเป็น 540 รอบต่อนาที (สูงสุด) และลดระดับอุปกรณ์ลงมา เดินเครื่องยนต์ด้วยความเร็วที่อุปกรณ์จะทำงานได้อย่างนุ่มนวลและราบรื่นที่สุด

    Note: การเปลี่ยนความเร็วเครื่องยนต์/PTO ในเกียร์ใดเกียร์หนึ่งของรถลากพ่วง (หรือตำแหน่งแป้นขับเคลื่อนแบบไฮดรอสเตติกในรถลากพ่วงที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฮดรอสเตติก) จะไม่ทำให้ระยะห่างระหว่างหลุมเจาะเปลี่ยนแปลง

  • ระหว่างเติมอากาศ ให้ค่อยๆ เลี้ยวอุปกรณ์ อย่าหักเลี้ยวขณะที่อุปกรณ์อยู่ในตำแหน่งยกลง วางแผนเส้นทางเติมอากาศให้เรียบร้อยก่อนลดระดับอุปกรณ์ลงมา

  • หากการทำงานส่งผลให้เครื่องยนต์เดินช้าลงระหว่างเจาะเติมอากาศบริเวณที่ดินอัดแข็งหรือขณะขึ้นเนิน ยกอุปกรณ์ขึ้นเล็กน้อยจนกระทั่งเครื่องยนต์กลับมาทำความเร็วได้อีกครั้ง จากนั้นค่อยลดระดับอุปกรณ์ลงมาอีกครั้ง

  • อย่าเพิ่งเติมอากาศหากดินแข็งหรือแห้งเกินไป แนะนำให้ทำหลังฝนตกหรือรดน้ำสนามล่วงหน้าหนึ่งวัน จึงจะได้ผลดีที่สุด

    Note: หากลูกกลิ้งเด้งขึ้นเหนือพื้นดินขณะเจาะเติมอากาศ แสดงว่าดินแข็งจนเจาะหลุมตามความลึกที่ต้องการไม่ได้ ในกรณีนี้ ควรลดความลึกในการเจาะเติมอากาศจนกว่าลูกกลิ้งจะสัมผัสกับพื้นดินระหว่างการใช้งาน

  • เพิ่มพลังการเจาะของอุปกรณ์ หากดินแข็ง จากนั้นกำจัดแกนดินออกและเจาะเติมอากาศให้ลึกกว่าเดิม แนะนำว่าควรทำหลังจากรดน้ำ

  • ProCore 864 ติดตั้้งเยื้องไปทางด้านขวาของรถลากพ่วงเพื่อให้เจาะเติมอากาศโดยที่ล้อรถไม่เคลื่อนทับแกนเจาะ เมื่อทำได้ ควรเจาะเติมอากาศโดยเยื้องไปทางแนวเจาะเติมอากาศก่อนหน้ามากขึ้น

  • ตรวจสอบ/ปรับแขนพ่วงตัวบนทุกครั้งที่เปลี่ยนความลึกในการเจาะเติมอากาศ ด้านหน้าของอุปกรณ์ควรตั้งตรง

  • มองด้านหลังบ่อยๆ เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ทำงานอย่างถูกต้องและเคลื่อนที่เป็นแนวเดียวกับการเจาะเติมอากาศรอบก่อนหน้า

  • กำจัดชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่เสียหายออกจากพื้นที่ทำงานให้หมด เช่น เดือยเจาะที่แตกหัก ฯลฯ เพื่อป้องกันไม่ให้กระทบกับเครื่องตัดหญ้าหรืออุปกรณ์บำรุงรักษาสนามชนิดอื่นๆ

  • เปลี่ยนเดือยเจาะที่แตกหักเป็นอันใหม่ ตรวจสอบและซ่อมแซมความเสียหายของอันที่ยังใช้งานได้ รวมทั้งซ่อมความเสียหายอื่นๆ ของอุปกรณ์ก่อนเริ่มใช้งาน

หลังการปฏิบัติงาน

ความปลอดภัยหลังจากการใช้งาน

ความปลอดภัยทั่วไป

  • จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ ดึงเบรกมือ ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก และรอให้การเคลื่อนไหวหยุดนิ่งก่อนจะลุกออกจากอุปกรณ์

  • ดูแลรักษาให้ชิ้นส่วนทั้งหมดของอุปกรณ์มีสภาพดีและทำงานได้ตามปกติ และขันชิ้นส่วนทั้งหมดให้แน่นหนา

  • เปลี่ยนป้ายที่สึกหรอ ชำรุด หรือหายไป

การขนย้ายเครื่องตัดหญ้า

เริ่มเคลื่อนย้ายอุปกรณ์โดยการยกอุปกรณ์ขึ้นและปลดการทำงานของ PTO ใช้ความเร็วต่ำขณะขับลงเนินชัน ลดความเร็วลงเมื่อขับเข้าไปในบริเวณที่ขรุขระ และขับข้ามสนามที่เป็นเนินลูกคลื่นถี่ๆ ด้วยความระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสีบการควบคุม

Important: ไม่ควรใช้ความเร็วเกิน 24 กม./ชม. (15 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์

การทำความสะอาดอุปกรณ์

ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
หลังจากการใช้งานแต่ละครั้ง
  • ทำความสะอาดอุปกรณ์
  • Important: อย่าใช้น้ำกร่อยหรือน้ำหมุนเวียนล้างรถ

    • หลังจากใช้งานในแต่ละวัน ล้างอุปกรณ์ให้สะอาดด้วยสายยางทั่วไปโดยไม่ต้องติดตั้งหัวฉีด เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนและป้องกันไม่ให้ซีลและแบริ่งเสียหายจากการใช้แรงดันน้ำสูงเกินไป

      Note: ใช้แปรงขจัดดินและเศษวัสดุสะสมที่แห้ง หนา หรืออัดแน่นบนอุปกรณ์

    • ทำความสะอาดฝาครอบโดยใช้สารทำความสะอาดที่มีฤทธิ์อ่อน

    • ตรวจสภาพอุปกรณ์เพื่อหาความเสียหาย น้ำมันรั่ว รวมทั้งส่วนประกอบและเดือยเจาะที่สึกหรอ

    • หลังจากทำความสะอาดอุปกรณ์ หยอดจาระบีชุดเพลาขับและแบริ่งลูกกลิ้งทั้งหมด โปรดดู การอัดจาระบีแบริ่งและบุชชิ่ง

    • พ่นละอองน้ำมันบางๆ บนแบริ่งหัวเจาะ (ก้านโยงข้อเหวี่ยงและแดมเปอร์)

    • ถอดเดือยเจาะออก ทำความสะอาด และเคลือบน้ำมัน

    การบำรุงรักษา

    กำหนดการบำรุงรักษาที่แนะนำ

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    หลังจาก 8 ชั่วโมงแรก
  • เปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นกระปุกเกียร์
  • ตรวจสอบแรงบิดของตัวยึดบนหัวเจาะ
  • ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบความตึงสายพาน
  • ตรวจสอบความตึงสายพาน
  • หลังจากการใช้งานแต่ละครั้ง
  • ทำความสะอาดอุปกรณ์
  • ทุก 50 ชั่วโมง
  • อัดจาระบีแบริ่งและบุชชิ่งหรือทันทีหลังทำความสะอาด
  • ตรวจสภาพแบริ่ง
  • ทุก 100 ชั่วโมง
  • ตรวจสอบการหล่อลื่นกระปุกเกียร์
  • ทุก 250 ชั่วโมง
  • เปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นกระปุกเกียร์
  • ตรวจสอบแรงบิดของตัวยึดบนหัวเจาะ
  • ทุก 500 ชั่วโมง
  • ตรวจสภาพแบริ่งและเปลี่ยนใหม่ ถ้าจำเป็น+
  • ก่อนจัดเก็บ
  • บำรุงรักษาตามขั้นตอนทั้งหมดทุกๆ 50 ชั่วโมง
  • โป๊วสีบริเวณที่มีรอยขีดข่วน บิ่น หรือเป็นสนิม
  • ถอดเดือยเจาะออกมาทำความสะอาด
  • กำจัดเศษสิ่งสกปรกทั้งหมดออก
  • ทุกปี
  • ตรวจสอบสายพาน
  • ความปลอดภัยในการบำรุงรักษา

    • ก่อนปรับ ทำความสะอาด ซ่อมบำรุง หรือลุกออกจากอุปกรณ์ ให้ทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

      • จอดอุปกรณ์บนพื้นราบ

      • ปรับสวิตช์คันโยกลิ้นเร่งไปยังตำแหน่งเดินรอบเบา

      • ปลดเกียร์ PTO

      • ตรวจสอบว่าระบบขับเคลื่อนอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง

      • เหยียบเบรกจอด

      • ดับเครื่องยนต์ของรถลากพ่วง และดึงกุญแจออก

      • รอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง

      • รอให้ชิ้นส่วนเย็นลงก่อนการบำรุงรักษา

    • ทำตามคำแนะนำการบำรุงรักษาที่อธิบายไว้ในคู่มือฉบับนี้เท่านั้น หากต้องซ่อมบำรุงครั้งใหญ่หรือต้องการความช่วยเหลือ โปรดติดต่อตัวแทนจำหน่ายของ Toro ที่ได้รับอนุญาต

    • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์มีสภาพการทำงานที่ปลอดภัย โดยการขันน็อต สลักเกลียว และสกรูให้แน่นหนา

    • หากเป็นไปได้ อย่าบำรุงรักษาในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน อยู่ห่างจากชิ้นส่วนเคลื่อนไหว

    • อย่าตรวจสอบหรือปรับความตึงสายโซ่ในขณะที่เครื่องยนต์รถลากพ่วงกำลังทำงาน

    • ค่อยๆ ปล่อยแรงดันจากส่วนประกอบที่มีพลังงานสะสมเก็บไว้

    • หนุนอุปกรณ์ด้วยบล็อกหรือขาตั้งจัดเก็บขณะทำงานอยู่ข้างใต้ อย่าใช้ระบบไฮดรอลิกในการหนุนอุปกรณ์

    • ตรวจสอบสลักเกลียวยึดเดือยเจาะเป็นประจำทุกวัน เพื่อให้แน่ใจว่าขันแน่นตามข้อกำหนดแล้ว

    • ติดตั้งแผงกั้นทั้งหมดให้เข้าที่ และปิดฝากระโปรงอุปกรณ์ให้แน่นหนาหลังจากบำรุงรักษาหรือปรับอุปกรณ์แล้ว

    • เพื่อรับรองความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดของอุปกรณ์ ควรใช้เฉพาะอะไหล่ทดแทนของแท้จาก Toro เท่านั้น อะไหล่ทดแทนที่ผลิตโดยผู้ผลิตรายอื่นอาจเป็นอันตราย และการใช้งานอะไหล่ดังกล่าวอาจทำให้การรับประกันผลิตภัณฑ์เป็นโมฆะ

    การยกอุปกรณ์ด้วยแม่แรง

    ข้อควรระวัง

    หากไม่ได้ขัดอุปกรณ์ไว้อย่างเหมาะสมโดยใช้บล็อกหรือแม่แรง อุปกรณ์อาจจะขยับหรือตกลงมา และเป็นสาเหตุให้บาดเจ็บได้

    • จอดอุปกรณ์บนพื้นราบที่มั่นคงแข็งแรง เช่น พื้นคอนกรีต ขัดล้อของรถลากพ่วงไว้เสมอ

    • ก่อนยกอุปกรณ์ ให้ถอดอุปกรณ์ต่อพ่วงที่อาจทำให้ไม่ปลอดภัยออก และยกอุปกรณ์ขึ้นอย่างถูกต้อง

    • เมื่อต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ต่อพ่วงหรือทำงานซ่อมบำรุงอื่นๆ ให้ใช้บล็อก เครื่องยก หรือแม่แรงที่ถูกต้อง

    • ใช้ขาตั้งแม่แรงหรือบล็อกไม้มาพยุงรับน้ำหนักของอุปกรณ์ที่ถูกยก

    Note: ยกด้านท้ายของอุปกรณ์โดยใช้ตัวยก ถ้ามี ใช้ห่วงที่อยู่บนตัวเรือนแบริ่งหัวเดือยเป็นจุดต่อพ่วงตัวยก (รูป 27)

    g007308

    การอัดจาระบีแบริ่งและบุชชิ่ง

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 50 ชั่วโมง
  • อัดจาระบีแบริ่งและบุชชิ่งหรือทันทีหลังทำความสะอาด
  • แบริ่งหลักของอุปกรณ์ซีลผนึกอย่างถาวรและไม่ต้องซ่อมบำรุงหรือหยอดน้ำมันหล่อเลื่น จึงช่วยลดภาระในการบำรุงรักษา รวมถึงความเสี่ยงที่จาระบีหรือน้ำมันจะหยดลงบนสนาม

    บนอุปกรณ์มีจุดอัดจาระบีที่จำเป็นต้องหล่อลื่นด้วยจาระบีอเนกประสงค์สำหรับอุณหภูมิสูง SAE ซึ่งเหมาะสำหรับการทำงานภายใต้แรงดันสูง (EP) หรือจาระบีลิเธียมอเนกประสงค์ SAE

    Important: หล่อลื่นจุดอัดจาระบีทันทีหลังจากการล้างอุปกรณ์ทุกครั้ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงระยะการบำรุงรักษาที่กำหนดไว้

    หยอดจาระบีอุปกรณ์ในจุดต่างๆ ดังต่อไปนี้:

    เพลาขับ PTO (3) (รูป 28)

    g007309

    แบริ่งลูกกลิ้ง (ProCore 864: 2, ProCore 1298: 4) (รูป 29)

    g007310

    แบริ่งเพลาขับ (ProCore 864: 1, ProCore 1298: 2) (รูป 30)

    g007311

    Important: แบริ่งเสียส่วนใหญ่ไม่ใช่เพราะความบกพร่องของวัสดุหรือการผลิต แต่สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือความชื้นและการปนเปื้อนที่ซึมผ่านซีลป้องกันเข้ามา แบริ่งที่ต้องหล่อลื่นด้วยจาระบีต้องบำรุงรักษาเป็นประจำเพื่อกำจัดเศษวัสดุที่เป็นอันตรายออกจากบริเวณแบริ่ง ส่วนแบริ่งแบบซีลจะอัดจาระบีชนิดพิเศษมาเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งซีลในตัวยังมีความแข็งแรงทนทานและช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งปนเปื้อนและความชื้นเล็ดลอดเข้าไปในส่วนลูกกลิ้งได้

    แบริ่งแบบซีลไม่จำเป็นต้องอัดจาระบีหรือบำรุงรักษาในระยะสั้น ใช้แบริ่งแบบปิดผนึกเพื่อลดภาระการซ่อมบำรุงที่ต้องทำเป็นประจำ รวมถึงความเสี่ยงที่สนามจะเสียหายจากการปนเปื้อนจาระบี ตรวจสภาพของแบริ่งและความสมบูรณ์ของซีลเป็นระยะเพื่อป้องกันความเสียหายที่ทำให้ใช้งานอุปกรณ์ไม่ได้ โดยควรตรวจสภาพของแบริ่งแบบปิดผนึกทุกฤดูกาลและเปลี่ยนใหม่ หากพบว่าเสียหายหรือสึกหรอ ตรวจสอบว่าแบริ่งไม่ร้อนจัด ส่งเสียงรบกวน สั่นเกินไป หรือเป็นสนิม แบริ่งควรทำงานได้อย่างราบรื่น

    เนื่องจากสภาพแวดล้อมการทำงานแบบต่างๆ ที่มีการนำแบริ่งไปใช้งาน (เช่น ทราย สารเคมีในสนาม น้ำ แรงกระแทก) ทำให้แบริ่งถือเป็นชิ้นส่วนที่เกิดการสึกหรอได้ตามปกติ ดังนั้น ปกติแล้วแบริ่งที่ไม่สามารถใช้งานได้ด้วยสาเหตุอื่นใดนอกเหนือจากความบกพร่องด้านวัสดุและฝีมือการผลิต จะไม่ได้รับความคุ้มครองภายใต้การรับประกัน

    Note: การล้างอย่างไม่เหมาะสมอาจส่งผลเสียต่ออายุการใช้งานของแบริ่ง ดังนั้น ห้ามล้างอุปกรณ์ขณะที่ยังร้อน และหลีกเลี่ยงการฉีดพ่นด้วยแรงดันสูงหรือปริมาณมากที่แบริ่งแบริ่งใหม่มักจะขับจาระบีบางส่วนออกมาจากซีลและติดอยู่บนอุปกรณ์ใหม่ จาระบีดังกล่าวจะเปลี่ยนเป็นสีดำเนื่องจากเศษสิ่งสกปรกต่างๆ ไม่ใช่เพราะความร้อนสูงเกินไป ให้เช็ดจาระบีส่วนเกินออกจากซีลหลังจากใช้งาน 8 ชั่วโมงแรก บริเวณรอบปากซีลมักจะดูเปียกอยู่เสมอ นี่ไม่ส่งผลเสียต่ออายุการใช้งานของแบริ่ง แต่ช่วยให้ปากซีลหล่อลื่นอยู่ตลอดเวลาเปลี่ยนแบริ่งหัวเจาะทุกๆ 500 ชั่วโมง สั่งซื้อชุดซ่อมบำรุงแบริ่งสำหรับหัวเจาะทั้งชุดได้จากตัวแทนจำหน่าย

    การตรวจสอบการหล่อลื่นกระปุกเกียร์

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุก 100 ชั่วโมง
  • ตรวจสอบการหล่อลื่นกระปุกเกียร์
  • กระปุกเกียร์ต้องเติมน้ำมันเกียร์ 80W-90 หรือเทียบเท่า รอให้กระปุกเกียร์เย็นตัวลงก่อนตรวจสอบการหล่อลื่น

    1. ทำความสะอาดเศษสิ่งสกปรกออกจากจุกเติม จากนั้นตรวจสอบปลั๊กเพื่อป้องกันการปนเปื้อน

    2. ดึงจุกเช็คออกจากกระปุกเกียร์ (รูป 31)

      g007312
    3. ตรวจสอบว่าระดับน้ำมันอยู่ใต้ช่องจุกเช็คในกระปุกเกียร์ (รูป 31)

    4. หากระดับน้ำมันน้อยเกินไป ถอดจุกเติมออกจากกระปุกเกียร์ แล้วเติมน้ำมันตามความจำเป็น

    5. ปิดจุก

    การเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นกระปุกเกียร์

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    หลังจาก 8 ชั่วโมงแรก
  • เปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นกระปุกเกียร์
  • ทุก 250 ชั่วโมง
  • เปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นกระปุกเกียร์
  • กระปุกเกียร์ต้องเติมน้ำมันเกียร์ 80W-90 หรือเทียบเท่า

    1. ทำความสะอาดเศษสิ่งสกปรกออกจากฝาระบาย จากนั้นตรวจสอบปลั๊กเพื่อป้องกันการปนเปื้อน (รูป 31)

    2. ถอดจุกเติมเพื่อระบายอากาศ

    3. วางอ่างระบายไว้ใต้ท่อระบายและเปิดฝาระบายออก

      Note: น้ำมันเย็นจะมีความหนืดสูง ทำให้ต้องใช้เวลาระบายนานขึ้น (ประมาณ 30 นาที)

    4. หลังจากระบายน้ำมันออกมาหมดแล้ว ปิดฝาระบาย

    5. เติมน้ำมันเกียร์ 80W-90 คุณภาพสูง 1,650 มล. (56 ออนซ์ของเหลว)

    6. ปิดจุกเติม

    7. ตรวจสอบระดับน้ำมัน

    การตรวจสอบแรงบิดของตัวยึดบนหัวเจาะ

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    หลังจาก 8 ชั่วโมงแรก
  • ตรวจสอบแรงบิดของตัวยึดบนหัวเจาะ
  • ทุก 250 ชั่วโมง
  • ตรวจสอบแรงบิดของตัวยึดบนหัวเจาะ
  • หลังจากใช้งานครบ 8 ชั่วโมงแรก ตรวจสอบตัวยึดบนหัวเจาะเพื่อให้แน่ใจว่าแรงบิดยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม ข้อกำหนดเกี่ยวกับแรงบิดของตัวยึดมีระบุอยู่บนป้ายการซ่อมบำรุงอ้างอิงด้านล่างและบนหัวเดือย

    decal110-4664

    การตรวจสอบสายพาน

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ทุกปี
  • ตรวจสอบสายพาน
  • สายพานขับบนอุปกรณ์มีความแข็งแรงทนทาน แต่เมื่อสัมผัสกับรังสียูวีจากการใช้งานตามปกติ โอโซน หรือสัมผัสกับสารเคมีโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็อาจทำให้ส่วนประกอบที่เป็นยางเสื่อมสภาพได้เมื่อเวลาผ่านไป และทำให้สึกหรอหรือสึกกร่อนก่อนเวลาอันควร (กล่าวคือบิ่นหรือแตกหัก)

    เราแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ตรวจสภาพสายพานเป็นประจำทุกปีเพื่อหาร่องรอยของการสึกหรอ วัสดุรองแตกมากเกินไป หรือเศษวัสดุขนาดใหญ่ฝังบนสายพาน และเปลี่ยนสายพานใหม่เมื่อจำเป็น

    การปรับความตึงสายพาน

    ระยะการซ่อมบำรุงขั้นตอนการบำรุงรักษา
    ก่อนการใช้งานแต่ละครั้งหรือทุกวัน
  • ตรวจสอบความตึงสายพาน
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสายพานมีความตึงเหมาะสม เพื่อให้อุปกรณ์ทำงานถูกต้องและไม่เกิดการสึกหรอโดยที่ไม่จำเป็น

    1. ตรวจสอบว่าสายพานมีความตึงเหมาะสมโดยการกดอัดสปริงไอเดลอร์จนมีความยาว 146 มม. (5-3/4 นิ้ว) โปรดดู รูป 33

      decal110-4667
    2. ปรับความตึงสายพานตามขั้นตอนดังนี้:

      1. ถอดฝาครอบหัวเจาะด้านหลัง (รูป 34)

        g007316
      2. ถอดสลักเกลียวยึดแผ่นกั้นพูลเลย์ 2 ตัวออก จากนั้นถอดแผ่นกั้น (รูป 34)

      3. คลายน็อตล็อกที่ใช้ยึดแหวนยึดสปริง (รูป 35)

        g007315
      4. ปรับแหวนยึดสปริงเพื่อให้สปริงขณะบีบอัดมีความยาวตามที่ต้องการ (รูป 35)

      5. ขันน็อตล็อกเข้ากับแหวนยึดสปริงเพื่อล็อกการปรับเอาไว้

      6. ติดตั้งแผ่นกั้นพูลเลย์และฝาครอบหัวเจาะ

    การเปลี่ยนสายพานขับ

    Note: การเปลี่ยนสายพานขับไม่จำเป็นต้องถอดแขนเจาะด้านนอกออก

    การถอดสายพาน

    1. ถอดฝาครอบหัวเจาะด้านหลัง (รูป 36)

      g007316
    2. ถอดสลักเกลียวยึดแผ่นกั้นพูลเลย์ 2 ตัวออก จากนั้นถอดแผ่นกั้น (รูป 36)

    3. ถอดสลักเกลียวที่ยึดแผ่นกันฝุ่นและแผ่นกั้นสายพานตัวล่าง (รูป 37) ถอดแผ่นกันฝุ่นและแผ่นกั้นสายพานตัวล่าง

      g007317
    4. หากต้องการลดความตึงของสปริงไอเดลอร์ คลายน็อตล็อกที่ใช้ยึดแหวนยึดสปริง (รูป 38) จากนั้นหมุนแหวนยึดสปริง

      g007319

      ข้อควรระวัง

      สปริงมีแรงตึง ดังนั้นควรปรับหรือถอดด้วยความระมัดระวัง

    5. คลายและถอดน็อตล็อกและแหวน 2 ชุดที่ทำหน้าที่ยึดแดมเปอร์โรตาลิงก์ของแขนเจาะตัวที่ 1 (รูป 39)

      g007320
    6. นำแดมเปอร์โรตาลิงก์ลงมาจากโครงหัวเจาะ

    7. ลากสายพานขับลงมาผ่านโครงหัวเจาะ และอ้อมปลายด้านล่างของแขนเจาะตัวที่ 1 (รูป 39)

    การติดตั้งสายพาน

    1. ลากสายพานขับเส้นใหม่อ้อมปลายด้านล่างของแขนเจาะตัวที่ 1 และลากขึ้นไปผ่านโครงหัวเจาะ

    2. วางสายพานขับบนพูลเลย์ข้อเหวี่ยง ใต้ชุดไอเดลอร์และเหนือพูลเลย์ขับสายพาน

    3. ยกแดมเปอร์โรตาลิงก์ของแขนเจาะตัวที่ 1 ขึ้นไปบนโครงหัวเจาะ ตรวจสอบว่าตัวคั่นแดมเปอร์ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งเดิมก่อนที่จะถอดออกมา

    4. ยึดแดมเปอร์โรตาลิงก์เข้ากับหัวเจาะโดยใช้แหวนและน็อตล็อก 2 ชุดที่ถอดออกมาก่อนหน้านี้

    5. ติดตั้งและปรับพูลเลย์ปรับความตึงสายพาน จากนั้นปรับจนได้ความตึงที่เหมาะสม

    6. ติดตั้งแผ่นกันฝุ่นและแผ่นกั้นสายพานตัวล่าง ปรับแผ่นกั้นตัวล่างเพื่อให้มีระยะห่างจากสายพาน

    7. ติดตั้งพูลเลย์และฝาครอบหัวเจาะ

    การปรับแผ่นกั้นด้านข้าง

    แผ่นกั้นด้านข้างหัวเดือยควรปรับให้ด้านล่างอยู่ห่างจากพื้นสนามระหว่าง 25 ถึง 38 มม. (1 ถึง 1-1/2 นิ้ว) ขณะเติมอากาศ

    1. คลายสลักเกลียวและน็อตที่ยึดแผ่นกั้นกับโครงอุปกรณ์ (รูป 40)

      g007322
    2. ปรับแผ่นกั้นขึ้นหรือลง แล้วขันน็อตให้แน่นหนา

    การเปลี่ยนแผงป้องกันสนาม

    ควรเปลี่ยนแผงป้องกันสนาม (รูป 41) ทั้งหมดที่แตกหักหรือสึกหรอจนกระทั่งหนาไม่ถึง 6 มม. (1/4 นิ้ว) แผงป้องกันสนามที่แตกหักอาจจะครูดและทำให้สนามหญ้าฉีกขาดเสียหาย

    g007334

    การกำหนดเวลาการทำงานของหัวเดือย

    ดีไซน์ของหัวเจาะของอุปกรณ์ใช้มาตรฐานเดียวกัน การทำงานจึงราบรื่นในระดับแถวหน้าของอุตสาหกรรม ไม่ต้องเสียเวลาคาดเดาว่าต้องตั้งค่าอย่างไรจึงจะเหมาะสม

    ProCore 864 (รูป 42)

    แขนข้อเหวี่ยงแต่ละคู่ที่เชื่อมต่อกันผ่านตัวเรือนแบริ่งถูกตั้งเวลาให้ห่างกัน 180 องศา (ตำแหน่งแขน 1-2, 3-4, 5-6, 7-8) คู่แขนข้อเหวี่ยงที่อยู่ติดกันทั้งหมดจะตั้งเวลาไว้เท่ากัน โดยคู่ต่อมาจะช้ากว่าคู่ก่อนหน้า 120 องศา แขนข้อเหวี่ยงคู่ที่อยู่ติดกันจะใช้ข้อต่อคัปปลิงคู่เดียวกัน (ตำแหน่งข้อต่อ 2-3, 4-5, 6-7) หากต้องการลดการสั่นลงอีก สามารถเพิ่มน้ำหนักถ่วง 2 ลูกที่ตำแหน่ง 1 บนพูลเลย์และตำแหน่ง 8

    Note: ตัวเลขที่อยู่บนแขนข้อเหวี่ยงไม่ตรงกับเครื่องหมายแสดงตำแหน่งยกที่อยู่บนตัวเรือนแบริ่งของ ProCore 864

    g007324

    ProCore 1298 (รูป 43)

    อุปกรณ์นี้ประกอบด้วยหัวเจาะอิสระ 2 หัว แต่ละหัวมีแขน 6 อัน เวลาทำงานของหัวเจาะจะไม่ขึ้นอยู่กับหัวเจาะที่อยู่ติดกัน เครื่องหมายบอกเวลาทำงานสังเกตได้ง่ายๆ จากตัวเลขบนเบ้าแขนข้อเหวี่ยงและตัวระบุตำแหน่งยกบนตัวเรือนแบริ่ง แขนอันที่ 1 เริ่มต้นทำงานด้วยพูลเลย์ขับเสมอ

    g007323

    การปลดอุปกรณ์ออกจากรถลากพ่วง

    Important: โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานและความปลอดภัยในคู่มือผู้ใช้ของเพลาขับ PTO

    Note: คุณสามารถเก็บอุปกรณ์ไว้ในขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์บนพาเลทจัดส่งอุปกรณ์ที่ได้มาในตอนแรก

    การเตรียมอุปกรณ์และรถลากพ่วง

    จอดรถลากพ่วงและอุปกรณ์บนพื้นราบ ปลดการทำงานของ PTO เข้าเบรกจอด ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก และรอให้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่งก่อนลุกออกจากที่นั่งของผู้ปฏิบัติงาน

    การประกอบอุปกรณ์เข้ากับขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์

    ProCore 864
    1. สอดหมุดของขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์ผ่านรูบนโครงยึดขาตั้งของโครงเหล็กต่อพ่วง (รูป 44)

      g333377
    2. ใช้หมุดสลัก 2 ตัวยึดหมุดของขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์เข้ากับโครงยึดขาตั้ง (รูป 44)

    3. ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1 และ 2 ที่อีกด้านหนึ่งของอุปกรณ์

    4. ค่อยๆ ลดระดับอุปกรณ์ลงมาจนกระทั่งขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์สัมผัสกับพื้้น

    การประกอบอุปกรณ์เข้ากับขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์

    ProCore 1298

    Note: ขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์หนักประมาณ 85 กก. (187 ปอนด์)

    1. วางแผ่นรองรับของขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์ให้ตรงกับโครงยึดขาตั้งบนโครงเหล็กต่อพ่วงของอุปกรณ์ (รูป 45)

      g333403
    2. ยกอุปกรณ์ลงมาวางในขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์จนกระทั่งร๔บนขาตั้งตรงกับรูบนโครงยึดขาตั้งของเหล็กต่อพ่วง (รูป 45)

    3. ยึดขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์เข้ากับอุปกรณ์โดยใช้หมุดขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์ 2 ตัว และปิ๊นตัวอาร์ 2 ตัว (รูป 46)

      g333404
    4. ค่อยๆ หย่อนอุปกรณ์ลงมาจนกระทั่งสัมผัสกับขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์

    การปลดอุปกรณ์ออกจากรถลากพ่วง

    1. ถอดหมุดสลัก 2 ตัวออก จากนั้นเลื่อนแขนต่อพ่วงตัวล่างออกจากหมุดเหล็กต่อพ่วงของอุปกรณ์ (รูป 47)

      เก็บหมุดต่อพ่วงไว้กับอุปกรณ์

      g333405
    2. คลายน็อตล็อก (รูป 48) แล้วหมุนแขนปรับตัวบนเพื่อผ่อนแรงตึงระหว่างอุปกรณ์กับรถลากพ่วง

      g333406
    3. ถอดหมุดสลักและหมุดแขนพ่วงที่ยึดแขนปรับตัวบนเข้ากับแผ่นเหล็กต่อพ่วงด้านบนของอุปกรณ์ (รูป 48)

    4. ถอดหมุดสลักและหมุดแขนพ่วงที่ยึดแขนปรับตัวบนเข้ากับโครงยึดแขนพ่วงของรถลากพ่วง (รูป 48)

      Note: เก็บหมุดสลักและหมุดแขนพ่วงด้านบนไว้กับอุปกรณ์

    5. ถอดสายโซ่แผ่นกั้นนิรภัย (รูป 49) ออกจาก PTO ของรถลากพ่วง (รุ่นมาตรฐาน CE เท่านั้น)

      g333407
    6. ดึงคอล็อกมาด้านหลังเพื่อถอดเพลาขับ PTO ออกจากเพลาส่งกำลัง PTO บนรถลากพ่วง

      g333451
    7. เลื่อนเพลาขับ PTO มาด้านหลัง และถอดออกจากรถลากพ่วง

    8. ใช้สายโซ่แผ่นกั้นนิรภัยมาช่วยรองรับเพลาขับ PTO โดยต่อสายโซ่จากแผ่นกั้น PTO เข้ากับอุปกรณ์ (รูป 51)

      Note: การรองรับเพลาขับ PTO ในลักษณะนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เพลาขับสัมผัสกับพื้น

      g333452

    การจัดเก็บ

    ความปลอดภัยเมื่อจัดเก็บ

    • ก่อนทำการปรับ ทำความสะอาด จัดเก็บ หรือซ่อมแซมอุปกรณ์ ควรจอดอุปกรณ์บนพื้นราบ เข้าเบรกจอดของรถลากพ่วง ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก และรอให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่งก่อนลงจากรถลากพ่วง

    • จัดเก็บอุปกรณ์บนขาตั้งโดยวางบนพื้นราบที่มั่นคงเพื่อไม่ให้จมหรือพลิกคว่ำ

    • จัดเก็บอุปกรณ์ให้ห่างจากบริเวณที่มีกิจกรรมของมนุษย์

    • อย่าให้เด็กเล่นบนหรือรอบๆ อุปกรณ์ที่จัดเก็บไว้

    การจัดเก็บอุปกรณ์

    หลังจากจบฤดูกาลเจาะเติมอากาศสนามหญ้าหรือเมื่อต้องจัดเก็บอุปกรณ์ไว้เป็นเวลานาน ควรดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้

    1. ทำความสะอาดสิ่งสกปรกหรือจาระบีที่อาจจะสะสมอยู่บนอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนเคลื่อนไหว

    2. ถอดเดือยเจาะออกมาทำความสะอาด ทาน้ำมันเคลือบเดือยเจาะเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นสนิมระหว่างจัดเก็บ

    3. ยกฝากระโปรงขึ้น และทำความสะอาดภายในอุปกรณ์

    4. หล่อลื่นจุดอัดจาระบีทั้งหมด

    5. จัดเก็บอุปกรณ์บนขาตั้งจัดเก็บอุปกรณ์ที่มีมาให้โดยวางขาตั้งบนพื้นแข็งที่แห้งสนิท

    6. ใช้สายโซ่พยุงเพลาขับ PTO ไว้ในตำแหน่งจัดเก็บเพื่อป้องกันความเสียหาย หรือถอด PTO ออกและจัดเก็บไว้ใต้ฝากระโปรงเพื่อลดการสึกกร่อน

    7. โป๊วสีบนลูกกลิ้งหรือทาทับรอยขูดขีดบนพื้นผิวที่มีการทาสี

    8. เปลี่ยนสติกเกอร์ทั้งหมดที่ชำรุดหรือสูญหาย

    9. จัดเก็บอุปกรณ์ไว้ในอาคารที่แห้งและปลอดภัย การจัดเก็บอุปกรณ์ไว้ภายในอาคารช่วยลดภาระในการบำรุงรักษา ยืดอายุการใช้งาน และเพิ่มมูลค่าคงเหลือของอุปกรณ์ หากไม่สามารถจัดเก็บอุปกรณ์ไว้ในอาคารได้ ควรคลุมอุปกรณ์ด้วยผ้ายางหรือผ้าใบกันน้ำหนาๆ แล้วยึดให้แน่นหนา